นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ( รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ) กล่าวในการประชุมประจำปีของสศช.ตอนหนึ่งว่า ถ้าเราไม่เปลี่ยนวิธีคิด/ระบบคิด ก็ไม่ทำให้คนพัฒนา โดยท่านเห็นด้วยกับพลัง 3 อย่างของ ศ.นพ.ประเวศ วะสี และเสนอประเด็นสำคัญในการพัฒนาแผนฯ 10 อีก 2 เรื่องคือ
1. ดัชนีชี้วัด ซึ่งปัจจุบันยังเป็นภาพใหญ่ ไม่เพียงพอที่จะนำไปสู่รากฐานของชุมชน การจัดการกับดัชนีชี้วัดต้องเป็นเรื่องคู่กัน ดัชนีชี้วัดที่ดี ต้องนำไปสู่การจัดการ ต้องเป็นตัวชี้วัดระดับชุมชน/ท้องถิ่น ซึ่งต้องให้ชุมชนท้องถิ่นกำหนดและเป็นคนจัดการเอง การจัดการระดับตำบลเป็นพื้นที่ที่เหมาะสม มีกลไกการจัดการที่ชัดเจน ถ้าให้คนที่เกี่ยวข้องในตำบลมาช่วยกันคิดว่า “ ตัวชี้วัดความสุขของคนในท้องถิ่นตนเองมีอะไรบ้าง ” แรก ๆ อาจไม่สมบูรณ์ แต่จะมาจากใจ มาจากความร่วมมือของเขา ซึ่งไม่ใช่ตัวชี้วัดระดับประเทศที่ถูกคนอื่นกำหนดและมาวัดเขา ตัวชี้วัดควรมี 3 ระดับคือ ระดับชาติ ระดับจังหวัด และระดับท้องถิ่น
2.การบริหารแผนให้บรรลุผล ซึ่งก็คือการจัดการนั่นเอง เนื่องจากปัจจุบันเรายังไม่มีระบบการจัดการให้บรรลุตามแผนฯ 10 อย่างเข้มแข็งจริงจัง แผนฯ 10 ไม่ใช่แผนในกระดาษแต่เป็นแผนของสังคม จึงไม่ต้องคำนึงถึงว่าใครเป็นรัฐบาล รัฐบาลใดเข้ามาบริหารก็ต้องสนับสนุนส่งเสริม โดยต้องมีคณะกรรมการที่ดูแลการบริหารอย่างเข้มแข็ง เพื่อขับเคลื่อนแผนฯ 10 ให้ประสบผลสำเร็จ โดยเฉพาะเรื่องดัชนีชี้วัดระดับท้องถิ่น
มีตัวอย่างเรื่องการกำหนดตัวชี้วัดเรื่องความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันของชาวบ้านตำบลหนองสาหร่าย อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี ที่ชาวบ้านเขาร่วมกันกำหนดขึ้นมาเอง จากมิติที่จะทำให้สังคมมีสุขร่วมกัน เช่นมิติเรื่องการมีสุขภาวะที่ดี ครอบครัวที่อบอุ่นฯลฯ
ผมเห็นตัวชี้วัดหนึ่งที่ชาวบ้านนี้เขากำหนดกันขึ้นมาว่า "ทำตัวไม่ให้เหม็น" ผมอ่านเจอแล้วขนลุกเลย ทำให้คิดว่าถ้าส่วนกลางมากำหนดตัวชี้วัดให้เขา และไปประเมินเขาตามตัวชี้วัดที่ตนเองกำหนด(คุณพ่อรู้ดี) เหมือนที่ผ่านมา เราคงไม่เห็นตัวชี้วัดที่มีชีวิตเช่นนี้เกิดขึ้น
แม้ตัวชี้วัดนี้จะดูเชยๆในทางวิชาการ แต่มันให้ความรู้สึกที่สะท้อนสภาพปัญหาความต้องการจำเป็นของเขา ที่มีพลังต่อการขับเคลื่อนของเขาอย่างยิ่งครับ