ได้เข้าร่วมประชุมรับฟังนโยบายการบริหารการพัฒนาการเกษตร และแผนพัฒนาการเกษตรในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน (ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ พังงา กระบี่ ภูเก็ตและนครศรีฯ) โดยที่ปรึกษา รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รศ.ประจวบ หลำอุบล และเลขาธิการ สศก. ดร.กนก คติการ เมื่อ วันที่ 17 ส.ค.2550 ณ ห้องประชุมศาลากลาง จ.สุราษฎร์ธานี หลังจาก ผวจ.สุราษฎร์ธานี ดร.นิวัฒน์ สวัสดิ์แก้ว กล่าวต้อนรับคณะฯและผู้เข้าร่วม ประชุม จาก 7 จังหวัดแล้ว ท่านที่ปรึกษา รมว.กษ. ได้พบปะและให้ข้อมูล ดังนี้
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มี
วิสัยทัศน์ (KV ) ว่า ดูแล เกษตรกรให้มีความเป็นอย่างอย่างพอเพียงและผาสุก
พันธกิจ ของกระทรวง คือ
- ส่งเสริมสถาบันเกษตรกรพึ่งตนเองได้,คุณภาพชีวิตดี
- พัฒนาโครงสร้าง พื้นฐานเพื่อการผลิต
- จัย ,พัฒนา ถ่ายทอดเทคโนโลยี
- ส่งเสริมผลิตสินค้าเกษตรได้มาตรฐานสากล
เป้าหมายการให้บริการ
- เกษตรกรเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง
- พัฒนาและเสริมความเข้มแข็ง
- มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น
– เพิ่มพื้นที่ชลประทาน
- เพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ
– ความร่วมมือด้านการเกษตรต่างประเทศ
กรอบนโยบายงบประมาณ ปี 2551
1 เข้มแข็ง,ผาสุก
- ส่งเสริมการเรียนรู้ และการผลิต เศรษฐกิจพอเพียง
- จัดหาที่ดิน
- การพัฒนาอาชีพ และเพิ่มศักยภาพ
2. ปรับโครงสร้างภาคเกษตร
- วิจัย,เน้นเพิ่มมูลค่า พื้นฐาน
- เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนการผลิต
- พัฒนาการผลิต เพิ่มมูลค่า
- ด้านการตลาด,ห่วงโซ่ จัดระบบ logistic
- ถ่ายทอดเทคโนโลยี
3. บริหารจัดการทรัพยากรการเกษตร
- บริหารจัดการน้ำ อย่างเป็นระบบ
- ป้องกัน,บรรเทา ภัยธรรมชาติในการเกษตร
- รักษา,สมบูรณ์ ทรัพยากรประมง และใช้ประโยชน์เหมาะสม
- ควบคุมการใช้เครื่องมือประมง
- บริหารจัดการทรัพยากรดิน ฟื้นฟู,ป้องกันการพังทลาย
4. ภารกิจอื่น ๆ
ท่านที่ปรึกษา ได้ฝากไว้ว่า ในปี ค.ศ. 2025 ประชากรโลก มีประมาณ 8,000 ล้านคน เกษตรกรภาคการผลิต 20 % เลี้ยงคน ทั้ง 100 % ทำไมเกษตรกรยากจน,หนี้สินมาก ชีวิตรันทด ผิดพลาดในการปฏิบัติ การคิดขั้นตอนไหน จะปรับเปลี่ยนวิธีคิดให้เป็นระบบอย่างไร เกษตรกรจึงจะพึ่งตนเองได้ มีความเป็นอยู่ อย่างพอเพียงและผาสุก เจ้าหน้าที่ทุกคน ในกระทรวงเกษตร ลองไปคิดดู หาวิธี การดำเนินงานอย่างไร ให้บรรลุเป้าหมายของ องค์กร
ช่วยกันคิดหน่อยครับ เปิดกว้าง ครับ ไม่เฉพาะ จนท.เกษตร
ชัยพร นุภักดิ์
ตะกี๊ไปอุดหนุนเกษตรกรมาค่ะ ตลาดนัดแถวบ้าน ลองกอง 1 กก, คะน้า 1 กำ, ผักกาดขาว 1 กำ และหน่อไม้ต้ม 1 ถุง รวมเป็นเงิน 30 บาทถ้วย รักชนบทไทยเพราะอย่างนี้แหละ ของดีและไม่แพง
สำหรับข้อเสนอแนะในการพัฒนาเกษตรกรของเรา ในฐานะที่ตัวเองมีเลือดชาวสวนอยู่เต็มตัว(บรรพบุรษเป็นชาวสวนแต่ว่าตัวเองได้เรียนหนังสือและได้ทำงานด้านอื่นที่ไม่เกี่ยวกับการเกษตร แต่ในอนาคตเมื่อแม่ทำไม่ไหวก็ต้องกลับไปทำต่อจากแม่ ช่วงนี้ก็ให้แม่รวยกับยางพาราและปาล์มที่ราคากำลังแพงไปก่อน) ขอเสนอว่า อยากให้มีการจัดโครงการจัดส่งเจ้าหน้าที่หรืออาสาสมัครไปให้ความรู้กับเกษตรกร ในขั้นตอนต่างๆ ของการทำเกษตร ที่จะช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตและไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม
เพราะตั้งแต่เกิดมาจนอายุขึ้นเลข 3 แล้ว ไม่เคยเห็นมีหน่วยงานของรัฐเข้าไปดูแลให้ความรู้อะไรเลย มีแต่ทำกันไปตามความรู้ที่ถ่ายทอดกันมาจากบรรพบุรุษ พันธุ์ไม้ต่างๆ ก็เดิมๆ ไม่ค่อยได้มีการพัฒนา การใส่ปุ๋ยก็ใช้ปุ๋ยเคมีที่วางขายกันในท้องตลาด ซึ่งบางโครงการของรัฐบาลก็เอาปุ๋ยปลอมมาขายซ้ำเติมเกษตรกรอีกต่างหาก !!!!!!!!!!!!! แทนที่จะทำกันเองโดยใช้เศษพืช หรืออื่นๆ ที่เหลือใช้อย่างเช่นมูลสัตว์ หรือการปุ๋ยชีวภาพใช้เองก็ไม่ได้ทำกันเพราะไม่มีความรู้
อย่างง่ายๆ เลยที่บ้านปลูกมะนาวไว้ข้างบ้าน ลูกโตมาก ดกด้วยแต่เป็นโรค แทนที่จะขายได้หลายพันบาท กลับต้องปล่อยทิ้งไว้ให้เน่า เพราะไม่มีความรู้ที่จะกำจัดศัตรูพืชแบบง่ายๆ บอกให้เอายาฉุนผสมเหล้าขาวฉีดก็ไม่ทำ เพราะลูกบอกแกไม่ค่อยเชื่อ ต้องให้เจ้าหน้าที่บอก แกจะรีบเชื่อทันที... อิอิ เรามันคนไม่มีสี
* สวัสดีครับ
* เยี่ยมมากเลยพี่ เป็นความรู้ที่กระทัดรัดและเข้าใจได้ง่ายมาก
* ขอให้เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติตามนโยบายอย่างเคร่งครัดนะครับ