ไม่ได้เปิดตำราเล่มใด แต่จะขอ เปิดใจ บอกว่าที่คิด ที่ทำตลอดมาในการเขียนบันทึกลง Blog นั้นเหมือนการเดินทางที่ พบทั้งทางที่ขรุขระ ทุรกันดาร และเป็นทางที่ราบเรียบ เดินสะดวก สลับกันไป แต่ทั้งหมดล้วนได้ประโยชน์คือการเรียนรู้เพื่อการปรับตัวไปสู่สิ่งที่ดีกว่าครับ
ผมเริ่มเขียนบันทึกลง Blog ด้วยความหวังว่า จะให้ Blog เป็น เครื่องช่วยให้ผมหายอึดอัด ครับ ความอึดอัดที่ว่านั้นมีหลายอย่าง เช่น
ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้นผมก็เริ่มเขียนบันทึก เขียนแบบสบายๆ โดยไม่ต้องร่าง ตอนเริ่มต้นนั้นคิดไว้ดิบดีว่าจะเขียนสาระที่อยู่ในกลุ่มความรู้ด้านต่างๆ โดยแยกไว้ชัดเจน เช่น
ถึงขนาดตั้งหัวข้อย่อยๆเอาไว้หลายสิบหัวข้อ แต่พอทำเข้าจริงๆ ก็ไม่สามารถควบคุมให้เป็นไปตามนั้นได้ครับ เหตุสำคัญอยู่ที่เราทำงานหลายอย่างเกินไป และเพลินกับความสุขจากการรับใช้ผู้อื่น ทั้งในโลกการงานและโลกส่วนตัว ผมสารภาพว่าไม่สามารถจัดเวลาทำตามที่ตั้งใจไว้ได้ จึงต้องเขียนไปแบบ ตามใจฉัน เป็นหลัก ไม่มีกฏเกณฑ์กำหนดว่าจะให้เป็นเรื่องแนวใหนสักกี่มากน้อย หลายครั้งเกิดฉุกคิดอะไรบางอย่างเมื่อไปอ่านบันทึกของท่านอื่น ก็นำมาคิดและเขียนต่อ เขียนไปตามความรู้ ความรู้สึก และประสบการณ์ของเรา แต่ที่ยังชัดเจนไม่เคยเปลี่ยนคือ เขียนด้วยใจ ที่อยากให้ อยากแบ่งปัน และแลกเเปลี่ยนเรียนรู้ ครับ
สำหรับเรื่องเคล็ดลับก็ไม่มีอะไรมากครับ จะลองว่าไปตามที่ใจนึกได้ดังนี้
สวัสดีค่ะ
เรียน ท่านอ. Handy ค่ะ
เข้ามาเรียนรู้เพื่อนำไปปรับปรุงครับ ขอบคุณในประสบการณ์ดีเด่น
เห็นด้วยเป็นที่สุดครับ
และกำลังพยายามพัฒนาตนอยู่ด้วยครับ
Konnichiwa Handy sensei
เห็นด้วยมากที่สุดค่ะ ... เป็นแนวทางที่ดีมากๆ สำหรับทั้ง Blogger มือเก่งและมือใหม่หัดขับค่ะ
ขอบคุณค่ะ
อยากเขียนอย่างอื่นนอกจากที่เขียนทุกครั้ง จนชักจะเขินที่จะเขียนความเห็นแล้วค่ะ จะอ่านเฉยๆก็อยากจะเขียนด้วย สรุปว่า ต้องเขียนเหมือนเดิมค่ะ ว่าช้อบ...ชอบอีกแล้วค่ะ แทนใจได้ตรงเป๊ะหลายข้อเลยทีเดียว
