ยืนยันครับ – นี่ไม่ใช่บันทึก “คั่นเวลา” ! เพียงเพราะเขียนจนไม่มีอะไรจะเขียน, คิดจนคิดอะไรไม่ออก, หรือเพราะไม่มีเวลาเขียน จึงต้องหาอะไรมาโปรยประดับบันทึกเพื่อมิให้มิ่งมิตรหลงลืม “นายแผ่นดิน” ! ...
วันนี้เพียงเสี้ยวไม่กี่นาทีได้พบกับน้องนิสิตชาวค่าย, เราคุยกันเพียงเศษเสี้ยวสั้น ๆ เพราะผมมีประชุมทั้งเช้าและบ่าย สิ่งที่เราพูดคุยกันนั้นก็คือ การตั้งคำถามว่า “มีความทรงจำใดบ้างกับการออกค่ายครั้งแรกของตนเอง”
ผมอยากคุยกับน้องนิสิตท่านนี้มาก และรู้สึกเศร้าใจเล็ก ๆ ที่ตนเองไม่มีเวลาให้กับเขาเลย ได้แต่สัญญาว่าว่างเมื่อไหร่จะโทรไปหาและชวนมานั่งเสวนากันสักยกใหญ่ ๆ ... ซึ่งเขาเองก็กล่าวอย่างอ่อนโรยว่ามาพบผมตั้งหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่เจอตัวสักที
ผมรู้สึกผิดเสมอเมื่อรู้ว่ามีน้องนิสิตมารอพบ - แต่ตนเองกลับไม่อยู่ที่โต๊ะทำงานให้นิสิตได้พบปะพูดคุยได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว ซึ่งระยะหลังนี้ผมเองก็มีราชการสัญจรออกนอกห้องทำงานแทบทุกวัน แต่ละวันมีวิถีชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในห้องประชุม, ทานกาแฟแทนข้าวแทบทุกวันแล้วก็ว่าได้
...
ผมตัดสินใจบังคับตนเองกลับเข้ามาในบันทึกอีกสักรอบ ไม่ใช่เพื่อระบายความอัดอั้นกับการงานประจำ แต่มาเพื่อบันทึกวิถีประจำวันของตนเองอย่างที่ควรจะเป็น
ผมมีโอกาสได้พบเจอบทกวีที่ชื่อ “ไปค่าย” ของคุณอาจารย์วันรวี รุ่งแสง ซึ่งครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีที่แล้วผมนำมาเผยแพร่ให้นิสิตชาวค่ายที่ “มมส” ได้อ่านและก็ถือว่าได้รับความสนใจจากมวลผู้นำนิสิตไม่น้อย !
บทกวีดังกล่าว ผู้เขียนกล่าวอ้างไว้ว่าเขียนขึ้นเมื่อครั้งไปออกค่ายครั้งแรกในชีวิตที่จังหวัดสุพรรณบุรี,
ผมไม่ลังเลที่จะไปถ่ายเอกสารบทกวีนี้ไว้ 1 ชุดเพื่อเก็บไว้ให้กับน้องนิสิตท่านนั้น, อย่างน้อยบทกวีบทนี้ก็คงสะท้อนถึงความรู้สึกของคนค่ายที่ไปค่ายครั้งแรกให้เขาได้รับรู้และสัมผัสได้บ้าง, ไม่มากก็น้อย –
ไปค่าย
เก็บฝันลงย่ามแสงเดือน
ชวนเพื่อนแสวงหา
ป่ากว้างทางไกลสุดสายตา
พัฒนา สร้างสรรค์ คือพันธะ
ท้าทาย, อหังการ์ นัยน์ตากร้าว
สืบทอดเรื่องราวเสียสละ
ทุ่มเทกายใจไม่ลดละ
หวังอมตะสังคมร่มเย็น
หอบศรัทธาเต็มหัวใจวันไปค่าย
ไปค้นหาความหมายได้พบเห็น
ได้พบการตรากตรำความลำเค็ญ
ทุกข์เข็ญของแผ่นดินได้ยินยล
คือตำราเล่มใหม่ได้เรียนรู้
ความลำบากเป็นครูผู้ฝึกฝน
งานเหนื่อยหนักฝึกให้สู้รู้อดทน
มีผู้คนรอบกายให้บทเรียน
เก็บความหวังในย่ามแสงตะวัน
ไม่แปรผันแม้วันเดือนเปลี่ยน
ฝ่าพายุเมฆฝนวนเวียน
พากเพียรดุ่มเดินทาง
หวังไว้ในใจหวัง
ก่อนฟ้าสั่งอุษาสาง
จักเปิดซอกมืดมัวสลัวลาง
ของแผ่นดินให้สว่างพร้อมพร้อมกัน
วันรวี รุ่งแสง
ตุลาคม ๒๕๒๓
ไปค่ายครั้งแรก สุพรรณบุรี
แล้วท่านล่ะครับ... ไปค่ายครั้งแรกที่ไหน, พบเจอบรรยากาศเช่นใด เรียนรู้อะไรจากค่ายได้บ้าง, มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเช่นใด ...
