เคยสงสัยบ้างมั๊ยคะว่า...เมื่อไหร่เราควรจะให้ทิป? หรือ ณ เวลานี้เราควรจะให้ทิปหรือไม่? ถ้าจะให้ ควรให้เท่าไหร่จึงจะเหมาะสม? ถ้าไม่ให้จะเป็นการเสียมารยาทหรือเปล่า?
ที่ถามก็เพราะหลายครั้งที่ตัวฉันเองตกอยู่ในสถานการณ์ “จะทิปหรือไม่ทิปดีหว่า” กับ “ทิปเท่าไหร่ดีวะ” และจะเกิดอาการแบบนีมากขึ้นตอนอยู่นอกประเทศไทย
เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาเวลาที่อยู่ในประเทศไทยคงมาจากสาเหตุหลักคือ การให้ทิปไม่ใช่ธรรมเนียมไทย ชื่อก็บอกอยู่โต้งๆ ว่าทับศัพท์มาจาก Tip ในภาษาอังกฤษ ฉะนั้นฉันจึงไม่รู้สึกว่าการให้ทิปเป็นเรื่องสลักสำคัญแต่อย่างใด อยากให้ก็ให้ ไม่อยากให้ก็ไม่ให้ เพราะทิปเป็นเรื่องของความพอใจ
ความหมายของทิปคือ เงินจำนวนหนึ่งที่ผู้ใช้บริการมอบให้แก่ผู้ที่ทำหน้าที่ให้บริการแก่ตนเอง โดยจ่ายเพิ่มเติมให้เป็นพิเศษนอกเหนือจากค่าใช้จ่ายที่จ่ายเพื่อบริการนั้นๆไปแล้ว
สมัยที่ธรรมเนียมการให้ทิปมาถึงเมืองไทยใหม่ๆ คนที่ไม่สันทัดภาษาอังกฤษก็จะได้ยินเป็นทำนองว่า “ถีบ” จนมีเรื่องโกรธเคืองกันมาแล้ว แต่พอรู้ว่าเป็นอะไร ก็กลายเป็นว่า “อย่าลืมถีบผมหนักๆนะครับพี่”
ถึงยุคนี้ การให้ทิปก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่ชัดเจนนักสำหรับหลายๆคน มีความลังเลไม่แน่ใจว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไรในบางสถานการณ์ ซึ่งสถานการณ์หลักที่เกี่ยวข้องกับทิปคือ บริการที่เกิดขึ้นในร้านอาหาร โรงแรม และการท่องเที่ยว ผู้ที่ให้บริการก็ได้แก่ พนักงานเสริฟ คนเฝ้าประตู พนักงานยกกระเป๋า แม่บ้าน คนขับรถ คนเฝ้าห้องน้ำ ไกด์ ช่างทำผม ฯลฯ
หลังจากศึกษาและสังเกตการณ์อยู่พักหนึ่งฉันก็สรุปได้ว่า ทิปเป็นเรื่องของการให้โดยสมัครใจในบางพื้นที่ แต่บางพื้นที่เป็นการบังคับว่าผู้รับริการต้องให้ โดยระบุอัตราที่ต้องจ่ายเพิ่มไว้ชัดเจนภายใต้คำว่า “ค่าบริการ” หรือ Service Charge ซึ่งกำหนดเป็นค่าร้อยละของจำนวนเงินที่เราต้องจ่ายให้แก่บริการนั้นๆ โดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 5-15 เปอร์เซ็นต์
ประเทศต่างๆ มีธรรมเนียมเกี่ยวกับการให้ทิปที่แตกต่างกัน อย่างเช่นในฝรั่งเศส มีกฎหมายให้ภัตตาคารบวกค่าบริการได้ ขณะที่สหรัฐอเมริกาไม่บังคับ พนักงานเสริฟของฝรั่งเศสส่วนใหญ่จึงมีเงินเดือนและสวัสดิการที่ดี แต่พนักงานเสริฟของสหรัฐมีรายได้ส่วนใหญ่มาจากทิป ส่วนเงินเดือนนั้นจะน้อยมาก เป็นต้น ดังนั้นเมื่อไปกินอาหารในภัตตาคารที่ฝรั่งเศสซึ่งบวกค่าบริการรวมไปในใบเสร็จแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องจ่ายเพิ่มอีก แต่ถ้ารู้สึกว่าได้รับบริการดีมากจะให้เพิ่มก็ย่อมได้ โดยปกติก็ประมาณ 1-5 ยูโรต่อจำนวนสมาชิกในโต๊ะ
ร้านอาหารหลายแห่งในเมืองไทย โดยเฉพาะร้านใหญ่ๆ หรือที่อยู่ในโรงแรมมักจะเขียนบอกไว้ในเมนูว่ามีค่าบริการเพิ่มกี่เปอร์เซนต์ กติกาแบบนี้เป็นสากลค่ะ ไม่ว่าประเทศไหนก็หมายถึงว่าเราไม่จำเป็นต้องให้ทิปอีก ถ้าใครจะให้อีกก็เป็นเรื่องของความพอใจล้วนๆ
สำหรับคนที่จะไปต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในแถบยุโรป ซึ่งการให้ทิปถือว่าเป็นธรรมเนียมอย่างหนึ่ง ฉันมีอัตราการให้ทิปที่ไม่มากไม่น้อยจนต้องเสียชื่อนักท่องเที่ยวชาวไทยมาฝากค่ะ
พนักงานยกกระเป๋าควรได้ประมาณ .50-1 ยูโรต่อกระเป๋าหนึ่งใบ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานยกกระเป๋าประจำโรงแรมหรือประจำสถานีรถไฟหรือสนามบิน
แม่บ้านของโรงแรมควรได้ประมาณ 1-1.50 ยูโรต่อวัน
ช่างทำผมควรได้ประมาณ 10% ของค่าทำผม
พนักงานประจำห้องน้ำควรได้ประมาณ .30-.50 ยูโร ส่วนใหญ่จะเห็นติดประกาศบอกอัตราไว้ชัดเจนค่ะ ไม่อยากให้ก็ต้องให้เพราะเธอมักจะยืนหรือนั่งหน้าตูมดักเราไว้แทบทุกที่
ไกด์ท้องถิ่นที่พาเราเที่ยวในแต่ละสถานที่ควรได้ประมาณ 1-2 ยูโรต่อครั้ง ส่วนไกด์ที่พาไปเราไปเที่ยวแบบหมู่คณะควรได้ประมาณ 2-5 ยูโรต่อทัวร์จากลูกทัวร์แต่ละคน
คนขับแท็กซี่ควรได้ประมาณ 10% ของค่าโดยสาร ไม่ว่าคุณจะนั่งไปกันกี่คน แต่ถ้าใช้บริการรถบัส คนขับรถบัสควรได้ประมาณ 1-2 ยูโรต่อวันจากผู้ใช้บริการแต่ละคน
ถ้าไปประเทศอื่นๆ อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ก็ใช้อัตรานี้เทียบไปว่าเท่ากับกี่ดอลล่าร์ของประเทศนั้นๆ
อัตราเหล่านี้เป็นเสมือนราคากลางเท่านั้น ประเด็นสำคัญของการให้ทิปยังคงเป็นเรื่องของความพึงพอใจ ฉะนั้น จะให้น้อยกว่าหรือมากกว่านี้ก็ขึ้นกับระดับความพึงพอใจที่มีต่อบริการและกำลังทรัพย์ของผู้ให้ทิปค่ะ
ยินดีค่ะ คุณ naree suwan ป้าเจี๊ยบเข้าใจคนช่างเที่ยวดี เพราะหัวอกเดียวกัน..
ส่วนใหญ่ผมก็ให้ทิป ตามที่เราพอใจในการให้บริการเขาครับ พอใจมากๆให้หนักๆ อิอิ
อ่านบันทึกป้าเจี๊ยบแล้วได้ความรู้มากครับ
สรุปได้ว่า ขึ้นอยู่กับ ความพึงพอใจ และ กติกาเล็กๆที่ตั้งไว้ครับ
สวัสดีปีใหม่ป้าเจี๊ยบครับผม- --ป้าเจี๊ยบและครอบครัวมีความสุขมากๆนะครับผม
ของเมกาถ้าไปร้านอาหารต้องให้ ประมาณ 15% ครับ ถ้าพอใจให้ 20% ได้ ถ้าไม่ให้เลยจะถือว่าน่าเกลียดมากครับ จะต้องเป็นแบบว่า พนักงานทำให้เราโกรธจัด อาหารห่วยก็จะต้องให้อยู่ดีครับ เพราะไม่ใช่ความผิดพนักงาน
ส่วนมากจะคิดง่ายๆเวลาเห็นใบเสร็จเค้าจะมีบวก vat อยู่ประมาณ 8% ให้เรา คูณสองจาก vat ได้เลยครับ ส่วนค่าบริการอื่นๆก็แล้วแต่ชอบใจครับ ส่วนมากจะอยู่กันที่ 15% ทุกอย่างครับ