งานฝิ่น


งานฝิ่น คืองานนอกเหนือจากงานประจำ

การจ้างงานตามมาตรา 23 แห่ง พรบ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ ก็จะไม่เกินวันละ 8 ชั่วโมง และไม่เกินสัปดาห์ละ 48 ชั่วโมง ดังนั้นเวลาอีกวันละ 16 ชั่วโมง (สัปดาห์ละ 120 ชั่วโมง) ก็ควรจะเป็นเวลาพักผ่อน และเวลาส่วนตัวของลูกจ้าง ซึ่งมีลูกจ้างจำนวนหนึ่งใช้หารายได้พิเศษ ซึ่งเป็นสิทธิอันชอบธรรมของลูกจ้าง -- เรื่องควรจะจบอยู่แค่นี้ แต่ก็ไม่ได้จบลงง่ายๆ

ทำงานพิเศษที่ไม่ได้กระทบต่องานประจำ ซึ่งดูเหมือนไม่มีปัญหา ก็กลับมีปัญหา หากพนักงานจำเป็นต้องหารายได้เพิ่มเติม ก็แสดงว่ารายได้ที่ได้ตกลงกันไว้เมื่อตอนจ้างงาน ผิดเพี้ยนต่ำไปจากสิ่งที่พนักงานต้องการอย่างแท้จริง (แล้วรับงานนั้นเป็นงานประจำทำไม)

การทำงานพิเศษที่ใช้ความสามารถเฉพาะตัว ซึ่งมักจะอยู่ในสายวิชาชีพ บางทีก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงผลประโยชน์ขัดแย้งกับนายจ้าง เช่นแทนที่จะทำงานนั้นให้บริษัท ก็อาจจะไปรับงานส่วนตัวเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองเสีย

ผมเห็นว่าพนักงานทุกคน น่าจะรับทำงานฝิ่น-งานพิเศษได้ ตราบใดที่

  1. ไม่กระทบต่องานประจำ ไม่ทำให้เหน็ดเหนื่อยเกินสภาพปกติ เมื่อมาทำงานประจำ ก็จะต้องพร้อมที่จะทำงานอย่างเต็มกำลัง -- เมื่อเรามาทำงานในสภาพที่ไม่พร้อม เราก็ไม่เคยไปบอกนายจ้างว่าเดือนนี้ขอรับเงินเดือน 90% ซะเมื่อไหร่ แบบนี้ดูจะไม่แฟร์ครับ
  2. ไม่มีผลประโยชน์ขัดแย้งกับนายจ้าง ไม่เอาข้อมูลภายในไปใช้ --
    การบ่อนทำลายนายจ้างเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เป็นการทุบหม้อข้าวตัวเอง และยังทุบหม้อข้าวเพื่อนร่วมงานที่ไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย เป็นการไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง

การทำงานประจำมีความหมายอย่างไร

ไม่รู้จะตอบอย่างไรเหมือนกันครับ รู้แต่ว่าเมื่อมีคำถามว่าทำงานที่ไหน ผมยังไม่เคยได้ยินคำตอบเลยสักครั้งเดียวว่า ทำงานที่ ___ ระหว่าง 8-17น. จากนั้นอิสระ

หัวหน้าควรทำอย่างไรเมื่อลูกน้องต้องทำงานพิเศษ 

ตอบได้ไม่ชัดเช่นเดียวกันครับ  แต่ผมเชื่อว่าหัวหน้าต้องใจกว้าง ควรจะตระหนักว่าโดยธรรมชาติ ไม่มีใครอยากทำงานที่หนักเกินไปอยู่แล้ว แต่การที่ต้องฝืนธรรมชาติ จะมีสาเหตุอยู่เสมอ (รวมถึงพวก workaholic ด้วย)

พยายามหาสาเหตุให้พบ แล้วแก้จากตรงนั้น อย่าแก้ปัญหาโดยไม่ได้แก้ที่สาเหตุ ยิ่งแก้จะยิ่งยุ่งในอนาคต เช่นค่าจ้างต่ำผิดปกติจนพนักงานมีชีวิตอยู่ไม่ได้หรือเปล่า หรือพนักงานมีความจำเป็นอะไร เป็นเรื่องถาวรหรือชั่วคราว

เงินไม่พอใช้ อาจไม่ได้แปลว่าจ้างต่ำไป บางทีแปลว่าพนักงานใช้เงินเกินตัว หรือใช้เงินไม่เป็นด้วย ซึ่งเรื่องแบบนี้ หากช่วยให้เขาเข้าใจได้ ก็จะเป็นกุศลทั้งต่อพนักงานและครอบครัวของเขา และในที่สุดองค์กรก็จะได้งานเต็มเม็ดเต็มหน่วย 

