ช่วยด้วย!!! : ช่วยกันป้องกันสังคมไทยอย่าให้เป็นสังคมคนใจร้าย


ขอเชิญชวนให้ท่านนำเสนอ “เรื่องเล่า” (storytelling) ที่เป็นเรื่องจริง ที่เป็นตัวอย่างเล็กๆ ที่เป็นเรื่องของท่านเอง หรือที่ท่านพบเห็น (ย้ำว่าเป็นเรื่องจริง มีตัวตนเป็นๆ ให้ไปดูไปชื่นชม ไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้) ที่มีการดำเนินการเชื่อมต่อใยประสาทสมอง ให้ได้วงจรใยประสาทด้านดี ด้านเสียสละ ด้านสร้างความมั่นคงทางอารมณ์

ช่วยด้วย!!! : ช่วยกันป้องกันสังคมไทยอย่าให้เป็นสังคมคนใจร้าย 

        เรื่องดังในระยะนี้คือหนุ่มขับเบ๊นซ์ ขี้โมโห อายุ 20 ปี ขับรถไล่ชนคน     คนมักมองว่าเป็นปัญหาเฉพาะบุคคล     ว่าคงเป็นเพราะการอบรมที่บ้านไม่ดี     หรือเพราะความเจ็บป่วยทางจิตใจ    ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นความจริง     แต่นั่นเป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งครับ    

          เวลานี้สังคมของเรากำลังบ่มเพาะคนโมโหร้ายกันทั้งเมือง โดยไม่รู้ตัว      ยิ่งนับวันผู้คนก็ยิ่งขาดการอบรมฝึกฝน EQ (Emotional Intelligence – ปัญญาทางอารมณ์)     ทำให้คนรุ่นใหม่เป็นคนไม่เข้าใจอารมณ์ของตนเอง  ไม่เข้าใจอารมณ์ของคนอื่น  ควบคุมอารมณ์ของตนไม่เป็น     โดนกระตุ้นนิดเดียวก็พลุ่งพล่าน และทำในสิ่งที่คนอื่นเดือดร้อน     และตนเองก็เสียใจภายหลัง

        สังคมไทยในอนาคตจะเต็มไปด้วยคนโมโหร้าย  ถ้าเราไม่ช่วยกันป้องกันตั้งแต่บัดนี้

        ยิ่งกว่าโมโหร้าย  คือจะมีบุคลิก จริต หรือวิธีคิดแบบ ผู้ร้าย กันทั้งเมือง      โมโหร้าย เกิดขึ้นตอนมีอารมณ์พลุ่งขึ้นมา     แต่ จริตผู้ร้าย เกาะกุมใจตลอดเวลา      มีผลให้ผู้คนอยู่กันแบบมุ่งเอาเปรียบกัน  ไม่ไว้ใจกัน  ไม่มีมิตรภาพต่อกัน    ไม่เป็นสังคม อยู่เย็นเป็นสุข    เพราะต้องคอยสะดุ้งป้องกันตัวเองตลอดเวลา      และถ้ามีโอกาสก็ฉกฉวย หรือเอาเปรียบคนอื่นเหมือนกัน     จะเป็นสังคม อยู่ร้อนนอนทุกข์    เพราะคนใจร้ายเต็มบ้านเมือง รวมทั้งลูกหลานสายโลหิตของเราเองด้วย  

       โปรดสังเกตนะครับ ว่า สังคมอยู่เย็นเป็นสุข ที่รัฐบาลกำลังส่งเสริมนั้น     ไม่ใช่แค่มีงานทำ มีกิน มีใช้ มีบ้าน มีรถ เท่านั้น      แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ต้องเป็นสังคมที่ทุกคนมุ่ง อยู่ร่วมกัน     ไม่ใช่ ต่างคนต่างอยู่     ต้องเป็นสังคมที่ผู้คนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน     ไม่ใช่ผู้คนมุ่งเอาเปรียบกัน

        แต่เวลานี้สังคมไทยกำลังสร้างวงจรเชื่อมต่อใยประสาทสมองของเยาวชน     ให้เป็นสมองของคนที่ต่างคนต่างอยู่     อยู่ร่วมกับคนอื่นไม่เป็น     ไม่รู้จักความสุขที่เกิดจากการให้     รู้จักแต่ความสุขที่เกิดจากการเอา โดยเฉพาะการเอาชนะ หรือการเข่นฆ่าผู้อื่น     ไม่ภูมิใจต่อการเสียสละ    แต่ภูมิใจการคดโกงเพื่อให้ได้สิ่งที่ตนต้องการ      ไม่มุ่งทำงานหนัก ช่วยตัวเอง เพื่อให้ได้สิ่งที่ตนต้องการ     แต่มุ่งรวยลัด รวยเร็ว  มุ่งขอความช่วยเหลือจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์      ไม่ฝึกความมุ่งมั่น เอาจริงเอาจัง     แต่กลับฝึกความฉาบฉวย

        การเชื่อมต่อใยประสาทสมองของเยาวชนไทยในเวลานี้     อิทธิพลสูงสุดคือสื่อมวลชน     และสื่อมวลชนที่มีอิทธิพลสูงสุดคือ ทีวี    

        เกมคอมพิวเตอร์ ก็มีอิทธิพลต่อการเชื่อมต่อใยประสาทสมองของเยาวชน     เกมที่ได้รางวัลหรือได้คะแนนจากการฆ่า การทำลาย จะสร้างการเชื่อมต่อใยประสาทสมองให้มีนิสัยดุร้าย หยาบกระด้าง     มุ่งแต่เอาชนะเพื่อตัวเอง

        สมัยผมเป็นเด็ก พ่อแม่มีลูกเป็นฝูง     ครอบครัวอื่นก็มีลูกเป็นฝูง     เราเล่นกัน  มีการเอื้อเฟื้อกัน แย่งกัน ช่วยเหลือกัน ทะเลาะกัน ฯลฯ      เป็นการฝึกฝนสมองในด้าน ความฉลาดทางอารมณ์ หรือความสัมพันธ์ ในหมู่เพื่อนๆ และพี่-น้อง     สมัยนั้นเรามีลุงป้าน้าอามากมาย เราก็ได้ฝึกความสัมพันธ์กับผู้ใหญ่     ยิ่งในต่างจังหวัด ลุงป้าน้าอา ที่ไม่ใช้สายโลหิตมีมากมาย     เพราะเราเรียกผู้ใหญ่ในละแวก ว่าเป็นลุงป้าน้าอา ทั้งนั้น    และหลายๆ คนแม้จะไม่ใช่ญาติทางสายโลหิต ก็เหมือนญาติ หรือรักกันยิ่งกว่าญาติ     เป็นความรักที่เกิดจากการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

        เด็กสมัยก่อน     การเชื่อมโยงใยประสาทส่วนหนึ่งมาจากความรู้สึก อยู่ดีมีสุข จากมิตรภาพ    จากความรักรอบข้าง 

        แต่เด็กสมัยนี้ การเชื่อมโยงใยประสาทมาจากความรู้สึกต่างคนต่างอยู่     ต่างคนต่างมีโลกของตัวเอง      รู้สึกพอใจจากการได้เล่นเกมเอาชนะ หรือ virtual killing    แม้ในเกมจะเป็น virtual     แต่การเชื่อมต่อใยประสาทสมอง จะเป็นจริง คือเชื่อมต่อไว้ให้เป็น ผู้ฆ่า      หรือเมื่อโดนกระตุ้นด้วยอารมณ์นิดเดียวก็เป็น ผู้ทำร้าย หรือ ผู้ฆ่า ได้ง่าย

         เราจะช่วยกันสร้างสังคมไทยในอนาคต ไม่ให้กลายเป็นสังคมของคนโมโหร้ายกันทั้งเมืองได้อย่างไร 

        ขอเชิญชวนให้ท่านนำเสนอ เรื่อง เล่า (storytelling) ที่เป็นเรื่องจริง     ที่เป็นตัวอย่างเล็กๆ     ที่เป็นเรื่องของท่านเอง หรือที่ท่านพบเห็น (ย้ำว่าเป็นเรื่องจริง  มีตัวตนเป็นๆ ให้ไปดูไปชื่นชม ไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้)     ที่มีการดำเนินการเชื่อมต่อใยประสาทสมอง     ให้ได้วงจรใยประสาทด้านดี ด้านเสียสละ     ด้านสร้างความมั่นคงทางอารมณ์ ฯลฯ ให้แก่เยาวชน     เพื่อเป็นแนวทางแก้ปัญหาที่ผมนำเสนอข้างบน

        อยากให้บันทึกนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของ เวทีแลกเปลี่ยน เรื่องราวของการปฏิบัติ     ไม่ใช่เวทีแลกเปลี่ยนความรู้เชิงทฤษฎี    

        เชิญครับ 

วิจารณ์ พานิช

8 ก.ค. 50

หมายเลขบันทึก: 109521เขียนเมื่อ 8 กรกฎาคม 2007 11:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:21 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

อ่านของท่านอาจารย์แล้วรู้สึกไม่ค่อยดีตอนสายๆนี้เองบอกลูกชายคนเดียวที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์ไกล้เกินให้ขยับออกเขาทำไม่ได้ยิน ก็เลยแหย่ด้วยการตบหลังเบาๆ ลูกชายโกรธและตอบแทนแรงๆเหมือนการเอาคืนทำนองนั้น ลูกอายุ 10 ขวบ กลัวจังว่าสัก 20 ขวบจะเกิดเรื่องเหมือนข่าว จะแรงหรือเบาก็ไม่ดีทั้งนั้นทำไงดีครับ

สวัสดีค่ะ

บันทึกนี้ ดิฉัน 2 รอบ เฉพาะนาทีนี้  รู้สึกปลาบปลื้มมาก และซาบซึ้ง ที่ท่านอาจารย์เห็นปัญหาของสังคม  และพยายามที่จะกระตุ้น ความรู้สึกที่จะให้คนเราอยู่ร่วมกัน เป็นสังคมที่มีความสุขเหมือนแต่ก่อน

เรื่องที่ดิฉัน เขียนลงบันทึกทุกเรื่องจะเป็นเรื่องจริงๆ จากประสบการณ์ของตนเองทั้งนั้น และดิฉันรู้สึกเป็นห่วงสังคมที่กำลังเปลี่ยนไปในทางแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันมากขึ้นทุกทีค่ะ

 

ช่วยกันด้วย  ช่วยที  เราคนไทย

อย่ามีใจ  ร้อนแรง  อย่าพลุ่งพล่าน

คนไทยล้าน  รักกัน  เราร่วมอยู่

อย่าเป็นผู้  เอารัด  เอาเปรียบกัน

อนาคตไทย  ฉะไหนว่า เป็น"ผู้ร้าย"

เราไม่หมาย  เป็นอย่างนั้น  ให้ช่วยกัน

ให้มุ่งมั่น  ทำดี  เสียสละ

เอาชนะ  ขาดคุณธรรม   ทำไม่ลง 

 

  • หัวเรื่องโดนใจไม่วายต้องคลิ๊กเข้ามา
  • ขอบคุณครับ :-)

การสอนลูกให้เป็นคนดีของสังคม เราจะต้องค่อยๆสอนตั้งแต่เด็ก

เราไม่ควรดีใจที่ลูกเอาเปรียบคนอื่นได้

สอนให้เขามีนำใจกับคนอื่นๆด้วย

 

  • ชวนเด็กมาเล่นละคร
  • ตัวละครที่หลากหลาย น่าจะทำให้เขาเข้าใจคนที่หลากหลายมากขึ้น
  • สมัยเด็กเล่นขายของ สนุกดีครับ
  • ทุกวันเด็กเล่นขายของน้อยเพราะมีรั้วบ้านกักกันเด็กไม่ให้เล่นด้วยกันอย่างสะดวก
  • พื้นที่ให้เด็กได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนมีน้อย
  • มีนักเรียนจำนวนมากที่  บางวันนั่งเงียบ  บางวันคึกคะนอง...จนถูกครูดุ  จนมารู้ทีหลังว่า..ที่นั่งเงียบ  เพราะกินยาระงับไว้.....ดังนั้น  การที่ครูดุไป..จึงไม่เกิดประโยชน์

ต้องศึกษาเด็กเป็นรายบุคคลด้วย

  • ผู้ใหญ่ทำผิด..ก็ต้องศึกษา  ตรวจดูว่า..เขาปกติเหมือนคนทั่วไป  หรือผิดปกติทางสมองหรือจิตใจ

วาย...มีหลักการเยอะ  อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ..ว่าใคร

  • เดี๋ยวจะเหมือนครูที่ดุเด็กที่ซุกซนเพราะไม่ได้กินยาระงับ.

แหะแหะ

กราบสวัสดีครับอาจารย์

หัวข้อนี้สำคัญมาก อยากให้อาจารย์จัดเรื่ื่อยๆ 

ความคิดเห็นส่วนตัว

ประเด็น 1.    สื่อโดยเฉพาะทีวี  มีส่วนอย่างมากในการ สร้างสังคม (shape up)
ที่ต้องการ

-          คนดูบางทีหลงไป ลืมไปว่า เป็นละคร แต่งขึ้น ไม่ใช่เรื่องจริง (อารมณ์ริษยา อาฆาตร เป็นเพียงจินตนาการ ความคิดของผู้แต่ง ไม่ใช่อารมณ์ที่พบเป็นปกติของคนในสังคม หรือให้กลายเป็นแม่แบบในการพัฒนาอารมณ์คนดู)

-          นับว่ามีจุดเริ่มที่ดีที่รายการทีวีปัจจุบัน มีการจัดจำแนก แต่ยังสงสัยว่าตามบ้านเรือนต่างๆ มีเท่าไรที่ใส่ใจ--- ปัญหาตรงนี้ คือ ชาวบ้านยังตามไม่ทันและไม่คิดว่ามีความสำคัญ (ขณะที่สื่อ กลับคิดอีกด้าน คือ ทำเสนอเต็มที่ แล้วส่งไปจัดจำแนก แล้วให้ชาวบ้าน (ผู้มีความสามารถมาก!) ตัดสินใจเลือกชม)

-          อย่างไรก็ตามสื่อไทยก็น่าจะเหมาะมากที่สุดสำหรับลักษณะคนไทย  แต่ว่าปัจจุบันสื่อมาได้จากทั่วทุกมุมโลก ทุกรูปแบบ  คนมีเงิน สามารถจัดหาจานดาวเทียม หรือเคเบิล รับสื่อจากต่างประเทศ บางทีอาจจะบริโภคมากกว่าสื่อไทยเสียอีก

 

ประเด็น 2.  คุณภาพการเป็นพ่อและแม่ของคนปัจจุบัน ด้อยกว่าคนไทยในอดีต

-          เรื่องจริงที่เคยเจอคือ ลุงมีหลาน 2 คน หลานแกก็ไปเล่นอะไรที่รบกวนเพื่อนบ้าน เพื่อนบ้านก็ขอร้องไป ลุงบอกว่าเด็กมันยังเล็กจะไปรู้อะไร ----คิดแบบนี้แล้ว ก็ไม่สอน ไม่ห้ามปรามเด็ก---เด็กก็ไม่มีบรรทัดฐานสิ่งใดสมควร หรือไม่สมควร----ถ้าผมจำไม่ผิด ดร.สุวรรณ วลัยสเถียร เคยแนะนำการสอนเด็กว่า ถ้าจะให้เด็กไม่ทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอีก จะต้องห้ามทุกครั้งที่เด็กจะทำ ไม่ใช่ห้ามครั้งแรก แล้วพอเด็กทำครั้งที่สองแล้วไม่ห้าม (อย่างงี้ไม่ได้ผล เด็กไม่ยึดถือว่า เป็นสิ่งไม่ควรทำ)

-          เรื่องปัดความรับผิดชอบการกระทำของบุตรหลาน ทำให้ครั้งหนึ่งมีประกาศว่า ถ้าเด็กทำผิดจะเอาโทษกับพ่อแม่ผู้ปกครองเด็กด้วย------สถานการณ์ดีขึ้นมาเรื่อยๆทันที

-          ต้องยอมรับความจริงว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของไทยก่อนหน้านี้ไม่ดี ปัญหายาเสพติดระบาดหนัก การสร้างครอบครัวใหม่จำนวนมากในช่วงนั้นก็ค่อนข้างฉาบฉวยไม่ค่อยมีคุณภาพมาก----เป็นไปได้ไหมว่ามีพ่อและแม่รายใหม่ที่ไม่พร้อมจำนวนมาก----ดังนี้พัฒนาการของลูกก็จะเป็นผลจากความไม่พร้อมนี้---และน่าจะเห็นผลในอีก10-15 ปีข้างหน้านี้

 

ประเด็นที่ 3. นักการเมือง ผู้บริหารประเทศ มีความเข้าใจและตระหนักเรื่องนี้มากน้อยอย่างไร และจะนำไปถูกทางหรือเปล่า

-          จากรายการโทรทัศน์ BBC สารคดีเรื่อง the formula of happiness อังกฤษมองว่าประเทศเขามีพัฒนาด้านวัตถุมาก แต่สงสัยว่าประชาชนมีความสุขหรือเปล่า ต่อไปอาจจะวัดการทำงานของรัฐบาลจากความสุขของประชาชน

-          มีเงินมีทรัพย์มาก อาจไม่มีความสุข ซื้อรถใหม่มาก็มีความสุขในตอนแรก หลังจากเพื่อนบ้านซื้อรถใหม่สวยกว่ามาจอดข้างๆ ความสุขนั้นหายไปเลย เนื่องจากการนำไปเปรียบเทียบ  คนมีเงินเป็นหมื่นล้านยังไม่รู้สึกพอเพราะเปรียบเทียบกับเศรษฐีระดับโลกก็ยังรู้ว่าน้อยกว่าเขามาก ก็ต้องหาเพิ่มต่อไป (ด้วยวิธีการต่าง)  ดังนั้นถ้านายกมาบอกว่าจะพัฒนาประเทศโดยทำให้คนไม่จน อาจจะไม่ใช่จุดที่ถูกแต่ว่าทำอย่างไรที่จะลดช่องว่างระหว่างคนจนและคนรวย ให้สมดุลพอดีอาจจะดีกว่า

ยังมีอีกมากครับ แม้ในที่ทำงานในปัจจุบัน

ขอบคุณครับ 

  • ผมก็ไม่รู้นะครับว่า สิ่งที่ผมจะเล่าต่อไปนี้จะตรงกับหัวเรื่องมากน้อยเพียงใดหรือไม่ หลังจากอ่านแล้วชะงักตรงที่ เรื่อง เล่า (storytelling) ที่เป็นเรื่องจริง     ที่เป็นตัวอย่างเล็กๆ     ที่เป็นเรื่องของท่านเอง หรือที่ท่านพบเห็น (ย้ำว่าเป็นเรื่องจริง  มีตัวตนเป็นๆ ให้ไปดูไปชื่นชม ไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้) 
  • โรงเรียนปริยัติธรรมวัดศาลาลอย (เป็นอดีตไปแล้ว) มีอาจารย์ใหญ่ท่านหนึ่ง ท่านทุ่มเทให้กับพวกเราซึ่งมีไม่ต่ำจาก ๓๐ ชีวิต (พ.ศ.๒๕๓๓) ทุกอย่างที่ทำจะต้องไม่ใช่มีเงินเป็นเป้าหมาย พวกเราก็ทำกันมาตลอด ไปสอนหนังสือก็สอนฟรี สอนแบบพี่สอนน้อง (สอนในชั้นเรียน รวมถึงไปสวนในโรงเรียนต่างๆ) ทำงานให้ใครก็ทำเพราะสิ่งนี้ควรทำ สิ่งที่พวกผมได้รับคือ การอุดหนุนจากเจ้าคณะพระสังฆาธิการ ครั้นผมไปอยู่ นครศรีธรรมราช ผมก็ยังทำหน้าที่เช่นนี้ ครูใหญ่โรงเรียนปริยัติสามัญวัดสระเรียง ตอบแทนที่ผมอุตส่าห์ไปสอนหนังสือให้ (ภาษาบาลี) ด้วยเดือนละ ๑,๐๐๐ ผมรู้สึกกระดากอายที่จะรับไว้ และปฏิเสธอไป แต่ท่านก็ฝืนให้ผม ผมก็ฝืนรับ (ทำงานไปสงเคราะห์ไปด้วย เรียนไปด้วย) มาทุกวันนี้ ผมก็ยังรู้สึกละอายใจที่จะรับเงิน บางครั้งมีคำสั่งราชการ ผมก็ไม่เบิก อาจารย์หลายคนบอกว่า ต้องเบิก เล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องเบิก ปัจจุบัน ผมรู้สึกว่า ผมกำลังเปลี่ยนและเปลี่ยนมากๆ จากที่เคยใจเย็น เริ่มดุดัน โดยเฉพาะอะไรที่มันไม่ยุติธรรม เคยคิดเหมือนกัน เกี่ยวกับการใช้กำลัง แต่จะมีความคิดอันหนึ่งมาสะกัดกั้นคือ เราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้หรือ เป้าหมายของเราน่าจะดีกว่านี้ แต่ข้อสรุปที่ผมได้ในวันนี้คือ ถ้าเราทำงานไม่หวังเงิน เราก็ไม่มีเงิน ซึ่งความคิดนี้ ไม่น่าจะใช่เรื่องดีสำหรับผมและสิ่งที่ผมได้รับมา
  • สิ่งที่ผมแปลกใจคือ เมื่อเรียน ป.โท ผมมีเงินเพียงหมื่นเดียว หมื่นนี้เพื่อนขอให้ช่วยซื้อประกัน ผมก็ช่วยเพื่อให้เพื่อนขึ้นตำแหน่ง เมื่อไม่มีเงินก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงทำโครงการขอทุนจากมูลนิธิหลวงปู่สงฆ์ ก็ไม่รู้ว่าได้ทุนมาได้อย่างไรเหมือนกันครับ จนได้เรียนจบ เพื่อนต่อๆ มาก็ได้ทุนต่อจากผมนี้ ผมเข้าใจเอาเองว่า ผมได้ทุนเพราะบุญที่ไปสอนหนังสือฟรีครับ
ขอบคุณที่เห็นคนดีของสังคมในบันทึกนี้
  • บางเรื่องก็เป็น ความจริงที่ไม่มีใครอยากฟัง
  • บางครั้งก็เป็นปัญหาที่แก้ง่ายๆ แต่ผู้ใหญ่บางคนก็ปล่อยปะละเลย เห้อ
  • ช่วยกันเป็นน้ำดีที่ไล่น้ำเสียกันดีกว่าครับ

สวัสดีครับทุกท่าน
     สิ่งที่ท่านอาจารย์หมอวิจารณ์นำเสนอ หลายเรื่องเป็นเรื่องเดียวกับที่ผมเองก็พูดเสมอกับทุกกลุ่มคนที่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งนักศึกษา  ครูอาจารย์ และผู้บริหารสถานศึกษา ไม่ใช่มาแอบอ้างครับ แต่อยากยืนยันว่าเราท่านทั้งหลายต่างเห็นร่วมกันอยู่ ว่า "มันหนักข้อขึ้นทุกวัน"
    ปัญหาทั้งหลายมีเหตุเป็นแดนเกิด  และเหตุแห่งปัญหาก็มีมากมาย ทั้งที่เห็นง่ายๆ และสลับซับซ้อน
    ทางแก้ หรือลดปัญหาจึงต้องทำหลายทาง  หลายมิติ ช่วยกันทุกๆฝ่าย ตามบทบาทและเงื่อนไขที่เอื้อให้ทำได้ เหมือนกับช่วยกันสกัด ปิดกั้นสิ่งชั่วร้าย ต้องช่วยกันดูโดยรอบด้าน
    สถานภาพต่างๆที่เรามี เราเป็น ล้วนมีส่วนช่วยได้ทั้งนั้นครับ

  • พ่อ-แม่ ผู้ปกครอง
  • พี่ ป้า น้า อา
  • ครู-อาจารย์
  • พระ-นักบุญ-นักบวช
  • สื่อมวลชน
  • ผู้บริหารสถานศึกษา
  • พ่อค้า-นักธุรกิจ
  • ดารา - นักร้อง-คนวงการบันเทิง
  • แพทย์-พยาบาล-บุคลากรด้านสาธารณสุข
  • เกษตรกร-บุคลากรด้านการเกษตร
  • .... ฯลฯ  ฯลฯ
  • และ ประชาชน คนทั่วไป

        คิดกันสิครับ  ไม่ต้องรอว่าใครทำอะไรหรือยัง  รีบทำสิ่งที่ท่านทำได้และอยู่ใกล้ๆตัว โดยทันที เพื่อช่วยกันสร้างสังคมนี้ให้น่าอยู่ ด้วยการพัฒนาคน คือลูกหลานของเรา ให้คิดเป็น มีภูมิคุ้มกันที่ดีพอ ต่อสิ่งชั่วร้ายที่แฝงตัวมากับความเจิญก้าวหน้า ทางวัตถุและเทคโนโลยี ของโลกยุคใหม่
       อะไรๆมันต้องดีขึ้น  ถ้าทุกคน ตระหนัก และ เอาจริง ครับ

เรียนคุณ นมิทร์ มน.  http://gotoknow.org/profile/nmintra 

ขอบคุณมากครับ 

เรื่องเล่าแบบของคุณนมินทร์นี่แหละครับ ที่เราควรผลัดกันเล่า และผลัดกันชื่นชม     ยิ่งมีหลากหลายเรื่อง  หลากหลายแบบ หลากหลายบริบท ยิ่งดี

ถ้าเป็นเรื่องนานมาแล้ว บอกด้วยว่าเวลานี้ตัวละครเหล่านั้น ใครไปเป็นคนดีของสังคมอย่างไร  ที่ไหน

วิจารณ์

สังคมเมือง ห่างไกลจากความศิวิไลซ์ไปทุกทีค่ะ

เพราะ นับวันจะไกลจากธรรมชาติ

จนไม่รู้จักสัจธรรมไปด้วยค่ะ

ทำให้แม้มีเงินทองมากมาย การศึกษาดี แต่ EQ น้อยเต็มทีค่ะ

คือ ยิ่งความเจริญ(ทางวัตถุ)เข้าครอบงำ

จิตใจคนยิ่งห่างไกลความเจริญไปทุกทีๆๆ

 

ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ สำหรับเรื่องเล่า ให้เสียงสะท้อนค่ะ

  • ขอขอบพระคุณอาจารย์หมอมากครับ จากความคิดเห็นนั้นทำให้ผมคิดว่า ผมน่าจะยืนหยัดสิ่งที่เคยคิดว่าดีนั้นไว้ เพราะทำไปทำมาท่ามกลางความหลากหลายของคนทำให้เกิดความไม่มั่นใจว่า ตกลงสิ่งที่ทำไปนั้น มันดีแน่หรือ
  • อาจารย์ใหญ่ ขณะนี้เป็นที่ปรึกษาบริษัทสังฆภัณฑ์ อยู่ครับ ผมได้เขียนไว้เล็กน้อยที่ http://gotoknow.org/blog/nmintra/107734 ประมาณว่า ท่านยังถืออะไรบางอย่างของท่านอยู่
  • ตัวละคร ๒ ตัว ที่ผมยังติดต่ออยู่ คนหนึ่งอยู่ นครศรีธรรมราช อีกคนหนึ่งอยู่สุราษฎร์ธานี หลายเดือนก่อน ผมได้โทรศัพท์คุยกับเพื่อนที่อยู่สุราษฎร์ธานี ท่านบอกว่า เพิ่งจัดงานคอนเสิร์ตอะไรสักอย่างครับ ท่านบอกว่าได้กำไรเป็นแสน ผมก็พูดเชิงล้อเล่นว่า "คงรวยน่าดูสิเนี่ย" ท่านบอกว่า รวยอะไร ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองสักหน่อย แต่ทำเพื่อพระศาสนา" ผมก็ไม่ถามอะไรต่อ แต่เข้าใจว่า น่าจะนำเงินนี้ไปเป็นค่าใช้จ่ายกับ มจร.ห้องเรียน สุราษฎร์ธานี ที่ตัวเองรับผิดชอบอยู่ (ประมาณการจากประสบการณ์ที่คบกันมา) ผมเคยถามเพื่อหยั่งๆความคิดอะไรบางอย่างว่า "ทำไมไม่ไปหาเรียนต่อ" ท่านบอกว่า "ถ้าไปแล้วใครจะรับผิดชอบที่นี้" (อันที่จริงคือเป็นห่วงเพื่อน ประมาณว่าถ้ามีโอกาสอยากให้เพื่อนไปเรียนต่อให้มันสิ้นสุดกันไป) ส่วนท่านอื่นๆ ไม่ได้ติดต่อเลยครับ เนื่องจากมากันหลายที่ จากสกลนครก็มี บุรีรัมย์ก็มี อุบลราชธานีก็มีครับผม
  •  มาพิจารณารอบตัวผม ผมรู้สึกดีครับ ผมรู้สึกว่า รอบตัวผมจะมีแต่คนดีๆ
  • ขอบคุณครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท