ถึงวันนี้กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ผ่านมาถึงโค้งสุดท้ายแล้วนะครับ หลังจากที่ตลอดเดือนมิถุนายน 2550 สภาร่างรัฐธรรมนูญได้แปรญัตติเพื่อแก้ไข, ปรับเปลี่ยนร่างรัฐธรรมนูญฉบับรับฟังความคิดเห็นให้ออกมาเป็นร่างสุดท้าย ก่อนที่สภาร่างฯ จะหมดวาระการทำงานในวันที่ 6 กรกฎาคม 2550
มีหลายคนถามผมว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญรับฟังความคิดเห็นฯ ของ จ.ชุมพร ที่ผมเป็นกรรมาธิการและเลขานุการอยู่นั้น จะต้องทำอะไรต่อไปอีกหลังจากร่างสุดท้ายของรัฐธรรมนูญ 2550 ออกมาแล้ว และจะเข้าสู่กระบวนการลงประชามติในวันที่ 19 สิงหาคม 2550 จากการติดตามข่าวทำให้ทราบว่า มีการเสนอเพิ่มบทบาทและอำนาจหน้าที่ให้คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้จัดการรณรงค์เปิดเวทีประชาพิจารณ์ เพื่อแลกเปลี่ยน พูดคุย เรียนรู้รัฐธรรมนูญร่วมกัน แต่เมื่อถึงช่วงโค้งสุดท้ายจริง ๆ ข่าวคราวการเปิดเวทีประชาพิจารณ์กลับเงียบหายไป เข้าใจว่าคงขัดข้องปัญหาทางเทคนิคในการบริหารจัดการ เพราะเมื่อสภาร่างฯ หมดวาระงานต่อเนื่องก็คงต้องเป็นภารกิจของกระทรวง ทบวง กรม ฯลฯ ที่จะต้องดำเนินการรณรงค์ด้วยรูปแบบต่าง ๆ
ที่เห็นมาบ้างแล้ว อาทิ โครงการพัฒนาการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย มีรูปแบบการสร้างวิทยากร “แม่ไก่” เพื่อขยายผลการปลูกฝังแนวคิดไปยังกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่เป็นลำดับไป
มีอีกโครงการหนึ่งซึ่งผมเข้าไปมีส่วนร่วมโดยตรง คือ โครงการจัดเวทีประชาธิปไตยชุมชนเพื่อความมั่นคงของมนุษย์ ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งมีแนวคิดอยู่บนพื้นฐานว่า
“...ความหมายที่ถูกต้องของคำว่า ประชาธิปไตย คือ การที่สมาชิกมีความเสมอภาคและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องของส่วนรวม หากเป็น ประชาคมขนาดเล็ก เช่น ครอบครัว, องค์กร, ชุมชน ทุกคนก็เข้ามามีส่วนร่วมได้โดยตรงโดยไม่ต้องเลือกตัวแทน เรียกว่า ประชาธิปไตยโดยตรง (Direct Democracy) แต่ถ้าเป็น ประชาคมขนาดใหญ่ ก็จำเป็นที่จะต้องเลือกตัวแทนไปออกเสียงตัดสินใจ เรียกว่า ประชาธิปไตยทางอ้อม หรือ ประชาธิปไตยตัวแทน (Representative Democracy)
ประชาธิปไตยชุมชน ที่คนในชุมชนมารวมตัวกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ร่วมคิด ร่วมกำหนด ร่วมตัดสินใจ และร่วมปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในชุมชนเอง เช่น เรื่องการทำมาหากิน, การจัดการใช้ทรัพยากรอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน, การจัดการศึกษาที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนและเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมชุมชน, การสื่อสารทั้งภายในและระหว่างชุมชน, การมีระบบเงินตราที่ใช้เฉพาะในชุมชน เป็นต้น
ดังนั้น ท่ามกลางสภาวการณ์ปัจจุบัน กระบวนการ ประชาธิปไตยชุมชน จึงเป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยแก้ไขปัญหาทางสังคม โดยเฉพาะการสร้างรากฐานที่เข้มแข็งในระดับชุมชนท้องถิ่น หากประชาชนในชุมชนได้เข้าใจ หลักการ และ หัวใจ ของคำว่า ประชาธิปไตย ก็จะสามารถปลดเปลื้อง ค่านิยม, ความเชื่อ และเลิกฝากความหวังไว้กับ ประชาธิปไตยตัวแทน เพียงด้านเดียว..."
ที่จังหวัดชุมพร เรามีกำหนดจัด เวทีประชาธิปไตยชุมชน ขึ้น 8 ครั้ง 8 เวที ใน 8 อำเภอ โดยการจัดครั้งแรกเริ่มขึ้นแล้วที่ อ.ละแม เมื่อวันพฤหัสที่ 28 มิถุนายน 2550 ผลสรุปออกมาว่าอย่างไร เมื่อผมได้รับแล้วจะนำขึ้นให้ท่านติดตามอ่านได้ที่เว็บไซท์ “ชุมพรเวที” www.chumphonstage.com ส่วนอีก 7 ครั้ง มีกำหนดการดังนี้
วันจันทร์ที่ |
9 | ก.ค. 2550 |
- ศาลาประชาคม ที่ว่าการ อ.ทุ่งตะโก |
วันอังคารที่ |
10 | ก.ค. 2550 |
- อาคารอเนกประสงค์ อ.หลังสวน |
วันพุธที่ |
11 | ก.ค. 2550 |
- ศาลาประชาคม ที่ว่าการ อ.ปะทิว |
วันพฤหัสที่ |
12 | ก.ค. 2550 |
- ศาลาประชาคม ที่ว่าการ อ.ท่าแซะ |
- ศาลาประชาคม ที่ว่าการ อ.สวี |
|||
วันศุกร์ที่ | 13 | ก.ค. 2550 |
- ศาลาประชาคม ที่ว่าการ อ.พะโต๊ะ |
- ห้องประชุมกองสาธารณสุขฯ เทศบาลเมืองชุมพร |
ทุกเวที เริ่มเวลา 9.00 – 15.00 น. ขอเชิญชาวชุมพรเข้าร่วม ฟัง-คิด-พูด ใน เวทีประชาธิปไตยชุมชน .
เวทีประชาธิปไตยชุมชนอำเภอหลังสวนมีประเด็นที่เอามาพูดคุยกัน 3 เรื่อง คือ
1.การค้าข้ามชาติ "โลตัส"
2.ตลาดน่าซื้อ
3.สวัสดิการชุมชน
บรรยากาศในเวที จริงจัง และ ร้อนแรง ตามวิสัยของคนหลังสวนจริงๆ ต้องขอบคุณ คุณไอศูรย์มากที่มาช่วยเป็นผู้ดำเนินการเวทีของอำเภอหลังสวน ขอบคุณคะ