TOOKIE
นางสาว ทรงศรี ตุ๊ก ศิริเขตกรณ์

ตัวกู ของกู


อัตตา "ตัวกู ของกู" ยึดมั่นถือมั่น
เมื่อสักอาทิตย์ก่อนเจ้านายเคยพูดเรื่องอัตตา ทุกคนงงมากว่าอัตตาคืออะไรฉันก็ลองตีความไปในแบบที่ฉันเข้าใจโดยไม่รู้ด้วยนะว่ามันถูกหรือผิด จนวันนี้ฉันอยากจะรู้จริงๆแล้วว่า อัตตา จริงๆ ตามหลักพระพุทธศาสนาคืออะไร เลยได้ไปค้นหาข้อมูลมาสนองความอยากรู้ของตนเอง และเผื่อแผ่มาถึงน้องๆด้วย (บางคนอาจรู้ดีอยู่แล้วได้นะแต่พี่อยากแชร์อ่ะ) 

ทุกคนมักจะคิดว่า  "ตัวกู-ของกู" กันอยู่บ่อยๆ  และยิ่งโตก็จะยิ่งคิดว่ามันใช่ ตัวกู ของกู เนื่องจากสิ่งแวดล้อมที่ได้รับ ไม่ว่าจะเป็นรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และความคิดต่างๆในใจเราเอง หรือแม้กระทั่งบทบาทหน้าที่ที่เราต้องเดินตามนั้น สิ่งเหล่านั้นทำให้เกิด ตัวกู ของกู  ดังนั้นจึงอยากบอกเล่าเกี่ยวกับว่าตัวกู ของกู ที่จริงนั้น มันก็คือ ความยึดมั่นถือมั่น ที่ภาษาบาลีเรียกว่า อุปาทาน นั่นเอง อุปาทานแปลว่ายึดมั่นถือมั่น ความยึดมั่นถือมั่นมี 2 อย่าง คือยึดมั่นว่าเรา และยึดมั่นว่าของเรา ยึดมั่นว่าเรานั้น คือรู้สึกว่า เราเป็นเรา เราเป็นอย่างนั้น เราเป็นอย่างนี้ เราเป็นใหญ่เราแพ้ใครไม่ได้ อย่างนี้ที่เรียกว่าเรา  อีกอย่างคือ ของเรา คือ ว่านั่นของเรา นั่นของที่เรารักที่เราชอบ คนที่เราเกลียดก็ถือว่าเป็นศัตรูของเรา อย่างนี้ที่เรียกว่าของเรา 

ในพระพุทธศาสนาเรียกแบบนี้ว่า "อัตตา" อัตตาก็คือตัวเรา "อัตนียา" ก็คือของเรา  ในปรัชญาอินเดียเรียกว่า อหังการ อหังการคือตัวเรา มมังการ คือของเรา อหังการแปลว่า เรา และมมังการแปลว่าของเรา ความรู้สึก อหังการ และ มมังการนี้ร้ายกาจที่สุด ทำร้ายทั้งตนเองและผู้อื่น  

ในภาษาลาตินตรงกับคำว่า Ego ถ้าความรู้สึกที่เห็นแก่ตัวตนเกิดขึ้นเราเรียกว่า Egoism เพราะว่าถ้ารู้สึกว่ามีตัวเราแล้วมันก็ต้องคลอดความ รู้สึกว่าของเรานี้ออกมาด้วยเป็นธรรมดาช่วยไม่ได้เพราะฉะนั้นความรู้สึกว่า ตัวตน และของตน Egoism ความรู้สึกที่เป็นตัวตน Ego นี้ เป็นธรรมดาในมนุษย์ปุถุชน ที่ต้องมีความรู้สึกดังกล่าว ความรู้สึกว่าตัวกู-ของกู ที่เป็นต้นเหตุของกิเลสทั้งหมด เป็นเหตุของความทุกข์ที่เกิดกับคนเรา หากเราเริ่มศึกษาเรื่องนี้กันอาจจะทำให้เข้าใจเหตุแห่งทุกข์ที่เราชอบยึดมั่นถือมั่นอยู่ก็เป็นได้สาธุ สาธุ สาธุ
หมายเลขบันทึก: 107085เขียนเมื่อ 28 มิถุนายน 2007 20:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 พฤษภาคม 2012 14:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ไม่มีเรา จะไม่ แบ่งเขา
มีเรา จึง  มีเขา
มีเขา  จึงมีของเขา
มีเรา  จึงมีของเรา

รวมกันได้  ทั้งเราและเขา
เหลือแต่ เรา
ไม่มีเขา

 แบ่งกันได้ ทั้งเราและเขา
เขาก็แบ่ง  เราก็แบ่ง
แยกเล็กลงไปเรื่อยๆ

ท้ายสุด ก็ไม่มีทั้งเรา ไม่มีทั้งเขา
นี่ล่ะครับ   ที่ว่า  "อย่าแบ่งเขา แบ่งเรา"

//** ยากเกินกลืนหรือเปล่าไม่รู้  คิดช้าๆ จะเข้าใจได้ไม่ยาก  ขอจัดคุณ TOOKIE อยู่ใน Planet  หัวใจละเอียด นะครับ **//

ขอบคุณมากค่ะ กุนซือรับจ้าง

สวัสดีครับ

ได้อ่านบทความของคุณแล้ว เห็นด้วยมาก ๆ เลยครับ เพราะในโลกนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ตัวกู ของกู อย่างที่ว่านั่นแหละครับ

เพราะถ้าไม่มีตัวกู หรือของกู ทุก ๆ อย่างในโลกก็ไร้ความหมาย เพราะไม่มีตัวกู และของกู

เงินกรู ของกรู

เงินกรู อยู่กะเมิงู

แล้วเมื่อไหร่ จะคืนกรู..

 

อ่านะ

ก็ได้ชี้ชัดให้รู้แบบว่า..ละเอียดยิบๆไปเลย

คุณทรงนี่ "รู้ลึก รู้จริง รู้ในสิ่งที่คนอื่นไม่อยากรู้"  เอ๊ย !!! ไม่ใช่ๆๆๆๆ

คนอื่นก็อยากรู้จริงๆๆ

แต่ว่านะก็อ่านแล้ว คิดแล้ว ทำความเข้าใจแล้ว

เอาเป็นว่า "อัตตา หิ อัตโน นาโถ"  ดีก่า

ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน  ตัวเราก็ไม่เดือดร้อน

ถ้าหากว่าร้อนก็เปิดพัดลมเองกะได้...หุหุหุหุ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท