เรื่องราวจากแนวป่าดงดอย มีไม่น้อยที่สะท้านสะเทือนใจเรา ชาวเมืองที่ยังคงหลับใหลในท่ามกลางแสงสีศิวิไรซ์ในเมืองกรุง ที่ชีวิตเต็มไปด้วยความบันเทิงเริงรมย์ สะดวกสบายไปทุกสิ่ง
แต่...จากชายชาญทหารกล้าคนหนึ่งที่เดินทางจากลูกเมียเพื่อไปปกปักปฐพีตามแนวชายแดนประเทศ สภาพก็ล้วนทุเรศทุรกันดาร เงียบเหงา แต่กลับเต็มไปด้วยเงามัจจุราชอันตรายจากผู้ก่อการร้ายแบ่งชาติ
หนึ่งนั้นคือหน้าที่ หนึ่งนั้นก็คือสามีของภรรยาและบิดาของลูก ที่เฝ้าห่วง เฝ้าติดตามคอยอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุ้มครองป้องปักให้ปลอดภัย
แต่นั่นแหละ...ชีวิตเป็นสิ่งไม่มีใครกำหนด ชีวิตปลิดลอยได้ทุกเมื่อ เพียงแต่...ชีวิตนั้นคุ้มค่าแค่ไหน สำหรับการทดแทนคุณชาติแล้ว ชีวิตนี้ย่อมคุ้มค่าที่สุดและสมควรแก่การสรรเสริญ
บทกวีต่อไปนี้ มอบแด่ ชายชาญ...ผู้นั้น
ที่ขอบฟ้าทาทาบฉาบสีรุ้ง
เป็นขอบคุ้งโค้งเคียวด้วยเรียวแสง
ฟ้าสีครามใสสีระเรื่อแดง
สุริยันยอแสงลับยอดไม้
พิรุณหยาดขาดเม็ดละอองฟ่อง
ฟ้าสีทองทาบรุ้งพิสมัย
พระพายพัดกรุ่นกลิ่นกำซาบใจ
พลบค่ำแล้วยอดไม้ก็ลับตา
เพลงราตรีขับคลอเคียงคู่โสม
มโหรีปี่ประโคมในแนวป่า
นั่งเอนกายคล้ายเหงาเปล่าอุรา
ณ เชิงผา ชายคนนี้ไร้ที่เคียง
มีเพียงปืนคู่กายไว้ก่ายกอด
ไร้คำพลอดกระซิกซี้ที่หวานเสียง
ไร้ใบหน้าลูกน้อยค่อยสำเนียง
พ่อมาเสี่ยงชายแดนในดงดอน
เป็นหน้าที่ชายชาญทหารหาญ
ขจัดพาลศัตรูชาติมิอาจถอน
มิรู้กรรมกายลับดับชีพรอน
โอ้ลูกน้อยดวงสมรก็กำพร้า
หากพ่อสิ้นบุญปลูกแต่เพียงนี้
แม่จงดีเลี้ยงลูกปลูกคุณค่า
อย่าฟูมฟายคร่ำครวญล้วนน้ำตา
จงภูมิใจเถิดว่า หน้าที่เรา
ได้เกิดมาทดแทนบุญคุณชาติ
ได้สมมาดครองคู่อยู่กับเจ้า
ได้ลูกน้อยน่ารักปักใจเนา
บุญส่งเอาชาติใหม่ได้พบกัน
.............................
คืนนี้...ไร้เงาจันทร์
คืนนั้น...ปืนกัมปนาทลั่นป่า
คืนนี้...พระสวดดังศาลา
คืนนั้น...ภูผา ร่ำลา... โศกาดูร
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
คุณ Little Jazz ครับ
ขอบคุณสำหรับเพลงที่ไพเราะและมีความหมายอย่างยิ่ง ผมสอนนักศึกษาวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี เชียงใหม่ ซึ่งเป็นนักศึกษาจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมอ่านบทกวีแล้วตามด้วยเพลง "จดหมายถึงพ่อ" หลายคนถึงกับน้ำตาซึมเลยครับ
สวัสดีคะอาจารย์ เรื่องนี้มันโดนใจหนูมากคะ เพราะหนูเกิดมาท่ามกลางครอบครัวทหาร ที่ทุกคนต้องปฏิบัติหน้าที่อยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งก็ทราบกันดีว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร หนูรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่อาจารย์สื่อมาว่าเป็นอย่างไร แต่ที่บ้านหนูสอนมาว่าเป็นลูกทหารต้องอดทน หนูมีกลอนมาฝากอาจารย์ด้วย อันอาจจะไม่ไพเราะแต่มันเป็นสิ่งที่หนูอยากบอกให้ทราบกัน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุให้ใจจดจำ
ความขบขำจำพรากจากจิตใจคนมากหลาย
จากอดีตถึงปัจจุบันมันยังไม่คลี่คลาย
รู้ความหมายต้องประสงค์ของผู้กระทำก็หาไม่
กี่ชีพพลีเพื่อชาติกี่ชีวิตบริสุทธิ์ต้องสังเวย
มีใครเล่าชดเชยสิ่งที่สูญเสียไปได้
หลายครอบครัวต้องสูญเสียต้องร้องไห้
จิตใจทมทรมานบุตรหลานเป็นกำพร้า
เหตุเกิดรายวันจนประชาชนหม่นหมอง
ชีวิตไม่ผ่องใสดูว่าวุ่นเหมือนคนไร้ค่า
หลายปีที่ผ่านพ้นผู้คนต่างหวาดผวา
เมื่อไรหนาสันติสุขจะกลับคืนสู่แดนใต้อีกครั้ง
นี้ก็เสียงสะท้อนเสียงหนึ่งจากใจของนักศึกษาชาวใต้คนนี้ ขอขอบคุณบทความของอาจารย์มากๆๆคะที่ได้อ่านแล้วสะท้อนให้หนูคิดได้ในหลายๆๆอย่าง ขอบคุณคะ
หนูจะติดตามผลงานของอาจารย์นะคะ
สวัสดีคะอาจารย์หนูอ่านบทกวีชีวิตของอาจารย์แล้วทำให้คิดถึงคุณปู่ที่พึ่งเสียไป มากและก็คิดถึงพ่อที่เสียไปนานแล้วด้วยเหมือนกัน อ่านบทกวีของอาจารย์ทำให้คิดถึงพ่อกับคุณปู่มากเพราะท่านทั้งสองรักหนูมาก แต่หนูไม่มีโอกาสตอบแทนท่านทั้งสอง อ่านแล้วซึ้ง เหงา เศร้าด้วย ถึงแม้ท่านทั้งสองจะไม่ได้เป็นทหาร ไม่ได้ทำหน้าที่เพื่อชาติ แต่ท่านทั้งสองรักหนูและหนูก็รักท่าน และไม่ลืมคำสอนของท่านถึงแม้ท่านทั้งสองจะไม่อยู่กับหนูแล้วก็ตาม อาจารย์คะบทกวีของอาจารย์ทำให้หนูคิดอะไรได้หลายอย่างมาก
คุณมาลี อินทวี
ทำความดีให้ท่าน และแต่งบทกวีระลึกถึงท่าน เพื่อเก็บความดีที่ท่านทำให้ให้เรา ท่านจะได้ดีใจและสุขใจในสัมปรายภพครับ