หากมีทุจริต 

จะเก็บไว้่เทิดทูนเป็นพ่อเป็นแม่หรือครับ

องค์กรที่อยู่ได้ด้วยคนคนเดียว ไม่ได้เรียกว่าองค์กรอยู่แล้ว ถ้าจัดการเรื่องทุจริตไม่ได้ ก็ไม่ควรจะเป็นนายคนต่อไปครับ

เรื่องนี้ต้องทำไปตามระเบียบข้อบังคับ ไม่ใช่เพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูนะครับ ไม่มีใครเป็นไก่-ไม่มีใครเป็นลิง แต่เป็นเพราะองค์กรหรือสังคมใดๆ ก็มีกฏเกณฑ์ในการคัดเลือกสมาชิกขององค์กร/สังคมนั้น ทุกคนอยู่ภายใต้กติกาเดียวกัน

หมายเลขบันทึก: 108068เขียนเมื่อ 2 กรกฎาคม 2007 17:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน 2012 16:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

สวัสดีค่ะ

พอดีมาธุระนอกบ้าน นั่งรออะไรอยุ่เลยเปิดG2Kดูเสียหน่อย  เจอข้อความที่โดนใจมากๆ

 ถ้าจัดการเรื่องทุจริตไม่ได้ ก็ไม่ควรจะเป็นนายคนต่อไปครับ

เรื่องการจัดการเรื่องทุจริต ทำมาเยอะ จนจะดูเป็นยัยตัวร้ายอยู่แล้ว

แต่คิดว่า ถ้าเราทำเรื่องนี้ไม่ได้ มัวแต่กลัวโน่นนี่    หรือมี double standard ไม่สมควรจะเป็นนายใครอีกต่อไป

ดิฉันเองเวลาทำงานออกจะเป็นบุคคลิก   คนเอาจริงค่ะ

เคยจับทุจริตช่างได้เป็นล้าน  หลายหน  โดยที่เขาหักหลังกันเองแล้วผู้รับเหมามาบอก  กำลังสงสัยอยู่แล้ว เลยมีหลักฐาน

การทำงานต้องมีทั้งพระเดชและพระคุณนะคะ

ขอบคุณค่ะ คุณconductor ป็นแบบอย่างในการบริหารเลย ซูฮกค่ะ

งานที่ผมทำตอนนี้ก็เป็น "งานฝิ่น"

เป็นคำใหม่ที่ผมรู้จัก และเป็นคำที่น่าสนใจดีครับ- --

 

ขอบคุณมากครับ

 

 

เรื่องการจัดการกับการทุจริต ผมคิดว่าผู้บริหารที่เป็นผู้บริหารจริงๆ เข้าใจเรื่องนี้ดีอยู่แล้วครับ ยิ่งอ่านเรื่องของคุณย่าศศินันท์ดอตคอมด้วยแล้ว ยิ่งแน่ใจว่าสิ่งต่างๆ ควรเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็นครับ

ผมเอามาเขียนเพื่อเตือนคนในรุ่นต่อไป ซึ่งหน้าที่การงานจะเติบโตขึ้นมาเป็นใหญ่เป็นโต และจะดูแลคนอื่นอีกมากมายในอนาคตครับ

การบริหารองค์กร องค์กรต้องมาก่อนใช่ไหมครับ ต้องมาก่อนตัวบุคคล-รวมทั้งตัวผู้บริหารด้วยซ้ำไป ถ้าไม่มีองค์กร ก็ไม่มีคนไม่ว่าหน้าไหนทั้งนั้น ไม่ว่าใครจะใหญ่โตขนาดไหน

อ.จตุพร: คำนี้เป็นคำแสลงครับ มีความหมายให้ไว้ในลิงก์แรกแล้ว (ฟรีแลนซ์)

ตัวผมเอง ทำงานประจำที่เดียว และรับเงินเดือนที่เดียว มีนายจ้างแห่งเดียว-ไม่รับงานกับบริษัทอื่นครับ แต่บางทีเป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาให้กับส่วนราชการหรือองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรบางแห่ง พวกเบี้ยเลี้ยง เบี้ยประชุม หลังจากหักภาษีแล้ว ก็จะบริจาคเข้ากองทุนพนักงาน หรือทำบุญทำทานร่วมกับพนักงานครับ (เบี้ยประชุมไม่มาก แต่ภาษีมาก) งานพวกนี้ ผมถือเป็นงานฝิ่นเหมือนกันแต่ว่าไม่ได้เงิน

งานฝิ่นที่กินเวลามากที่สุดแต่ผมยินดีทำ คือการเขียนบันทึกและแสดงความคิดเห็นบน GotoKnow ครับ เรื่องนี้ต้องอยู่บนหลักการเดิม คืองานประจำไม่เสีย และผมเลือกได้ แฮบปี้ก็ทำ เบื่อหรือไม่มีใครเห็นค่าก็เลิก ไม่ต้องฝืนครับ ไม่มีหน้าตาหรือสถานะใดๆให้รู้สึกว่าต้องรักษา

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะครับ

ยิ่งตามอ่านบันทึกของคุณ conductor

ไร้นามก็ยิ่งหลงรักท่าน....

เนี่ยบอกรักดื้อๆ ซะงั้น

จ๊าก..ก... อันตรายครับ ช่วงนี้พายุเข้าเสียด้วยซิ

บน GotoKnow มีของดีให้ค้นหามากมายครับ บล๊อกนี้มีแต่สามัญสำนึกการบริหารบวกกับสำนวนสวิงสวายเพื่อให้ผู้อ่านคิดเอาเอง 

งานฝิ่นรู้จักกันดีในวงการออกแบบ ที่บริษัทมีข้อแม้ว่าต้องนอกเวลางาน ห้ามเอาเวลางานมาทำหรือติดต่อรับส่งงานกันในเวลางานประจำ และห้ามใช้อุปกรณ์ของบริษัททุกอย่างเพื่อการณ์นั้น ถ้าทำได้ก็ถือว่าไม่เป็นไร และที่สำคัญต้องไม่รับงานตัดหน้าบริษัทเป็นอันขาด บางทีก็โยนงานให้น้องๆ เขารับไปทำส่วนตัวถ้าบริษัทตัดสินใจไม่ทำ แต่ต้องไปรับผิดชอบเอาเอง ห้ามเอาชื่อบริษัทไปอ้าง หลายที่เขาก็ไม่อนุญาต ถ้ารู้ถึงกับไล่ออกก็มีค่ะ

มีทั้งวงการโฆษณา สถาปนิก คนทำงานอาร์ต-งานศิลป์รู้จักคำนี้ดีครับ ตอนนี้เริ่มลามเช่นรับทำบัญชี รับสอนพิเศษ ฯลฯ บางทีอาจเป็นสัญญาณทางเศรษฐกิจที่ชัดกว่าตัวเลขของทางราชการอีกครับ

ผมเคยแนะนำลูกค้าที่มาขอรับคำปรึกษา เรื่อง พนักงานรายได้ไม่พอ แล้ว เอางานอื่นมาทำที่ทำงานของบริษัท

อันนี้ จัดระบบ Task Plan หรือ ผังงานใหม่ทั้งหมด ให้เขามีงานของบริษัทมากขึ้น เต็มเวลา  แล้วสนับสนุนให้เขาหางานพิเศษที่พึ่งอุปกรณ์บริษัท น้อยที่สุด  เอาหลักจิตวิทยา และ สังคมมากำกับให้เค้าเห็นว่า เราเป็นผู้บริหารที่เข้าใจเค้า ไม่อยากให้เค้าต้องมีปัญหากับฝ่ายบุคคลมากกว่าที่เป็นอยู่   จากนั้นก็ค่อยๆ ยกระดับฝ่ายบุคคลให้ตึงขึ้นอีกนิด  ก็เป็นอันเรียบร้อย  

ใน 3 เดือน งานฝิ่นหายไปหมด  (ในเวลางาน) เพราะถ้ายังเบียดเวลาบริษัทมาทำงานฝิ่นอยู่  เพื่อนร่วมงานของเขาฟ้องผมก่อนเลย   และงานที่สั่งการไปนั้น ก็แน่นตารางเวลาหมด

ตัวชูใจอย่างหนึ่งก็คือ การแสดงให้พนักงานเห็นผลลัพทธ์ที่ดี หากเขาเลิกงานฝิ่นในเวลางาน  คือ ยอดขายพุ่งขึ้นแบบทันตาเห็นครับ   แต่ ก็มีไซด์เอ็ฟเฟ็กบ้าง คือ เข้างานตอนเช้าสายครับ  มาสายกันเป็นทีม แต่ก็พอรับได้ครับ  เพราะผมให้วานเป็น Project Based  อุปกรณ์ต่างๆ จะเตรียมไว้ให้พร้อมที่บริษัท มาทำงานตามเวลา ก็ได้ใช้เต็มที่  มาสายก็ได้ใช้น้อยหน่อย ออฟฟิสปิดตรงตามเวลา Late ไม่ได้ เดี๋ยวแม่บ้านก็ต้องกลับบ้านช้าออกไปอีก

เอ.......  ผมเขียนยาวไปหรือเปล่า

เขียนยาวแล้วได้ประเด็น ดีกว่าเขียนสั้นแล้วนำไปใช้ไม่ได้ครับ ขอบคุณอาจารย์มงกุฎที่มาแลกเปลี่ยนนะครับ

ขออนุญาตครับ 

ชอบเนื้อหากับการเขียนครับ

ตอนแรกคิดว่าจะเกี่ยวกับ"ยาฝิ่น"ครับ แต่ไม่ใช่ แจ่มเลยครับ

ผมทำงานกับคนติดฝิ่นครับ

กลุ่มนี้ก็มี"งานฝิ่น"ประจำตัวเขาด้วยครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท