จังกึมมีจิตใจดี ห่วงใยชีวิตผู้อื่น มากกว่าตนเอง ขนาดยอมเดินขึ้นเขาไปตั้งไกล เพื่อไปเอาน้ำบริสุทธิ์มาต้มยา
จังกึม ถูกลงโทษโดยถูกเนรเทศไปเกาะเชจู
ก็พยายามหนีตลอดเวลา เพราะมีความมุ่งมั่นที่จะกลับไปวังหลวง
จนพระเอกต้องมาช่วยเตือนสติว่า หากเธอหนีและถูกจับได้ จะมีโทษถึงตาย
ความฝันที่วางไว้ ก็จะทำไม่ได้ เธอจึงเปลี่ยนใจ และต่อมาก็พบว่า
หนทางหนึ่งที่ทำให้เธอกลับเข้าวังหลวงได้
คือไปสมัครเพื่อคัดเลือกเป็นหมอหลวง
โชคดีบนบนเกาะมีหมอหญิง จังด๊อก
ซึ่งเป็นหมอที่มีความสามารถมาก แต่มีนิสัยค่อนข้างประหลาด
และเอาใจยากอยู่ แต่นางก็รับจังกึมเป็นลูกศิษย์ ทำให้สาวๆ
นางอื่นที่รับใช้จังด๊อกมาหลายปี
แต่ก็ไม่ได้รับการสอนสั่งเหมือนจังกึมเกิดความสงสัย
นางจึงเฉลยว่าที่รับจังกึมเป็นศิษย์เพราะ
-
จังกึมใฝ่รู้ ช่างสังเกต ละเอียด ละออ
-
จังกึมมีจิตใจดี ห่วงใยชีวิตผู้อื่น มากกว่าตนเอง
ขนาดยอมเดินขึ้นเขาไปตั้งไกล เพื่อไปเอาน้ำบริสุทธิ์มาต้มยา
เพราะบนเกาะ มีแต่น้ำเค็ม ซึ่งหากนำไปต้มยา
จะเป็นอันตรายต่อคนป่วยมากขึ้น
คุณสมบัติทั้งสองข้อ โดยเฉพาะข้อสอง
คงเป็นคุณสมบัติที่ทุกสถานบันผลิตแพทย์ต้องการอย่างยิ่งในการคัดเลือกนักศึกษา
เพราะน่าจะเป็นคุณสมบัติที่การันตีการเป็นหมอที่ดีในอนาคตได้
จังด็อกโชคดียิ่ง
ที่สามารถเห็นพฤติกรรมของคนก่อนที่จะรับเป็นศิษย์ ผิดกับการคัดเลือกนักเรียนเข้าเรียนแพทย์ในเมืองไทย
เพราะเราใช้การสอบเป็นหลัก เด็กๆ หลายคน ยังเลือกตามกระแส
หลายคนเลือกตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ
และหลายคนเลือกเพราะไม่รู้จะเรียนอะไรดี แต่เผอิญเรียนเก่ง คะแนนถึง
ฯลฯ) สถาบันส่วนใหญ่ก็ได้พยายามเพิ่มวิธีการต่างๆนาๆ
เพื่อให้ได้นักเรียนแพทย์ที่มีคุณลักษณะที่จะเป็นแพทย์ที่ดีในอนาคตได้
แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าได้ผลมากน้อย
ความเห็น
ที่ University of Western Australia
เค้าเริ่มมีระบบการสัมภาษณ์โดยใช้ทั้งคณาจารย์และอาสาสมัครจากภายนอกมาช่วยดำเนินการสัมภาษณ์นักเรียนที่สอบเข้าแพทย์กับทันตแพทย์ได้
ทำมาถึงตอนนี้ก็หกปี จะเริ่มปีที่เจ็ดแล้ว
ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่เด็กซึ่งผ่านการสัมภาษณ์ระบบนี้จะจบออกมาทำงาน
เค้ามีสถิติว่าเด็กที่รับเข้ามาโดยผ่านระบบนี้จะเรียนได้ตลอดรอดฝั่ง
อัตราการลาออกน้อยลงมาก และเค้าจะตามดูว่าเด็กที่จบมาเป็นอย่างไร
วิธีการนี้น่าสนใจสำหรับบ้านเราไหมคะ
ตัวเองได้มีโอกาสไปร่วมเป็นผู้สัมภาษณ์ในปีนึงด้วย
คิดว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจเหมือนกันค่ะ
อยากให้บ้านเราพิจารณาระบบนี้ว่าจะช่วยทำให้เราได้แพทย์ที่มีคุณสมบัติที่ดี
คัดกรองคนที่เรียนดีแต่ทัศนะคติไม่ใช่สำหรับวิชาชีพนี้
เพื่อว่าจะได้ลดปัญหาสืบเนื่องต่อๆมาในอนาคต
ผมคิดแบบง่ายๆนะครับ ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้
เกิดขึ้นเนื่องจากเราสร้างค่านิยมที่จะเอาเด็กที่เก่งมาเรียนหมอ
และเป็นค่านิยมที่เด็กที่เรียนเก่งรับเอาไว้แล้วซะด้วย ไม่ต่ำกว่า 8ใน
10 คนของคนที่เรียนเก่ง อยากจะเรียนหมอ ถามว่าเรียนได้มั้ย
ตอบได้เลยว่าคุณสมบัติยิ่งกว่าเพียบพร้อมอีก เรียนได้แน่นอน
แต่เรียนจบแล้วจะเป็นหมอที่ดีหรือเปล่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เพราะเด็กที่เรียนเก่งเหล่านี้ ส่วนใหญ่เอาแต่เรียน
เกิดมาเพื่อเรียนจริงๆ วันๆตั้งหน้าตั้งตาอยู่หน้าหนังสือ
การรู้จักช่วยเหลือผู้อื่น เอาง่ายๆ
ในกลุ่มเพื่อนร่วมชั้นเรียนน้อยมาก
จำได้ว่ามีเพื่อนบางคนสมัยที่เรียนมัธยม เรียนได้เก่งมาก
แต่ถ้าจะให้มาติวให้เพื่อนเพื่อช่วยเหลือให้คนที่เรียนไม่ดี
ได้เข้าใจมากขึ้นละก้อ เมินเสียเถอะ
เขาไม่มีเวลาที่จะมาสูญเสียกับเรื่องไร้สาระอย่างนี้
สุดท้ายเขาก็ได้เป็นหมอสมใจ แต่จะเป็นหมอที่ดีหรือเปล่า...ไม่รู้
เพราะไม่ได้เจอกันนานแล้ว ไม่อยากเจอด้วยแหละ
ถ้าเรามองในมุมกลับ
เป็นไปได้ไหมที่เราเลือกเอาคนดีเป็นที่ตั้ง
หมายถึงผู้ที่มีทัศนคติที่ดีในการเป็นหมอ
รู้จักช่วยเหลือผู้อื่นโดยสันดาน แต่มีความฉลาดพอสมควร
ไม่ใช่เก่งเป็นเลิศ
เอาแค่เพียงพอจะเรียนหมอให้จบโดยไม่ต้องเป็นภาระของใคร
แต่คนเหล่านี้ใส่ใจที่จะช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยเป็นที่ตั้ง
ถ้าเป็นไปได้วันนั้นเราน่าจะได้หมอที่เป็นหมอจริงๆ
สมดังคำของพระบิดา