เทคนิคการกระตุ้นนักเรียนห้องท้ายๆให้ตั้งใจเรียนคณิตศาสตร์(ครูจิ๋มเจ้าเก่า)


“ในชีวิตของพวกเราเคยทำเลขได้คะแนนมากขนาดนี้ไหม”

     เมื่อสองสามวันที่แล้วผมได้พบกับครูจิ๋มอีกครั้ง ก็คุยกันเรื่องการจัดเรียนการสอนเช่นเคย ครูจิ๋มเล่าให้ฟังว่า ปีนี้สอนคณิตศาสตร์ชั้น ม.3 ห้องท้ายๆอยู่สองห้อง ที่อ่อนแทบทุกวิชา ครูแต่ละคนที่เข้าสอนสองห้องนี้ต่างบ่นกันแทบทั้งนั้นว่า เวลาครูสอนไม่ตั้งใจเรียน บางคนก็หยิบกระจกมาหวีผมแต่งหน้า เล่นกันเวลาเรียน แกล้งเพื่อน พูดคำหยาบแทรกออกมาโดยไม่เกรงใจครู ฯลฯ เป็นที่เอือมระอาของครูที่เข้าสอนและครูที่ปรึกษาประจำห้อง ที่ต้องคอยอบรม และชำระคดีความกันไม่เว้นแต่ละวัน
       ครูจิ๋มบอกว่า ตนเองก็พยายามเข้าใจพวกเขา เพราะเมื่อปีก่อนๆเคยเป็นครูที่ปรึกษาห้องท้ายๆเช่นนี้เหมือนกัน ต้องเหนื่อยกับเขาทั้งปี ในที่สุดก็เข้าทำนอง “ต้นร้าย ปลายดี” ต่างน้ำตาร่วงด้วยความอาลัยกันในวันสิ้นปีการศึกษามาแล้ว จึงมองว่า เป็นเรื่องธรรมดาและท้าทายดี

ครูจิ๋มบอกว่า เธอใช้หลักอิทัปปัตยตาของพระพุทธเจ้าที่ว่า “ทุกอย่างเกิดแต่เหตุ” ซึ่งต้นเหตุของเรื่องนี้ก็คือ การเรียนไม่รู้เรื่อง สอบครั้งใดก็ได้คะแนนไม่ดี มักจะถูกครูบ่นครูว่าแทบทุกชั่วโมง บางทีก็ถูกครูนำไปเปรียบเทียบกับห้องที่เรียนเก่ง...ในที่สุดพวกเขาก็เลยต้องหาปมเด่นให้คนสนใจตนเองบ้าง เมื่อทำปมเด่นทางบวกไม่ได้ก็ทำทางลบให้สะใจเสียเลย บางทีก็มีการตั้งแก๊งเกเรกันขึ้นในโรงเรียนให้ครูปวดหัวกันเล่น การไปดุไปด่า หรือลงโทษเขาเหมือนกับที่ครูหลายๆคนทำกัน นอกจากเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุแล้ว ยังเป็นการไปช่วยเพิ่มปมเด่นให้พวกเขาสะใจและอยากจะทำให้หนักข้อยิ่งขึ้นอีก เธอบอกว่า การแก้ปัญหาเรื่องนี้จะต้องแก้ที่ต้นเหตุคือ
    “ต้องพยายามทำให้เขาประสบผลสำเร็จในการเรียน หรือในเรื่องดีดีที่เขาทำได้ แล้วเสริมแรงให้แก่เขาอย่างจริงใจและทำอย่างต่อเนื่อง วัยรุ่นเป็นวัยที่มีพลังเหลือเฟือ ครูจะต้องหากิจกรรมที่ถูกจริตและสร้างสรรค์ให้เขาทำ อย่าให้เขาว่างมือ ถ้าปล่อยปละละเลย เขาก็จะทำกิจกรรมที่ไม่เหมาะสมได้ตลอดเวลา”
       ซึ่งดูพูดง่าย แต่ทำยาก ยิ่งเป็นวิชาคณิตศาสตร์ที่เด็กห้องท้ายๆเกลียดเป็นพิเศษแล้ว ยิ่งทำได้ยากยิ่ง แต่สำหรับครูจิ๋มแล้ว อาจเป็นอานิสงส์จากการที่เธอได้ยึดมั่นและทำเยี่ยงนี้มาตลอด จนสามารถเข้าถึงโลกในใจของนักเรียนไม่ว่าห้องเก่งหรือห้องท้ายๆมาทุกรุ่น แล้วนักเรียนเหล่านั้นก็สื่อสารกับรุ่นหลังๆถึงบุคลิกของครูจิ๋มให้เป็นที่รู้ทั่วกันปากต่อปากว่า
     “ตัวเล็ก..ดุ...ใจถึง...ถึงลูกถึงคนกัดไม่ปล่อย...แต่จริงใจ มีเมตตาต่อศิษย์ และสอนรู้เรื่องกว่าใครๆ”
     บารมีเหล่านี้ส่งผลให้ชั่วโมงที่ครูจิ๋มเข้าสอนสองห้องนี้ครั้งใดทำให้นักเรียนตั้งใจเรียนเป็นพิเศษ ไม่มีปัญหาเหมือนกับชั่วโมงของครูคนอื่นๆ
      ผมอดถามไม่ได้ว่า “ครูจิ๋มมีวิธีสอนให้เด็กสองห้องนี้เรียนเลขรู้เรื่องได้อย่างไร” ก็ได้รับคำตอบจากเธอว่า
        “พยายามทำให้เขาประสบผลสำเร็จ โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล เพราะนักเรียนสองห้องนี้ถูกสั่งสมความไม่รู้เรื่องและเบื่อวิชานี้มาตั้งแต่ต้นๆก่อนถึง ม.3 แล้ว การจะทำให้เขารู้ทุกเรื่องเหมือนเด็กห้องเก่ง คงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นในชั่วโมงแรกๆจึงต้องพยายามสอนทบทวนประสบการณ์เดิม เอาแต่ที่เป็นแก่นๆ ที่เป็นพื้นฐานอย่างง่ายๆที่สุด ไปช้าๆ แล้วออกข้อสอบง่ายๆให้เขาทำ ซึ่งผลปรากฏว่า เขาทำได้เกินครึ่งเกือบทั้งห้อง(ที่ไม่ผ่านก็ได้คะแนนเกือบถึงครึ่ง) แล้วก็เลยรีบเสริมแรงให้เขาทันที" โดยตั้งคำถามว่า
      “ในชีวิตของพวกเราเคยทำเลขได้คะแนนมากขนาดนี้ไหม” ดูพวกเขาตาโตเป็นประกายด้วยความภาคภูมิใจขึ้นมาทันที เธอจึงไม่ละโอกาสอันดีนี้กล่าวกับพวกเขาต่อว่า
      “เห็นไหมว่า วิชาคณิตศาสตร์ไม่ได้ยากอย่างที่เธอคิดหรอก แล้วพวกเราอยากเรียนคณิตศาสตร์ในชั้น ม.3 ให้รู้เรื่องไหม”
      “อยากค่ะ...” เสียงดังกระหึ่มพร้อมกันขึ้นมาทั้งห้อง ครูจิ๋มจึงวางเงื่อนไขกับพวกเขาขึ้นมาทันที
     “สัญญากับครูได้ไหมว่าต่อไปนี้เธอจะตั้งใจเรียน ถ้าไม่รู้เรื่องก็รีบถาม ทำการบ้านด้วยตนเองทุกข้อ และถ้าไม่ทำตามนี้จะต้องถูกครูลงโทษด้วย”
     “สัญญาค่ะ...” เสียงตอบดังขึ้นพร้อมกันอีกครั้ง

    “ครูก็จะให้สัญญากับเธอเหมือนกันว่า ครูจะพยายามสอนให้เธอรู้เรื่อง และถ้าใครสอบวิชาคณิตศาสตร์ของครูในการทดสอบเก็บคะแนนครั้งแรกได้ไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของคะแนนเต็มครูจะมีรางวัลให้ทุกคน” เด็กๆตาเป็นประกายอย่างมีความหวังอีกครั้ง
     “รางวัลอะไรค่ะ...” เด็กๆถามอย่างสนใจ
     “ถึงเวลาก็รู้เอง แต่จะเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเธอ ครูบอกได้เท่านั้น”
     ...หลังจากนั้นทุกชั่วโมงเด็กๆจะตั้งใจเรียนและทำตามสัญญากันอย่างเคร่งครัด ครูจิ๋มเองก็พยายามจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้สนุกสนาน ท้าทาย เช่น ถ้ามีโจทย์แก้ปัญหาที่ไม่ยากนักก็จะท้าทายให้นักเรียนออกมาทำต่อบนกระดานดำ ถ้าไม่กล้าออกมาคนเดียว ออกมาสองคนก็ได้ ซึ่งจะมีหน่วยกล้าตายออกมา คนอื่นๆก็จะเป็นกองเชียร์ให้กำลังใจ พอเด็กทำได้ครูก็จะให้ทุกคนปรบมือชื่นชมเพื่อน ถ้าใครทำไม่ได้ครูก็ไม่ตำหนิแต่จะหาจุดเด่นชม เพื่อไม่ให้นักเรียนเสียกำลังใจ เช่น

       “วิธีทำของเธอถูกแล้ว แสดงว่าเธอจำสูตรได้ เพียงแต่รีบเร่งไปหน่อยเลยคิดเลขผิด เป็นความผิดที่ไม่น่าผิดเลย คราวหน้าเอาใหม่นะ”  
        ก็ไม่ทำให้เด็กเสียหน้า และทำให้คนอื่นๆอยากอาสาออกมาแก้โจทย์ปัญหาบ้าง และจากโจทก์ที่ง่ายๆก็ขยับขึ้นมาให้ยากขึ้นตามพัฒนาการและศักยภาพของเด็ก นอกจากนั้นเธอยังมีวิธีสอนอื่นๆที่ท้าทายและให้กำลังใจเด็กอีกหลายอย่าง เช่น ใช้เพื่อนสอนเพื่อน ใช้การแข่งขัน ฝึกการทำโจทย์เลขบ่อยๆ บูรณาการกับวิชาต่างๆ เป็นต้น

       ...เมื่อเร็วๆนี้ เป็นวันทดสอบเก็บคะแนนครั้งแรกของโรงเรียนทุกรายวิชา  ดูเด็กสองห้องนี้ตั้งใจสอบวิชาคณิตศาสตร์กันเป็นพิเศษ ไม่มีใครออกจากห้องสอบก่อนเวลาเลย ทำให้ครูที่คุมสอบแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับการสอบวิชานี้
      หลังจากสอบเสร็จ ทุกวันเด็กๆจะพากันมาเวียนถามว่า
      “ครูตรวจข้อสอบเสร็จหรือยัง…หนูผ่านไหม?”
      อีกสี่วันต่อมาครูจิ๋มก็ตรวจคะแนนเสร็จ เธอได้เตรียมรางวัลไปมอบให้นักเรียนที่สอบผ่านได้คะแนนไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งตามสัญญา โดยไปซื้อแฟ้มพลาสติกจากสหกรณ์โรงเรียน ราคาแฟ้มละ 6 บาท ร่วม 60 แฟ้มหอบเข้ามาในห้อง เห็นนักเรียนแต่ละคนนั่งเงียบอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ต่างใจจดใจจ่อที่จะฟังข่าวดี ดูตื่นเต้นจนผิดสังเกต ครูจิ๋มคิดว่าพวกเขาคงลุ้นว่าจะได้คะแนนถึงครึ่งหรือไม่ คงไม่ลุ้นว่าจะได้คะแนนเต็มหรือเกือบเต็มหรอก

      “นั่งกันตามสบายก็ได้ ไม่ต้องนั่งเกร็ง ตัวตรงอย่างงี้ เดี๋ยวก็อัมพาตกินหรอก” ครูจิ๋มสร้างบรรยากาศด้วยการทักทายนักเรียนอย่างเป็นกันเอง เรียกเสียงหัวเราะและทำให้บรรยากาศที่เคร่งเครียดดูคลายลง
      “ก่อนอื่นครูดีใจและขอชื่นชมนักเรียนทุกคนอย่างยิ่งว่า ผลการทดสอบครั้งนี้นักเรียนได้คะแนนถึงครึ่งกันเป็นส่วนใหญ่ มีบางคนแม้ได้คะแนนไม่ถึงครึ่ง แต่ก็เฉียดฉิว ไม่มีใครได้คะแนนต่ำจนผิดสังเกตเลย” ครูจิ๋มกล่าวเปรยเพื่อให้กำลังใจแก่นักเรียนก่อนประกาศผลสอบ และกล่าวต่อ
      “ตามที่ครูให้สัญญากับเธอไว้ว่าใครสอบเก็บคะแนนครั้งแรกได้ไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของคะแนนเต็มครูจะมีรางวัลให้นั้น ตอนนี้ครูจะทำตามสัญญาแล้วนะ และบอกเสียก่อนว่า ครูไม่ได้ร่ำรวยอะไรแต่ครูก็ตั้งใจทำให้พวกเรา และครูอยากให้พวกเราภาคภูมิใจว่า รางวัลนี้เป็นรางวัลจากการเรียนคณิตศาสตร์ อาจเป็นรางวัลแรกในชีวิตของนักเรียนหลายๆคน จึงนับเป็นรางวัลที่มีคุณค่ายิ่งของนักเรียน แม้บางคนจะไม่ได้ในครั้งนี้แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะได้ในครั้งต่อๆไปอีก เพียงแต่ขอให้ตั้งใจเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อยเท่านั้น”
        แล้วครูจิ๋มก็เริ่มประกาศรายชื่อนักเรียนที่จะได้รับรางวัล ออกมารับรางวัลกันทุกคน ท่ามกลางเสียงปรบมือ และความตื่นเต้นดีใจของผู้ที่ได้รับกันทุกคน...


หมายเลขบันทึก: 114573เขียนเมื่อ 25 กรกฎาคม 2007 20:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 มิถุนายน 2012 22:11 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
  • อ่านด้วยใจจดจ่อ เพราะอ.ธเนศเล่าเรื่องน่าสนใจมาก....
  • อยากให้ครูทุกคนที่สอนนักเรียนห้องที่ไม่ใช่เด็กเก่ง  ได้มาอ่านบันทึกนี้จังเลย
  • ชื่นชมครูจิ๋ม อยากให้ครูทุกคน เป็นอย่างครูจิ๋ม
  • มาชื่นชมด้วยคนครับ
    ขอบคุณครับที่เข้ามาให้กำลังใจครูดีดีกันมาตลอด  นอกจากบันทึกในบล็อกนี้แล้ว  ท่านยุทธชัย  อุตมา อดีตเลาธิการคุรุสภา ตอนนี้ท่านเป็นบรรณาธการวารสารวิทยาจารย์ ท่านสนใจเรื่องราวเกี่ยวกับครูที่ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างวิชาชีพครู  ได้กรุณาลงเรื่องครูจิ๋มไปฉบับหนึ่งแล้ว  เรื่องนี้ผมก็ได้ส่งให้ท่านลงอีก  และจะพยายามสรรหาเรื่องของครูดีดี มาเล่าที่บล็อกนี้ และส่งให้ท่านยุทธชัยด้วย  แต่ต้องขออภัยที่ภารกิจผมมีมาก  สุขภาพก็ไม่ค่อยดีนัก  จึงไม่ได้ลงรูปให้เป็นสีสรรน่าอ่านกว่านี้
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท