แรงบันดาลใจ


เดิมพันสูงมาก "น้องหยุด" ผม"หยุด"ความเลวของผม นับแต่วันนั้นถึงวันนี้ 24 ปีแล้วครับ.

          หลายคนมักถามหรืออาจถูถามว่า เกิดมาทำไม? เกิดมาเพื่ออะไร? ชีวิตนี้เป็นของใคร? จะทำอย่างไรกับชีวิตนี้? และชีวิตนี้จะจบลงเช่นไร? ...คำถามเหล่านี้และคำถามในแนวนี้อีกมากมาย ล้วนหาคำตอบที่ลงตัวไม่ได้ ขึ้นอยู่กับว่า ผู้นั้นมีปัจจัยแวดล้อมหรือบริบทแห่งชีวิตเป็นเช่นไร...
          ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ตกอยู่ในวังวนนี้
          ก่อนวันที่ 16 พฤษภาคม 2526 ชีวิตของผมก็เหมือนกับชีวิตลูกผู้ชายทั่วไป กิน กาม เกียรติ เป็นสิ่งที่แสวงหาหรือโหยหาอยู่ร่ำไป กินทุกอย่างที่ขวางหน้า (โดยเฉพาะของฟรี) ดื่ม(สุรา)เป็นประจำทุกวัน ไม่มีเว้น อย่างน้อยก็ต้อง 3 ตอง (เหล้าขาว 2 ตอง เชี่ยงชุน 1 ตอง ผสมกัน) พร้อมต้มซุบเอ็นวัว 1 ชาม และ/หรือหลู้เลือด 1 ถ้วย บุหรี่รึ 2 วัน 3 ซอง (จำได้ว่า หลังสุดสูบสามิต 14) การพนันรึ บางคืนไม่ได้หลับไม่ได้นอนเชียวหละ สารพัดอบายมุข ว่างั้นเถอะ เป็นชีวิตที่ศิวิไลยมากส์ (ความรู้สึกในช่วงนั้น)
          แหลกเหลวขนาดไหนรึ? ก็ขนาดที่ว่า พ่อแม่เหม็นขี้หน้านั่นแหละ (สังเกตได้ภายหลัง)ว่า งานใดก็ตาม ที่คุณพ่อร่วมกิจกรรม/ช่วยงาน ร่วมสนทนาอย่างออกรสออกชาติอยู่กับเพื่อนฝูงของท่าน หากเห็นผมเดินเข้าไปในงานนั้น (คงเดาออกนะ คนเมาเดินอย่างไร) คุณพ่อจะขอตัวจากเพื่อน ๆ หนีกลับบ้านทันที (เบื่อขี้หน้าลูกตัวเองไง) ถึงบวชเรียนมาแล้วก็เถอะ เละยิ่งกว่าคนดิบ(คนไม่ได้บวช)เสียอีก และหากวันใดผมเมาอยู่ที่บ้าน รถทุกคันที่อยู่ในบ้านจะถูกยึดกุญแจหรือไม่ก็ปล่อยลมยางหมด (คงกลัวเราจะตาย หรือไม่คงกลัวจะได้เลี้ยงคนพิการ) ระดับการครองสติต่ำแต่รัศมีการท่องเที่ยวไกล ว่างั้นเถอะ เมาแล้วอวดรู้อวดฉลาดพูดดังไม่ฟังใคร รับไม่ได้จริง ๆ
          วันหนึ่ง วันนั้นวันที่ 15 พฤษภาคม 2526 ช่วงบ่าย ผมได้ไปร่วมปฐมนิเทศนักศึกษาผู้ใหญ่ ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองเชียงใหม่ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายวิชาการ กว่าจะเสร็จก็ค่ำ เพื่อน ๆ ก็นำสุรา 2 ขวด ไก่ย่าง 2 ตัว มาเลี้ยงกัน วันนั้นผมขอตัว เพราะหมอนัดให้นำภรรยาซึ่งท้องแก่และเลยกำหนดคลอดมา 1 สัปดาห์แล้ว ไปหาหมอที่โรงพยาบาลสวนดอก เพื่อเข้าพักและจะทำการผ่าตัดเอาลูกออก (หมอว่างั้น) เพื่อนไม่ยอม หาว่าเราอ้าง แต่ที่สำคัญก็คือเราอยากด้วยหละ จึงพูดกับเพื่อน ๆ ว่า "เอางี้ เอาแค่เหล้า 1 ขวด ไก่ 1 ตัว เก็บเก้าอี้ให้หมด ยืนกินไม่ต้องนั่ง (กลัวมันจะนาน) สังหารเรียบร้อยภายในพริบตา ออกเดินทางด้วยรถเครื่องคู่กายโดยไม่ลาใคร 