และเรื่องราวเหล่านั้น ยังคงเป็น “ความทรงจำปัจจุบัน” สำหรับท่านอยู่หรือเปล่า หรือล่องหายไปตามกาลเวลาหมดแล้ว !
สวัสดีค่ะ
มาทักทาย
การออกค่ายเป็นกิจกรรม ตอนเป็นนักศึกษา
มาถึงวันนี้ยังจำได้ ไม่เคยลืมสิ่งที่ประทับใจเลยค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณแผ่นดิน
… ค่ายครั้งแรก และต้องมนต์เสน่ห์ นับแต่วันนั้น
· ค่ายแรก ที่ค่ายสบแม่สะต๊อบ ชมรมอาสาพัฒนา ค่ะ
· ต้องมนต์เสน่ห์ พี่น้องปะกากะญอ ปี 2535
· ไปผสมปูน แบกไม้ ขนอิฐ สร้างอาคารเรียนค่ะ
· อาบน้ำในคลอง โล่งแจ้ง กับน้องๆ สนุกค่ะ
· ยังจำ แลลูที ๆ - ไปอาบน้ำกันเต๊อะ ได้เลยค่ะ
· ช่วยหาเหา ให้ลูก เล็ก เด็ก แดง ที่นั่นมันส์ค่ะ
.... หลังจากนั้น ก็ติดอก ติดใจ เรื่อยมา ขนาดตอนทำงานแล้ว
ยังแอบไปร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆ แทน น้องชาย เลย .. นึกแล้วขำค่ะ
สวัสดีครับ อ.ลูกหว้า
สวัสดีครับพี่พนัส
โอ้ว....ทำให้นึกถึงสมัยยังอยู่ในรั้วมหาลัย การออกค่าย ไม่ใช่แค่ไปเพื่อสร้างสิ่งๆ หนึ่ง หรือทำกิจกรรมๆ หนึ่ง ให้กับชุมชนหรือพื้นที่หนึ่งเท่านั้น แต่การออกค่าย เหมือนกับการไปเรียนรู้ใจกัน ทั้งเรา ชาวบ้าน และเพื่อนพ้องผู้มาร่วมค่าย
หลายครั้งหลายครา การออกค่าย ทำให้ความสัมพันธ์ต้องแปรเปลี่ยน มีทั้งรักและรู้ใจ ได้ใจ มีทั้งเกลียด ไม่ชอบหน้า ... สิ่งเหล่านี้ปฏิเสธไม่ได้ในการออกค่าย เพราะต้องมีการกระทบกระทั่งทางความคิด แต่...ก็เป็นเพราะพวกเราอีกนั่นแหล่ะ ที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ผ่านกิจกรรมที่เรียกว่าออกค่าย
การออกค่ายถือว่าเป็นหนึ่งในกิจกรรมของนักศึกษาในการที่จะกระทำกิจกรรมดีๆ เพื่อสังคม ต่อไป
สวัสดีครับ
สวัสดีค่ะ
ค่าย... คือบทเรียนแห่งการเรียนรู้ที่มีคุณภาพไม่น้อยไปกว่าการเรียนรู้ในห้องเรียนอย่างแน่นอน !
สวัสดีค่ะ
เห็นด้วย100%มีประสบการณ์เรื่องค่ายแยะค่ะ
อยากเขียนมากๆ แต่ตอนนี้ ธุระเยอะมากๆ เลยขอมาเยี่ยมก่อนนะคะ
สวัสดีครับ
ค่ายครั้งแรก และต้องมนต์เสน่ห์ นับแต่วันนั้น
· ค่ายแรก ที่ค่ายสบแม่สะต๊อบ ชมรมอาสาพัฒนา ค่ะ
· ต้องมนต์เสน่ห์ พี่น้องปะกากะญอ ปี 2535
· ไปผสมปูน แบกไม้ ขนอิฐ สร้างอาคารเรียนค่ะ
· อาบน้ำในคลอง โล่งแจ้ง กับน้องๆ สนุกค่ะ
· ยังจำ แลลูที ๆ - ไปอาบน้ำกันเต๊อะ ได้เลยค่ะ
· ช่วยหาเหา ให้ลูก เล็ก เด็ก แดง ที่นั่นมันส์ค่ะ
.... หลังจากนั้น ก็ติดอก ติดใจ เรื่อยมา ขนาดตอนทำงานแล้ว ยังแอบไปร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆ แทน น้องชาย เลย .. นึกแล้วขำค่ะ
.....
เชื่อเลยครับว่าหลงรัก "ค่าย" อย่างจับจิตจับใจ ขนาดจบมาแล้วยังวกกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของวิถีค่ายอย่างน่าชื่นชม
...
หลายคนมีความทรงจำอันประทับใจเกี่ยวกับการอาบน้ำในค่ายค่อยข้างมาก, เท่าที่เคยบอกกล่าวผ่านบันทึกผมมาระยะหนึ่ง เช่น อาบน้ำในลำธาร, อาบน้ำโล่งแจ้ง (อาบน้ำดูดาว) ... อาบน้ำตามบ่อน้ำท้ายทุ่ง หรือแม้แต่ไม่อาบเลยก็มี
บางคนถือเคล็ดไปค่ายไม่ซื้อสบู่, ไม่ซื้อแชมพู เพราะคิดว่ายังไงซะในห้องน้ำสาธารณะนั้น ย่อมมีเพื่อน ๆ วางสบู่และแชมพูไว้อยู่แล้ว.. จึงย่อมสามารถหยิบมาใช้ได้อย่างไม่เคอะเขิน ... เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องสนุกสนานมากกว่าเอาจริงเอาจังที่จะโกรธงอนกันครับ..
ค่าย ...
มีพลังมากมายพอที่จะสร้างคน ให้เป็น "คน" .... โดยเฉพาะคนในความหมายของการเป็น "คนของสังคม" ...
ผมจึงเฝ้ามองว่าในแต่ละช่วงของการปิดเทอมจะมีค่ายกี่ค่าย... แต่ผมจะติดตามไปเยี่ยมได้กี่ค่ายกันแน่ ...
....
ขอบคุณครับ ..
สวัสดีครับ
ไม่แปลกเลยที่คนไปค่ายครั้งแรกจะไปเพราะการ "ชวน" ของเพื่อน ๆ ...
และครั้งแรกของการไปค่ายด้วยสาเหตุใด ๆ ก็ไม่น่าจะสำคัญเท่ากับผลพวงของการเรียนรู้ที่ติดตัวมา ..เพราะส่วนใหญ่ที่พบเจอคือไปแบบไม่ตั้งใจแต่กลับมาด้วยความประทับใจและพร้อมที่จะกลับไปอีกครั้งเสมอ รวมถึงการเชื้อเชิญคนกลับไปเยี่ยมค่ายอีกครั้ง หรือไม่ก็ชวนกันไปค่ายครั้งต่อ ๆ ไป
....
โดยปกติพี่เป็นคนที่มักมีนิสิตมานั่งพูดคุยในเวลาทำงานเสมอ, จะทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวก็ไม่ว่างเว้น ยิ่งมีคนมารอพบแล้วไม่ได้พบก็อดรู้สึกผิดไม่ได้..นั่นคือ "ตัวตน" ของพี่... และคนในหน่วยงานก็จะเข้าใจดีกับภาวะการณ์เช่นนี้
.....
เรื่องเรียน ไม่ต้องมาเรียน ป.ตรีใหม่หรอกนะครับ... เรียน ป.เอก เลยไม่ดีกว่าเหรอ .
เรื่องไปค่าย.........
เป็นอารัยที่ประทับใจมากๆๆค่ะ เพราะได้จัดทำค่ายเด็กมาแล้วทั้งสนุก ทั้งได้เรียนรู้อารัยหลายๆๆอย่างมาก ได้เผยแพร่ในสิ่งที่เด็กไม่รู้..ประทับใจค่ะ
สวัสดีครับ
โอ้ว....ทำให้นึกถึงสมัยยังอยู่ในรั้วมหาลัย การออกค่าย ไม่ใช่แค่ไปเพื่อสร้างสิ่งๆ หนึ่ง หรือทำกิจกรรมๆ หนึ่ง ให้กับชุมชนหรือพื้นที่หนึ่งเท่านั้น แต่การออกค่าย เหมือนกับการไปเรียนรู้ใจกัน ทั้งเรา ชาวบ้าน และเพื่อนพ้องผู้มาร่วมค่าย
ไม่ว่ายุคสมัยใดเราก็ยังเชื่อและศรัทธาอยู่อย่างหนักแน่นว่า "ค่าย" สร้างคน และคนก็สร้างคน, ในทางกลับกัน คนสร้างค่ายและค่ายก็สร้างคน ครับ -
ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งนะครับ วิถีของค่ายได้สอนให้เราเกิดกระบวนการการเรียนรู้อันหลากหลาย ทั้งในมิติคนทำงานที่เป็นนิสิตนักศึกษา หรือแม้แต่มิติทางสังคมหรือชุมชน ...
ผมไปค่ายครั้งแรกเป็นค่ายเล็ก ๆ ในงานวันเด็ก ช่วยอะไรพี่ ๆ ไม่ได้เยอะ.. แต่ก็ไปนั่งอ่านกลอนสดประกอบเสียงกีตาร์ ... กระนั้นก็ถือว่าได้รับความสนอกสนใจจากนักเรียนค่อนข้างมาก
เคยไปค่ายวรรณกรรมสัญจรกับชมรมวรรณศิลป์ก็ได้เรียนรู้ในอีกวิถีหนึ่ง, ครั้งพอไปค่ายกับชมรมอาสาก็ก้าวเข้าสู่มหกรรมการเรียนรู้อย่างยกใหญ่...
มิตรภาพเกิดที่ค่าย....
ความรู้เกิดที่ค่าย
จิตสำนึกสาธารณะ, เกิดที่ค่าย ... ฯลฯ
.....
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ .พี่ศศินันท์
เช่นกันครับ, ค่าย คือ มหกรรมการเรียนรู้ของชีวิต และเป็นเสมือนเวทีแห่งการเรียนรู้ชีวิตอันกว้างใหญ่ ..
ในห้วงชีวิตที่การงานเข้มข้นแลหลากหลายนี้...ขอเป็นกำลังใจให้ผ่านพ้นไปด้วยดีและประสบความสำเร็จอย่างเต็มเปี่ยม นะครับ
...
แล้วค่อยแลกเปลี่ยนกันในโอกาสต่อไป, ผมรอได้ครับ
สวัสดีครับ คุณ mai