วันนี้ลาพักร้อน 1 วันเพื่อไปร่วมงานวันแม่ที่ทางโรงเรียนแสงทองวิทยาจัดขึ้น โดยมีทั้งหมด 4 ช่วงชั้น ชุดแรกช่วงเช้า 8 โมงครึ่งเป็นของช่วงชั้นที่ 3 ต่อด้วยช่วงชั้นที่ 1, ช่วงชั้นที่ 2 จบที่ช่วงชั้นที่ 4
เนื่องจากเราเป็นคุณแม่ที่มีลูกอยู่ 2 ช่วงชั้นที่ไม่ต่อกัน ก็เลยต้องใช้เวลาอยู่ที่โรงเรียนยาวเลย ตอนแรกทั้ง 2 หนุ่มน้อยบอกว่าแม่ไม่ต้องไปก็ได้นะ และคุณแม่เองเคยไปมาแล้วเมื่อปีที่แล้วสำหรับน้องฟุง และคิดเหมือนปีที่แล้วว่า งานแบบนี้อาจจะทำร้ายจิตใจเด็กๆอีกหลายคน แม้เราจะหวังว่าคุณครูคงจะทำความเข้าใจกับเด็กในความดูแลของคุณครูกันแล้วก็ตาม แต่ว่าพี่เหน่นบอกว่าเป็นหนึ่งในตัวแทนนักเรียนไปอ่านคำอวยพรบนเวทีด้วย คุณแม่เลยตั้งใจว่าจะต้องไปร่วมงานด้วยเพื่อเก็บบรรยากาศให้ลูก เพราะเท่าที่ผ่านมาทุกทีที่ลูกๆมีกิจกรรมอะไรจะต้องหาทางปลีกตัวไปเก็บภาพไว้เสมอ
ต้องเรียกว่าเป็นวันโชคดีอีกวันหนึ่งที่ ได้รู้จักน้องที่อยู่ภาควิชาเดียวกับเรามากขึ้นเพราะเรามีเวลาคุยกันระหว่างรอพิธี เธอเป็นคุณแม่ของลูกม.2 และจบเอกทาง Molecular genetics แต่จบตรีเกษตร และมีอะไรดีๆน่าสนใจมากมายในชีวิตของเธอ เคยแต่เดินสวนกับไปมาในภาคไม่ได้รู้เรื่องดีๆแบบนี้มาก่อนเลย และระหว่างรอเวลาที่จะร่วมพิธีในช่วงที่ 3 ก็เลยได้เข้าไปเยี่ยมชม ST Books ซึ่งเป็นร้านหนังสือภายในโรงเรียน ได้หนังสือดีๆมาอีก 3-4 เล่ม และอ่านจบไป 1 เล่ม (เลยไม่ได้ซื้อเล่มนั้น)
แต่สิ่งที่ประทับใจจนเป็นที่มาของบันทึกนี้เกิดในช่วงระหว่างพิธี ซึ่งโชคดีที่ช่วงแรกต้องการถ่ายวิดีโอพี่เหน่นพูดก็เลยไปนั่งแถวหน้าสุด ต่อจากเก้าอี้ชุดของท่านประธานและกลุ่มผู้บริหารโรงเรียน ทำให้มีโอกาสได้เห็นภาพประทับใจในช่วงที่มีการร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงสดุดีมหาราชา นอกจากที่โดยปกติตัวเองก็จะรู้สึกซาบซึ้งตื้นตันทุกครั้งที่ได้อยู่ในบรรยากาศที่มีการร้องเพลงนี้ บางครั้งถึงขั้นร้องเต็มเสียงไม่ได้ด้วยซ้ำเพราะตื้นตัน แต่ครั้งนี้ยิ่งรู้สึกมากกว่าทุกครั้ง เพราะได้เห็นท่านประธานในพิธี ซึ่งท่านเป็นชาวต่างชาติเปล่งเสียงร้องเพลงไปด้วย แม้จะทราบว่าท่านพูดไทยได้ เพราะอยู่เมืองไทยมาหลายปี แต่ลักษณะในขณะที่ท่านเปล่งเสียงร้องเพลงนี้ไปกับพวกเรานั้น ทำให้น้ำตาซึม ระลึกถึงความยิ่งใหญ่ของในหลวงของเราที่แผ่ปกประชาราษฎร์น้อยใหญ่ทุกชาติทุกภาษาในเมืองไทย ประทับใจมากจริงๆ ในช่วงของชั้นเด็กเล็กซึ่งเขาจัดที่นั่งไว้ตามชั้น ก็เลยไม่มีโอกาสได้เห็นท่านร้องเพลงนี้อีกครั้ง แต่เชื่อมั่นว่าท่านก็คงจะเปล่งเสียงร้องเช่นนี้ทุกครั้ง และสำหรับช่วงของน้องฟุง เนื่องจากเรานั่งอยู่กลางห้อง จึงทำให้ได้ยินเสียงร้องเพลงของเด็กๆได้ชัดเจน รู้สึกถึงพลังความตั้งใจที่เด็กๆทั้งหลายปล่อยออกมาในเสียงเพลง ทำให้ได้เสียงเพลงที่ดัง คมชัด ฟังแล้วประทับใจเป็นที่สุดอีกครั้ง
แปลกที่พิธีวันแม่ครั้งนี้ เพลง "แม่ๆ" ทั้งหลาย (รู้สึกจะไม่ได้ยินเพลงค่าน้ำนมเลย) ยังไม่ติดใจมากเท่ากับที่ประทับใจกับ เพลงสดุดีมหาราชา และเพลงสรรเสริญพระบารมี ซึ่งเป็นเพลงของ "พ่อแม่"ของคนทั้งชาติของเราเอาเสียเลย
เห็นด้วยค่ะ ได้ยินเพลงนี้ทีไรขนลุกซู่ทุกที รู้สึกว่าในหลวงของเราทำงานเพื่อแผ่นดินไทยจริงๆ