          อุบัติเหตุครับท่าน ตรงทางแยกประตูเชียงใหม่ รถผมชนกับรถ(จักรยาน)ช่างกรอบพระ ล้มระเนระนาด คงสลบไปนานหละ เพราะตอนที่ตื่นขึ้นมาได้ยินเสียงพูด "ฟื้นแล้ว ๆ ๆ " ของคนที่ยืนดูรอบ ๆ มากโขเอาการ ผมนึกได้ว่าจะต้องนำภรรยาไปหาหมอ (ดูซิ ยังจำได้ กลัวเมียขนาดไหน?) จึงฝากรถทั้งของผมและของคู่กรณีไว้ในบ้านใกล้ที่เกิดเหตุ ผมขอคู่กรณีไปกับผม ไปที่บ้าน ไปถึงบ้านเห็นภรรยารออยู่ ไม่พูดสักคำ เดินตามกันไปขึ้นตึกโรงพยาบาลนครเชียงใหม่ (อ้อ...ผมพักบ้านพักในโรงพยาบาลครับ) ท่านเชื่อไหม? ผมได้แต่เมา คู่กรณีพร้อมกับลุงของภรรยา จัดการให้หมด ทั้งยื่นบัตรและนำเข้าพักในห้องพัก เสร็จแล้วผมกับคู่กรณีก็กลับไปที่เกิดเหตุ และไปเจรจากันที่บ้านคู่กรณี
          ลูก 5 คน เมีย 1 และใครอีกก็ไม่รู้ จำได้เลา ๆ ว่าอีก 2 คน รอทานข้าวมื้อเย็นกับคู่กรณี เมื่อรู้ว่ามีอุบัติเหตุ ผู้ใหญ่เงียบ แต่เด็ก ๆ ก็คงร้องหิวข้าวอยู่ต่อไป ...เจรจากันนาน... ผลการเจรจาตกลงว่า เขาให้ผมจ่ายให้เขา 500 บาท แล้วจบกัน (500 บาท ในสมัยนั้น มากโขอยู่น่า) ผมตกลง ควักจ่ายและบอกเขาไปว่า "มีอะไรให้ไปหาผมอีก เมื่อกี้ก็รู้แล้วนะว่าบ้านผมอยู่ไหน?" แล้วก็ขอตัวกลับ เขาเองก็เดินออกมาส่งและช่วยยกรถของผมขึ้นรถสี่ล้อให้ด้วย จากกันด้วยความเข้าใจครับวันนั้น และจนกระทั้งวันนี้ไม่พบเขาอีกเลย
          รุ่งขึ้น 16 พฤษภาคม 2526 ผมได้บุตร 1 คนเป็นชาย (เกือบจะไม่ได้เห็นหน้าลูก...คิดได้) ผมตั้งชื่อเล่นให้ลูกผมว่าน้อง "หยุด" หะแรกภรรยาผมค้าน ไม่เอาชื่อนี้ ผมชี้แจงและรับปากกับเธอว่า คำว่า "หยุด" (ที่เป็นชื่อเล่นของลูก) หมายความว่า "พ่อจะหยุดหมด หยุดดื่ม หยุดสูบ หยุดเล่น หยุดเที่ยว หยุด... (อะไรอีกมากแหละที่นึกได้ในขณะนั้น)" พอฟังจบ เธอพูดว่า "ต๋ามใจ๋ก้า" (สำเนียงคนเหนือ) เสร็จเขา(เธอและลูก)หละทีนี้ เธอพูดให้ใครต่อใครที่มาเยี่ยมเธอฟัง และขอ(แกมบังคับ)เขาเป็นพยานให้ด้วย น้านนน...
          เดิมพันสูงมาก "น้องหยุด"
          ผม"หยุด"ความเลวของผม นับแต่วันนั้นถึงวันนี้ 24 ปีแล้วครับ.

หมายเลขบันทึก: 108226เขียนเมื่อ 3 กรกฎาคม 2007 09:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:49 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)
เห็นหัวเรื่องที่ท่าน ผอ.ได้เกริ่นมา อ่านแล้วกินใจ มันเป็นสัจจธรรมของชีวิต ทุกคนเวียนว่ายตายเกิด มาไม่รู้จักจบจักสิ้น ผมเองเดี๋ยวนี้มักจะใช้คำว่า "มันไม่แน่หลอกพ่อ" เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา อะไรๆที่ว่าแน่ๆมันก็ยังไม่แน่ บางครั้งฟังมากับหูเห็นมากับตามันก็ยังไม่ใช่ หรือว่าไม่แน่ ?

ขอบคุณมาก ความคิดเห็นของท่านเป็นกำลังใจให้ผมเป็นอย่างดียิ่ง กลัวไม่มีใครอ่าน เมื่อมีคนอ่านและให้การติชม ก็มีกำลังใจที่จะถ่ายทอดความคิดเป็นข้อเขียนในบทต่อ ๆ ไป ขอบคุณอีกครั้งครับ.

อ่านเรื่องของอาจารย์แล้วทำให้ได้คิดหลายอย่างค่ะ การชนะใจตัวเองได้เป็นสิ่งที่สุดยอดที่สุด
รับทราบครับท่านกระผมได้ปรับเปลี่ยนเพื่อง่ายต่อความเข้าใจของนักศึกษาแล้ว

เมื่อวันเสาร์ที่ ๔ ส.ค.๕๐ ผมไปสอนที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตอนเที่ยงได้ร่วมโต๊ะอาหารกับผู้อำนวยการโรงเรียนดอนสักวิทยาคม (โรงเรียนมัธยมแรกที่โอนเข้าสังกัด อบจ.สุราษฎร์) ท่านเล่าวิธีเลิกบุหรี่ของท่านให้ฟังว่า เช้าวันหนึ่งท่านพูดกับนักเรียนขณะเข้าแถวเคารพธงชาติว่า นับแต่วันนี้ไปครูจะเลิกสูบบุหรี่ นับแต่วันนั้นมาจนถึงวันนี้ ท่านก็ไม่สูบบุหรี่อีกเลย เพราะหากสูบอีกท่านก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ไม่มีที่ให้ท่านยืนอีกต่อไปในโรงเรียน(หมายความว่า ท่านจะเป็นครูใหญ่ที่ไม่มีนักเรียนและครูเชื่อถืออีกเลย) และท่านจะสบตาใครจะสอนใครได้อีกต่อไป จากวันนั้นถึงวันนี้ท่านก็สามารถอบรมบ่มสอนนักเรียนทุกคนได้อย่างสบายใจถึงพิษภัยของบุหรี่ ของสิ่งเสพติดต่างๆ ได้อย่างสบายใจ

ขณะฟังท่านเล่าผมคิดในใจว่า การทำเช่นนั้นได้ต้องอาศัย

  • แรงบันดาลใจ (อยากเป็นครูที่ดี เป็นผู้บริหารที่เป็นแบบอย่าง)
  • แรงจูงใจ (ไม่อยากเป็นโรคจากพิษบุหรี่ ประหยัดค่าใช้จ่าย)
  • ความกล้าหาญ (ตัดสินใจเอาเครดิตของตัวเองที่มีฐานะทางสังคมเป็นประกัน เรียกว่ากล้าทุ่มสุดตัวกับงานนี้ - พลาดไม่ได้)
  • วิธีการ (ที่เลือกแล้วว่าเหมาะสมที่สุดกับตัวเอง คือต้องรู้ตัวเองว่า ตัวเองจะไม่มีอาการ "ลงแดง" ถึงขั้นเจ็บไข้ได้ป่วยหาก "หักดิบ" แบบนี้)

อ่านเรื่องที่อาจารย์ใช้กลยุทธ์เลิกอบายมุขด้วย "พยาน" แล้วทำให้นึกถึงเรื่องที่ ผอ.โรงเรียนดอนสัก เล่าเมื่อวันเสาร์ครับ

อ้อ...อาจารย์เป็นบล๊อกเกอร์ใหม่ที่ดุดันมากนะครับ เขียนต่อเนื่องหลายบันทึกเลย ยินดีต๋วยก๊ะ

สวัสดีเจ้า อ.ทนัน สอนใจได้ดีจริงๆ..เพลงบรรเลงก็เพราะจัง. มยุราเจ้า.

  • ขอบคุณมากครับ อาจารย์สุรเชษฐ์ เวชชพิทักษ์ ที่กรุณาเข้ามาเยี่ยมและให้กำลังใจ
  • เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ แรงบันดาลใจ+แรงจูงใจ+ความกล้าหาญ+วิธีการ ที่สำคัญคือ "พยาน" ต้องหาพยานที่เด็ดขาดครับ
  • ขอบใจกลุ่มรุ่งอรุณที่เข้ามาเยี่ยมและให้กำลังใจเช่นกัน คราวหลังฝากข้อคิดความเห็นดี ๆ ไว้ด้วยนะ

หมดกรรมค่ะ อาจารย์ โมทนาด้วยนะคะ อยู่ที่ใจ อยู่ที่ใจ

สวัสดีครับ

  • ชีวิตเกิดมาเพื่อมาชดใช้กรรม กรรมคิอการกระทำของเรานี่แหละ
  •   ชีวิตก็เป็นของเรา เราเป็นผู้กำหนดชีวิตเรา
  • และเราต้องอยู่กับตัวเราไปอีกนาน จึงต้องดูแลตัวเราให้ดีที่สุด

 

  • ขอบคุณ คุณบุญรุ่ง ที่มาเยี่ยมเยียน ยอมรับครับว่า อยู่ที่ใจและอยู่ที่ใจ
  • ขอบคุณ Mr. Jod อีกท่านที่มาเยี่ยมเยียน ยอมรับในแนวคิดเช่นกันครับว่า "เกิดมาใช้กรรม(เก่า) และเกิดมาสร้างกรรม(ใหม่)
  • สร้างกรรมดี ก็ไปสวรรค์ ไปนิพพาน แต่ถ้าสร้างกรรมชั่วก็ไปเดรัจฉาน นรก เปรต
  • แม้นว่าไปสวรรค์ เดรัจฉาน นรก เปรต ก็กลับมาเกิดอยู่ดี เกิดมาใช้กรรมและสร้างกรรมต่อไป ไม่มีที่สิ้นสุด
  • ไปนิพพานซิ ดับเย็น ไม่ต้องกลับมาเกิดให้เป็นทุกข์อีก

เนื่องจากว่างมากเข้ามาอ่านข้อคิดดี  ๆ  ได้เติมเต็มส่วนที่ขาด  สร้าง  ซ่อม  เสริมสิ่งดี  ๆ  ให้กับชีวิตการเรียนรู้  ดีค่ะอาจารย์

 

P ขอบใจมาก นักศึกษากลุ่มทองหลาง ที่ได้เข้ามาแวะทักทายและให้ความคิดเห็นไว้ "น้ำคำ" ที่ฝากไว้ ทำให้มีกำลังใจและมีมุมมองกว้างขึ้นอีกมากครับ

เติมเต็มตรงส่วนนั้น ขาดหาย
เกิดก่อกิจการหลาย ใหม่บ้าง
เสริมหรือซ่อมจักหมาย เสริมใหม่ ซ่อมฤๅ
ปราชญ์ซ่อมเติมเสริมสร้าง พร่างพร้อม กันไป
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท