เราเดินทางถึงจังหวัดกวางจิประมาณบ่ายโมงครึ่งรวมเวลาจากมุกดาหารมาถึงที่นี่ประมาณ 6 ชั่วโมงแบบสบาย ผู้บันทึกบอกอ้ายบุญจันทร์ให้ไปหาโรงแรมแบบง่ายๆไม่แพงมากนัก อ้ายบุญจันทร์วนไปมาแล้วก็พามาที่โรงแรมชื่อคุ้นหูพวกเราๆมาก คือโรงแรมแม่โขง คิดว่าเราก็มาจากมุกดาหารเมืองติดแม่โขง ดูบริเวณด้านหน้าแล้วกว้างขวางดี ติดถนนแม้ว่าดูจะไม่เงียบ แต่ก็อยากจะดูชีวิตในเมืองจึงตัดสินใจยึดแม่โขงเป็นเรือนนอนทันที
สอบถามราคาที่เคาท์เตอร์รีเซฟชั่นเป็นหนุ่มเวียตนามที่พูดอังกฤษได้ดี ทราบว่าหากพักชั้นล่างราคา 3 แสนดองเศษ ชั้นบนราคา 4 แสนดองเศษคิดเป็นเงินไทยประมาณ 500 บาท ผู้บันทึกเลือกชั้นบนเพราะต้องการโผล่หน้าต่างดูชีวิตคนเมืองครับ
เข้าไปในห้องขนาดกระทัดรัด เหมือนโรงแรมในเมืองไทยหลายแห่ง เช่น โรงแรมตรังแถบวิสุทธิกษัตริย์ ที่ราคา 1200 บาท เฟอร์นิเจอร์ก็มีมาตรฐานทั่วไปคือ แอร์คอนดิชั่น ตู้เย็น ทีวี พัดลม ตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำ และน้ำอุ่นน้ำเย็น อ่างอาบน้ำ เตียงคู่ เก้าอี้ไม้รับแขกแบบเรียบๆ 1 ชุดเล็กๆ เท่านั้น สำหรับผมอยู่ได้แต่อึดอัดสักหน่อย เพราะผู้บันทึกชอบห้องกว้างๆและโต๊ะทำงานพร้อมปลั๊กไฟ แต่มาคราวนี้มาเพื่อภารกิจเฉพาะในเวลาที่จำกัดเลยไม่ได้เอาคอมพิวเตอร์คู่ใจมาจึงอยู่ได้
ลองเข้าไปดูในห้องน้ำ โอย..ชาวเวียตนี่โรแมนติกน่าดูเลย หรืออุจาดก็ไม่รู้ เพราะประตูห้องน้ำเป็นกระจกแล้วมีตารางหมากรุกขุ่นๆ หากเข้าไปอยู่ข้างในเปิดไฟทำอะไรอะไร คนข้างนอกก็จะเห็นเป็นเงาๆ วับๆแวมๆ อิ อิ..
เดินออกมาเปิดตู้เย็นเห็นเครื่องดื่ม 4 ชนิด คือ น้ำดื่มแตงกวา น้ำดื่มมะขาม เบียร์ และที่คุ้นตาบ้านเราอีกเช่นกันคือ เครื่องดื่มกระทิงแดงของไทยเราครับ ผมลองเปิดน้ำแตงกวาและน้ำมะขามชิมดู ผมชอบทั้งสองอย่างครับ รสถูกปากคนเอเชียอย่างเรา และไม่หวานมากนัก ดีกว่ากินน้ำดำที่มาจากตะวันตกตั้งแยะ..
คืนแรกเพื่อนชาวฮอลแลนด์มารับไปกินอาหารมังสะวิรัตน์บนเรือนแพกลางแม่น้ำกลางเมืองครับ เห็นโต๊ะใหญ่กลางแพเป็นหนุ่มเวียตประมาณสัก 20 คนดื่มเบียร์กันนับขวดไม่ถ้วนมั๊ง..ส่งเสียงเอ็ด ดังลั่น คล้ายๆกลุ่มนักศึกษาเพราะใส่เสื้อขาวกันหมด แม้เสียงดังเหมือนวัยรุ่นทั่วไป แต่ก็ไม่มีอะไร
ตื่นเช้าผู้บันทึกเดินออกไปชมเมืองใกล้ๆก่อนที่เพื่อนจะมารับไปทำภารกิจ พบคิวรถมอเตอร์ไซด์จอดคอยลูกค้าตรงมุมสี่แยกโรงแรมแม่โขง แต่ไม่มีเสื้อยูนิฟอร์มและหมากกันน๊อคแบบบ้านเราในกรุงเทพฯ เดินไปเขาก็มองมาเพื่อหาลูกค้าพร้อมส่งเสียงใส่เรา ฟังไม่ออกหรอกครับ แต่เดาว่าน่าจะเป็นว่า “ใช้บริการรถผมไหมครับ...คิดราคากันเอง..ครับ” ผู้บันทึกส่ายหัวแสดงอาการปฏิเสธเขาไป เดินไปหน่อยก็เห็นยองๆเหลาหน้ารั้วโรงแรมนี่เอง คงเป็นร้านแบบชั่วคราวเฉพาะมื้อเช้าเท่านั้น ผู้บันทึกไม่ได้เข้าไปดูชนิดอาหารใกล้ๆเกรงจะรบกวนอาหารมื้อเช้าของเขา
ผู้บันทึกตั้งข้อสังเกตว่า ชาวเวียตท่านมีศิลปะในวิถีชีวิต ดูบ้านเรือนเขามีอะไรๆที่บ่งบอกของเล่นทางศิลปะอยู่บ้าง แม้การแต่งตัวเรียบง่ายแต่ก็มีเอกลักษณะเฉพาะอยู่ครับ ดูอาเจ๊ขวามือของรูปนั่นซิครับ เริด สะแมนแตนจริงๆ หากเป็นบ้านเราก็อาจจะว่า นี่ต๊องหรือเปล่า.. แต่ผู้บันทึกยืนยันว่าไม่ต๊องครับ เธอไปซื้อสินค้าจากสาวเวียตที่เธอใช้จักรยานบรรทุกสินค้ามาเร่ขายครับ
ผู้บันทึกเลยเดินไปมองหาร้าน อินเตอร์เนทคาเฟ จึงเข้าไปลองใช้ดูว่าจะไฮเทคสักแค่ไหน ยังเช้าอยู่เลยมีเด็กหลายคนมาใช้บริการแล้ว สภาพพอใช้ได้ แต่เจ้าของร้านสูบบุหรี่พ่นควันใส่เต็มห้อง ผู้บันทึกลองใช้ดู ก็เป็นอินเตอร์เนทความเร็วสูงใช้ได้ เลยลองเขา G2K ไปหาน้องหนิง และ Post ทักทายดู ก็ใช้ได้ แต่แน่นอนไม่มีภาษาไทย
สักพักเดียวมีเด็กวัยรุ่นเดินทางนั่งโต๊ะติดกัน เปิดเครื่องแล้วเข้าเวปโป๊ทันที เขาดูเฉยเลยไม่อายสายตาเราเล๊ย....เหม็นบุหรี่ และเด็กข้างๆอย่างนั้นผู้บันทึกจึงรีบคุยกับน้องหนิงให้เสร็จแล้วออกมาจากร้านทันที ก่อนมะเร็งจะเกาะใจผม..
สวัสดีค่ะพี่บางทราย
อ่านมาทุกบันทึก แต่เพิ่งมีเวลาเข้ามาคุยด้วยก็บันทึกนี้แหละค่ะ
เบิร์ดชอบอันนี้จัง ^ ^...ประตูห้องน้ำเป็นกระจกแล้วมีตารางหมากรุกขุ่นๆ หากเข้าไปอยู่ข้างในเปิดไฟทำอะไรอะไร คนข้างนอกก็จะเห็นเป็นเงาๆ วับๆแวมๆ อิ อิ.. จานตะนากินบรรเจิดดีแท้ค่ะท่านพี่...
แถมมาตรงนี้อีกอันสักพักเดียวมีเด็กวัยรุ่นเดินทางนั่งโต๊ะติดกัน เปิดเครื่องแล้วเข้าเวปโป๊ทันที เขาดูเฉยเลยไม่อายสายตาเราเล๊ย....เหม็นบุหรี่ และเด็กข้างๆอย่างนั้นผู้บันทึกจึงรีบคุยกับน้องหนิงให้เสร็จแล้วออกมาจากร้านทันที ก่อนมะเร็งจะเกาะใจผม..
ทำให้เช้าวันนี้ของเบิร์ดรื่นรมย์ขึ้นมาทันตาเลยค่ะพี่บางทราย...
เบิร์ดชอบชุดบ๋าวได๋ ( เอ ! ชื่อนี้หรือเปล่าชักลืม ^ ^ )ของสาวเวียตนามนะคะ เพราะเธอใส่แล้วดูอรชร อ้อนแอ้น บอบบางน่าทะนุถนอมเหลือเกิน แต่อาเจ๊ทางขวาที่พี่บางทรายว่า เธอก็เปรี้ยวได้ใจอะฮั้นยิ่งนัก ฮี่ ฮี่...
ขอบคุณนะคะสำหรับการพาเที่ยวเวียตนาม...น่าสนใจมากค่ะพี่บางทราย