แต่สิ่งหนึ่งที่รู้สึกจากรายละเอียดทั้งหมดนี้ก็คือ ชักสงสัยว่า พี่ Handy ของเรานี้เป็นมนุษย์ธรรมดาหรือเปล่าคะ คนอะไรจะมีทรัพยากรในตัว ในหัวมากมายขนาดนี้ อยู่ในระดับที่ไม่ต้องแบ่งแยกเรื่องแล้วล่ะค่ะ บล็อกเดียวนี่แหละ เพราะทุกอย่างบูรณาการอยู่ด้วยกันอย่างลงตัวที่สุดแล้ว
ขอบคุณสำหรับอีก 1 บันทึกที่คู่ควรแก่การขึ้นบัญชี "อมตะ"ค่ะ
ความรู้มากมายที่ได้ในวันนี้
เพื่อบ่งชี้สืบสานงานความรู้
เป็นข้อคิด ข้อไขให้คิดดู
ว่าความรู้ที่ได้ ใครให้มา
ก็อาจารย์Handyคนนี้หนา
มีวิชามีความรู้น่านับถือ
แม้ว่าใครได้อ่านต้องร้องฮือ
คำร่ำลือที่ว่านั้นเป็นจริง
สวัสดีครับพี่บ่าวที่เคารพรัก จุ๊บๆ (ฮา มุขนี้จะทำให้ผมเสียคนเปล่าครับ)
ที่ผมมาเขียนบล็อกก็ทำนองพี่บ่าวแหละครับ มันอึดอัด คนรอบข้าง แม้แต่คนใกล้ชิด ก็คุยกันคนละภาษา
เราก็คุยภาษาเขาได้แหละ แต่เขาไม่เข้าใจภาษาเรา ธรรมะสำหรับเราทำให้ตื่น แต่บางคนเป็นยานอนหลับ 555
ก็เลยมาขีดๆ เขียนๆ ระบายออกมาบ้าง ผิดบ้างถูกบ้าง อย่างน้อยก็ได้ทำ
และที่ดีใจก็คือเจอคนคอเดียวกันหลายคน และในหลายคนนั้นก็เก่งๆ ทั้งนั้น ทำให้หายอึดอัดไปเยอะครับ
ผมว่าบล็อกก็เป็นทางหนึ่งที่ทำให้หลายคนที่คิดเหมือนกันแต่ไม่อาจพบหน้ากันได้ ได้พบกัน คุยกัน และเปลี่ยนกัน และสานต่อเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ต่อยอดจากสังคมไซเบอร์ เป็นสังคมจริงๆ ที่ได้พบหน้ากันจริงๆ ซึ่งก็เห็นเป็นรูปธรรมกันมากขึ้นเรื่อยๆ
หลายอย่างมีทั้งข้อดีและข้อด้อย แต่ก็ต้องปรับๆ กันไป ทำข้อดีให้แข็งแกร่ง ทำข้อด้อยให้อ่อนกำลังลงจนไม่มีแรงมาออกฤทธิ์ได้
นี่อาจเป็นทางออกอันหนึ่งให้สังคมไทยเราน่าอยู่ขึ้นนะครับ
รักนะ
จุ๊บๆ (ฮา)
สวัสดีน้อง Handy และ ทุกท่าน ครับ
วันนี้โอกาสดี "วันแม่" พอมีเวลาก็แวะมาเยี่ยมมาอ่าน
บันทึกของน้อง หลังจากห่างเหินไปนาน บล็อกตัว
เองแทบร้าง
อ่านแล้วได้แง่คิดความเห็นเยอะมาก ยากที่จะ
บอกกล่าวได้หมด ก็คงรู้สึกไม่ต่างกันนัก..เชื่ออย่างนี้
นะ
ขอบใจที่นำความคิดเห็นดีๆ มาบอกกล่าว ครับ
ขอขอบคุณทุกท่าน ทุกความเห็นครับ
ดีใจที่สิ่งที่นำเสนอ โดนใจ และตรงใจหลายๆท่าน
นั่นคือเครื่องบ่งบอก ความเป็น "พวกเดียวกัน" แต่ไม่ใช่ประเภทจะยกพวกไปตีกับใครนะครับ มีแต่จะไป เพื่อให้ เพื่อ แลกเปลี่ยนแบ่งปัน
ขอบคุณอีกครั้งครับ