เลี้ยงส่งพี่สุกี้


งานนี้กินสนุก หวานชื่นครับ เพราะสุกี้เรียนจบแล้ว เป็นที่อิจฉาของผมอย่างยิ่ง

วันที่ 28 มิถุนายน 2550

วันนี้เป็นวันพฤหัสบดี เหลืออีก 2 วัน สุกี้ก็จะจบคอร์สแล้ว เดือนที่ 9 ของเขาช่างผ่านไปแสนนาน ในขณะที่เดือนที่ 9 ของเขากลับเร็วมากในความคิดของผม อย่างนี้แหละครับ ต่างคนต่างมุมมอง ต่างความคิด ต่างจิตต่างใจ

                ช่วงเช้าทำงานที่ห้องตรวจยูโรพลศาสตร์ ช่วยป้าเตียวตรวจ urodynamic ให้คนไข้ 3 คน คนที่ 4 เป็นสาว เขาไม่อยากให้ผมเข้าไปดู เลยว่างไป

                วันนี้ได้ความรู้เรื่องการทำแท้งจากที่นี่อีกเรื่อง เมื่อวานผมได้เล่าเกี่ยวกับการทำแท้งที่ KKH ว่าสามารถทำได้โดยไม่ผิดกฎหมาย อ่านแล้วอาจจะเข้าใจว่าเป็นการทำแท้งเสรี ฟังดีๆนะครับ ไม่มีคำว่าทำแท้งเสรีภายใต้การดูแลอย่างดี มีระบบ ครับ

                คำว่าอย่างดีนั้น หมายความว่า เขาจะพิจารณาผู้รับบริการอย่างเป็นองค์รวม เริ่มจากดูว่าเขาอายุเท่าไหร่ ทำงานอะไร มีฐานะเป็นยังไง มีลูกแล้วกี่คน ความรู้สูงแค่ไหน ถ้าประเมินแล้วพบว่า เขาน่าจะมีความสามารถเลี้ยงลูกได้ หรือรัฐบาลสามารถช่วยเหลือได้ เขาจะส่งผู้รับบริการรายนั้นไปที่หน่วยให้คำแนะนำปรึกษา เพื่อพูดคุยถึงปัญหาและแนวทางการแก้ไข จากนั้นเขาก็ให้เวลากลับไปคิด 2 วัน หากผลออกมาว่าทำแท้ง ก็ทำให้โดยไม่มีเงื่อนไข อยากจะเน้นว่า เขาทำโดยไม่มีเงื่อนไขจริงๆ (เงื่อนไขที่พบบ่อยๆที่บ้านเราคือ ต้องทำหมันด้วยเท่านั้นเป็นต้น) มันอยู่ในหลักการที่ว่า ไม่มีใครหรอกที่อยากตั้งครรภ์เพื่อที่จะได้ไปทำแท้ง

                จะว่าไปแล้ว ตอนนี้เรื่องราวการยุติการตั้งครรภ์ที่บ้านเราก็มิได้โหดร้ายจนเกินไปนัก เพราะถึงแม้ว่ากฎหมายจะยังไม่เปลี่ยน (กฎหมายเรื่องการทำแท้งบ้านเรามีมาตั้งแต่พ.ศ. 2500 แล้วครับ ช่างน่าภาคภูมิใจในความเก่าแก่และล้าหลังจริงๆ) แต่แพทยสภาก็ให้ความสนใจในเรื่องนี้อย่างมาก อย่าลืมว่าหมอแบบพวกผมอยู่ภายใต้ข้อบังคับแพทยสภา ดังนั้นข้อบังคับแพทยสภาก็คือกฎหมายของวิชาชีพเรา หลังจากที่ได้ผ่านการคิด กลั่นกรอง ของคณะทำงานในแพทยสภา กองอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ซึ่งใช้เวลานานมาก เราจึงได้ข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยการดูแลสตรีแท้งบุตรออกมาใช้เมื่อปีกว่าๆที่ผ่านมานี้นี่เอง ผมเองยืนยันได้ว่า ข้อบังคับนี้ดีและทันสมัยมาก แต่ก็นั่นแหละ หากหมอเราดี แต่ไม่ทันสมัย รู้แต่ไม่นำไปใช้ ผู้หญิงของเราก็ยังอยู่ในอันตรายเหมือนเดิม (ผมเรียกคนไทยเพศหญิงว่าผู้หญิงของเราเสมอครับ เพราะผมเป็นหมอสูติ คนไข้ผู้หญิงเป็นคนไข้ของผม ใครจะรู้เรื่องผู้หญิงได้ดีเท่าผมอีกเล่า ดังนั้นสุขภาพที่ดีของผู้หญิง จึงเป็นหน้าที่ของพวกผมอย่างไม่ต้องสงสัย)

                ตอนเที่ยงได้รับโทรศัพท์จากจูดี้ เลขาครูหาญ ว่าเที่ยงวันนี้จะมีงานเลี้ยงส่งพี่สุกี้ ที่ร้านอาหารชื่อว่า Sanur ซึ่งเป็นร้านอาหารอินโดนีเซีย อยู่ในห้าง Center point ถนน Orchard และจะเลี้ยงกันทุกคนรวมทั้งพยาบาล ผู้ช่วย เจ้าหน้าที่ภาควิชา ไปกันให้หมด คำว่าไปกันให้หมดนี้หมายความว่า ครูหาญสั่งมาครับ พวกผมซึ่งอยู่ที่คลินิกเลยนั่งรถ shuttle bus ของโรงพยาบาลไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินที่สถานี Novena ลงที่สถานี Somerset ก็ถึงอย่างรวดเร็ว งานนี้กินสนุก หวานชื่นครับ เพราะสุกี้เรียนจบแล้ว เป็นที่อิจฉาของผมอย่างยิ่ง

                ตอนบ่ายก็ถึงเวลาเข้าห้องผ่าตัดต่อไป เราเหลือคนไข้อีกแค่คนเดียว เพราะช่วงเช้าครูหาญกับสุกี้จัดการเกลี้ยงไป 3 ราย เร็วจริงๆ

                วันนี้ตารางการทำงานของเดือนหน้าออกแล้ว ผมไม่ต้องผ่าตัดช่วงบ่ายวันศุกร์ นั้นก็หมายความว่า ผมจะสามารถจับรถบัสกลับบ้านตอนเย็นได้เหมือนเดือนที่แล้วนั่นเอง ชื่นใจจริงๆ
หมายเลขบันทึก: 107068เขียนเมื่อ 28 มิถุนายน 2007 19:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มิถุนายน 2012 13:28 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

สวัสดีค่ะคุณหมอแป๊ะ...ธนพันธ์ ชูบุญ  

  • อ่านตรงที่เป็นเรื่อง..หมอหมอ..ไม่ค่อยชอบค่ะ  ...กลัว
  • แต่พออ่านมาถึง  ถนน orchard  ครูอ้อยเลยนึกออกค่ะ   ครูอ้อยไปอยู่ที่ถนนนี้มา 2 สัปดาห์ค่ะ  และก็ไปที่ร้านอินโดนีเซียนี้  แต่ไม่ได้กินค่ะ  แพงมาก เลยเดินผ่านค่ะ..อิอิ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับครูอ้อยที่เคารพ

ทำไปทำมา เรืองกินน่าสนใจกว่าเป็นไหนครับ ฮา ระวังตัวกลมนะครับ ฮิฮิ

เรื่อง หมอหมอ น่ากลัว แต่เป็นเรื่องจริงครับ บางครั้งเป็นเรื่องจริงที่ขมขื่น ตลอดชีวิตของการเป็นหมอที่ผ่านมา ผมทำพลาดบ้างเหมือนกัน แต่ที่ทำแล้วมีความสุขใจก็มีไม่น้อย หลายครั้งเรื่องราวต่างๆผมเอาไปสอนลูกศิษย์ก็หลายเรื่อง

ที่จริงยังมีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับการแพทย์อีก 3 ตอนที่ผมเขียนลงในสารสูตินรีแพทย์สัมพันธ์ อันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำแท้งล้วนๆ อย่าเพิ่งตั้งป้อมสยองขนครับ ผมเขียนนำเสนอในแง่ของ มุมมองของครูแพทย์กับการให้บริการและการสอนนักเรียนแพทย์ครับ

อีกไม่นานคงจะปล่อยออกมาให้อ่านบ้าง ในบันทึกขวางคลอง (มันเก็บอยู่ในคอมพิวเตอร์ที่หาดใหญ่ครับ)

ผมก็แค่อยากจะเล่าในสิ่งที่สังคมไม่ค่อยได้รับรู้บ้าง ก็เท่านั้น

สวัสดีค่ะ 

การทำแท้งที่ KKH ว่าสามารถทำได้โดยไม่ผิดกฎหมาย อ่านแล้วอาจจะเข้าใจว่าเป็นการทำแท้งเสรี ฟังดีๆนะครับ ไม่มีคำว่าทำแท้งเสรีภายใต้การดูแลอย่างดี มีระบบ ครับ

คุณหมอไม่ได้เล่าว่า ต้องมีชี้บ่งอย่างไร จึงจะทำแท้งได้ค่ะ จริงๆน่ามีเหตุผลสมควรนะคะ

ครับคุณ P 

ข้อบ่งชี้นั้นมีแน่นอนครับ

๑ ข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ เช่น การตั้งครรภ์ส่งผลให้มารดามีอันตราย เช่น เป็นโรคหัวใจบางชนิด

๒ การตั้งครรภ์นั้นเกิดจากความผิดทางคดีอาญา เช่น ข่มขืน เด็กอายุต่ำกว่า ๑๕ ปี ถูกล่อลวงมา เป็นต้น

จะเห็นว่า

ขอโทษครับ เกิดปัญหาอีกแล้ว

ต่อนะครับ

จะเห็นว่ากฏหมายคุ้มครองเด็กที่มีอายุต่ำกว่า ๑๕ ปีเสมอ ไม่ว่าการตั้งครรภ์นั้นสมยอมหรือไม่ก็ตาม คนที่ทำให้ท้องก็มีความผิดด้วยนะครับ

กฏหมายดั้งเดิมยอมให้หมอทำแท้งได้เพียง ๒ กรณีนี้เท่านั้น แต่เราเห็นว่า ทุกวันนี้มีการยุติการตั้งครรภ์ในกรณีที่เด็กในท้องเป็นดาวน์ พิการอย่างรุนแรง เป็นต้น ทั้งๆที่การตั้งครรภ์นั้นไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพกายมารดาเลย นั่นแสดงว่า หมอไทยทำผิดกฏหมาย (ที่ล้าหลัง)มาโดยตลอด

แต่ทำไมยังมีการทำครับ ก็เพราะว่า การยุติการตั้งครรภ์ในกรณีดังกล่าว แพทย์ไทยยอมรับว่าเป็น norm of practice ครับ จึงยังทำกันได้

และอีกอย่าง ไม่มีใครไปฟ้องหรือแจ้งความจับ เพราะว่าการยุติการตั้งครรภ์นั้นคนไข้ขอ ทำในโรงพยาบาลอย่างเหมาะสม และทุกคนในสังคมก็ยอมรับครับ

ประเด็นที่ปวดหัวก็คือ การทำแท้งเนื่องจากความไม่พร้อมยังไงเล่าครับ เช่น จน สามีเสียชีวิต เรียนไม่จบ และอีกหลายเหตุผลครับ ที่สิงคโปร์เขาทำเนื่องในสาเหตุหลังด้วย อย่างที่เล่านั่นแหละครับ หากโรงพยาบาลไม่ทำ เขาก็ไปแอบทำอยู่ดี ทำไมไม่จับมานั่งคุยกัน หาทางออกร่วมกัน ช่วยเหลือกัน แต่หากผู้รับบริการยังยืนยัน (หลังจากให้กลับไปคิดแล้ว) เขาจึงทำให้ เพื่อป้องกันการไปทำแท้งเถื่อน

ผมน้ำตาตกทุกครั้งที่มีเด็กๆ สาวๆ ต้องมาที่โรงพยาบาลด้วยเรื่องแท้งติดเชื้อ แล้วไตวาย ตับวาย ต้องถูกตัดมดลูก ตัดรังไข่ ตัดขาก็เคยมี หรือตายไปทั้งๆที่ยังสาว

เรื่องนี้ถกเถียงกันมานานมาก บางคนบอกว่าต้องคิดถึงสิทธิ์สตรี บางคนบอกว่าต้องคิดถึงสิทธิของเด็กที่ยังไม่เกิด เถียงกันไปเถียงกันมากว่า ๓๐ ปี ทุกวันนี้ก็ยังมีเด็กสาวอีกหลายคนที่ถูกตัดมดลูกเพราะแท้งติดเชื้อ ต้องฟอกไต เดินขาเป๋ หรือไม่ก็นอนในเมรุ ผมสงสารเธอจริงๆ

 

ปัญหาทำแท้ ...ที่ผมพบเจอ  ส่วนใหญ่อยู่ในภาวะไม่พร้อม  และดูเหมือนสังคมไทยก็พบเจอปัญหานี้อย่างมาก  ...

หลายคนสุ่มเสี่ยงต่อการทำแท้งเถื่อน  ผมเคยได้นั่งคุยกับตำรวจที่เป็นเจ้าของคดี ๆ  หนึ่ง  ท่านเล่าให้ฟังว่า  เด็กนักเรียนมัธยมทำแท้เถื่อนโดยที่พ่อแม่ไม่รู้  สุดท้ายติดเชื้อจนเสียชีวิต

พ่อและแม่เสียใจมากที่ช่วยเหลือลูกไม่ได้  และยืนยันว่าถ้ารู้ก็จะไม่ยอมให้ลูกได้ทำเช่นนั้น ...

โชคดี,  ต่อมาคลีนิคเถื่อนนั้นก็ถูกทลายลง  ...

...

 

 

 

ขอบคุณค่ะที่อธิบาย

สำหรับเด็กวัยรุ่น ถ้าจะป้องกันไม่ให้ไปทำแท้งเถื่อน คงต้องย้อนไปที่เรื่องการอบรมจากครอบครัวและโรงเรียน แต่ก็ยากขึ้นค่ะ สมัยนี้สิ่งแวดล้อม มีสิ่งยั่วยุมากมาย ดูแลยากขึ้นค่ะ

สวัสดีครับคุณ P 

เรื่องการสอนเพศศึกษาเป็นเรื่องสำคัญครับ แต่เชื่อไหมครับ ทั้งที่รู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญ แต่ก็ไม่มีใครให้ความสำคัญ ที่เราเห็นอยู่ทั่วไปว่าดูเหมือนจะทำ จะส่งเสริมการให้การศึกษา แต่ผมว่ามันยังไปไม่ถึงไหน

ผมไปสอนในโรงเรียนบ่อย ออกวิทยุก็หลายครั้ง ออกทีวี (ช่องท้องถิ่น)ก็เคย แต่ทำคนเดียวก็ไม่ถึงไหน

ผมบรรยายได้ถึงลูกถึงคนเชียวครับ และมักจะลงท้ายด้วยการสอนการป้องกันตัว โดยเฉพาะการใส่ถุงยางอนามัย เพราะมีความเชื่อส่วนตัวว่า เราห้ามเด็กๆไม่ได้ แต่เราต้องป้องกันไม่ให้เขาท้อง ไม่ให้เขาติดโรค ผมเคยถูกถามว่า การสอนใส่ถุงยาง ไม่ทำให้เด็กเอาไปใช้จริงเหรอ ไม่ทำให้เด็กอยากมีเพศสัมพันธ์หรอกหรือ

เฮ้อ เหนื่อยใจครับ ลองมาเป็นหมอสูติแบบผมสักเดือนสิครับ จะได้รู้ว่า ปัญหาเรื่องท้อง เรื่องติดโรคมันมากขนาดไหน ผมจึงต้องสอนการใส่ถุงยางไงครับ

ผมเคยถามคนที่ถามคำถามมาว่า รู้จักนกกระจอกเทศไหม เวลามันเจอเสือหรือสิงโตนั้น มันหลบยังไง ใครรู้บ้างช่วยตอบทีครับ

อาจารย์ P ที่เคารพครับ

คนเป็นครูอย่างอาจารย์และผม เราน่าจะเจอปัญหาเรื่องนี้บ่อยกว่าคนอื่นครั้ง เพราะลูกศิษย์เราทั้งคู่ต่างอยู่ในวัยที่กำลังตกมันทั้งนั้น

เคยลองถามตัวเองดูบ้างไหมครับ ว่าสักวันหนึ่งอาจจะมีนักศึกษาเดินมาหาเราในเรื่องนี้ และขอความช่วยเหลือจากเรา ผมกลัวจริงๆครับ และผมก็เชื่อว่า ถ้าเราเป็นครูที่นักเรียนให้ความรักความเข้าใจเขาจริงๆ สักวัน วันนั้นก็จะมาหาเราครับ

ในชีวิตจริง ผมก็ไม่ทำแท้งในกรณีแบบนี้หรอกครับอาจารย์ เมื่อก่อนเกลียดเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อเห็นเด็กๆสาวๆพิการไปต่อหน้าต่อตาหลายคน จากน้ำมือของหมอเถื่อน (ต้องย้ำว่าหมอเถื่อนครับ เพราะว่าเป็นคนนอก ที่ไม่มีความรู้) ผมเองก็เคยดูถูกดูแคลนเพื่อนร่วมวิชาชีพที่เขาทำแท้งเหมือนกัน

แต่อาจารย์ครับ หากผมไม่มีเพื่อนร่วมวิชาชีพที่ทำงานแบบนี้ อาจารย์ลองนึกภาพสิครับ ว่าผมจะเหนื่อยในการรักษาเด็กๆที่มีอาการแท้งติดเชื้อมากขนาดไหน อย่างที่บอกครับ บางทีผมต้องขูดมดลูกซ้ำ แลลว่าขูดไปน้ำตาตกไป ในวันที่เขาถูกตัดมดลูกด้วยม้ำมือเขาในขณะที่มีอายุ 17 ปี ผมเสียใจขนาดไหน

เลยคิดไปว่า ผมน่าจะขอบน้ำใจคุณหมอที่ทำให้ (แทนผม) ทำได้ดี โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน เด็กสามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้ตามปกติ จากนั้นมาผมก็ไม่เคยเหยยดหยามเพื่อนร่วมวิชาชีพของผมเหล่านั้นอีกเลยครับ

อาจารย์ครับ ผมสอนนักเรียนแพทย์ผมเสมอ เรื่องการให้บริการ การให้การปรึกษา ต่อคนที่มาขอทำแท้ง ผมไม่ได้บอกว่าเขาควรทำให้ แต่สอนพวกเขาว่า ควรมองเขายังไง มองว่าถ้าเป็นน้องเราหรือลูกเรา แล้วเราจะปฏิบัติต่อเขายังไง เราจะด่าเขาหรือไม่ ก็เท่านั้น

คนเป็นหมอ เรียนมาเพื่อช่วยมากกว่าทำลายครับ

วันนี้มีปิยมิตรส่ง mail มาให้อ่าน

แนะนำให้อ่านที่ http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01lif02260650&day=2007/06/26&sectionid=0132Insert

นอกจากนี้ยังมีเขียนต่ออีกดังนี้ครับ

[หมายเหตุผู้ดำเนินรายการ
:เช้านี้นั่งดูรายการข่าวผู้หญิงหยิบยกข่าวนี้ขึ้นมาเป็นประเด็นพูดคุยกัน
หนึ่งในพิธีกรสาวของรายการเล่าว่า
มีเด็กหญิงมัธยมต้นคนหนึ่งมาปรึกษาญาติของเธอที่เป็นเภสัชกรเปิดร้านขายยาว่าต้องการซื้อยาคุมกำเนิด
ด้วยเพราะแฟนไม่ชอบใช้ถุงยางอนามัย!
นี่เป็นปัญหาคลาสสิคของหญิงสาววัยเจริญพันธุ์ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม
และจะสรุปว่าเป็นปัญหาของเด็กผู้หญิงหรือวัยรุ่น
หรือเพราะความไม่รู้จักวิธีป้องกันตัวเองของผู้หญิงทั้งหมดไม่ได้
ด้วยผู้หญิงที่แต่งงานมีครอบครัว
มีการศึกษา
ก็ประสบกับปัญหาและภาระอันเนื่องมาจากหน้าที่ของการเจริญพันธุ์เช่นเดียวกัน
อะไรทำให้พวกเธออ่อนแอและไร้เดียงสาที่จะป้องกันตัวเองจากการตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ได้ถึงเพียงนี้
???
สังคมจะเปิดใจยอมรับความจริงที่ว่าผู้หญิงต้องการ
ยุติการตั้งครรภ์เมื่อไม่พร้อม
ด้วยเหตุผลด้านเศรษฐกิจและสังคมมากไปกว่าเหตุผลของการติดเชื้อเอชไอวี
ถูกข่มขืน
มีปัญหาทางจิตใจอย่างรุนแรง
เด็กมีพันธุกรรมผิดปกติ
ได้หรือไม่
หากการตัดสินใจเรื่องนี้อิงอยู่บนหลักศีลธรรม
ไม่ใช่ผู้หญิงที่เป็นเจ้าของมดลูก
แล้วมีผู้ชายคนไหนที่ทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับผิดชอบ
ถูกพระเจ้าลงโทษไปแล้วบ้าง
หรือว่านี่เป็นบาปที่มีไว้ลงโทษผู้หญิงโดยเฉพาะ
ผู้ชายไม่เกี่ยว!]

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท