มักง่ายจริงๆ


คนเรามักละเลยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นของส่วนรวม เช่นในกรณีนี้ แต่ไม่ค่อยละเลยเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวสักเท่าไหร่..

เมื่อวานได้มีโอกาสไปซื้อของที่ห้างสะดวกซื้อใกล้บ้านเช่นเคย.. เย็นวันอาทิตย์มักจะมีครอบครัวมาซื้อหาข้าวของกันมากพอควรแต่เมื่อวานที่จอดรถก็ไม่ถึงกับเต็ม

ดิฉันจอดรถเสร็จก็ยังเห็นที่จอดรถเหลืออยู่ใกล้ที่ดิฉันจอด แต่อาจอยู่ไกลจากประตูห้างไปสัก ๓๐-๔๐ เมตร และยังเป็นที่จอดรถในร่ม

หลังจากจอดรถเสร็จก็จะเดินเข้าห้าง ก็เห็นรถเบนซ์คันหนึ่งมาจอดรถตรงบริเวณห้ามจอดที่เป็นตำแหน่งที่ใกล้ประตูทางเข้ามาก  บริเวณนั้นพอจอดได้ แต่จะทำให้รถคันอื่นเลี้ยวยากมาก ดิฉันเห็นครอบครัวคือคุณยาย คุณแม่ และลูกสาวซัก ๗-๘ ขวบเดินลงมาจากรถคันดังกล่าว ดิฉันก็สังเกตครอบครัวนี้อยู่เพราะเห็นว่าจอดรถผิดที่ เขารู้ไหมนะ

ปรากฎว่าคุณแม่ยังสาวก็ล๊อครถ ไม่สนใจรถที่เลี้ยวผ่านรถของเธอด้วยความยากลำบาก เดินจูงมือลูกสาวตัวเล็กเข้าห้างไป ส่วนคุณยายก็ค่อยๆ เดินตามไปพร้อมกับเดินไปทิ้งขยะห่อขนมที่หลานไม่ยอมทิ้งเอง เห็นบ่นงึมงัมๆ ว่า "ขี้เกียจจริงๆ"

ดูจากการแต่งกายและรถแล้วก็สะอาดสะอ้านดี...  แต่ทำไมมักง่ายจัง... เดินอีกสักนิด   จอดรถไกลอีกนิด (ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ไกลมากเลย) เพื่อส่วนรวมบ้างไม่ได้หรือ      เอ..ถ้าคุณยายเดินไม่ไหว..ก็วนรถให้คุณยายกับลูกสาวลงก่อน แล้วค่อยไปจอดก็ได้...

พอดิฉันซื้อของไปสักพัก ก็ได้ยินอินเตอร์คอมในห้างประกาศเรียกเจ้าของรถเบนช์ให้ไปเลื่อนรถ.. ดิฉันก็คิดในใจว่าสมควรโดนเรียกอยู่ เพราะเกะกะขวางทางคนอื่นเขา..

สักครึ่งชั่วโมงดิฉันซื้อของเสร็จเดินมาที่จอดรถ ก็ยังเห็นรถคันนั้นจอดที่เดิมอยู่.. นี่ขนาดเขาเรียกแล้ว ยังไม่มาเลื่อนรถเลยนะเนี่ย.. สุดยอดจริงๆ...

เรื่องนี้คงเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของความมักง่ายของคนที่ขาด หิริ โอตตัปปะ และขาดมโนธรรมอะไรๆ อีกหลายๆ อย่าง (ยกเว้นเงิน)

คนเรามักละเลยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นของส่วนรวม เช่นในกรณีนี้ แต่ไม่ค่อยละเลยเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวสักเท่าไหร่.. ดิฉันเดาได้เลยว่า ถ้ามีคนมาจอดรถขวางทางในซอยบ้านของครอบครัวนี้ หรือจอดรถเกือบขวางหน้าบ้านของเขา  เขาคงจะเป็นเดือดเป็นร้อนแน่ๆ...

ตัวอย่างความมักง่ายที่เห็นได้ทั่วไป เช่น การทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง การใช้ห้องน้ำสาธารณะ การจอดรถยนต์ในที่สาธารณะ ฯลฯ

ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่า จะใช้ธรรมะข้อไหนดีมาจัดการกับเรื่องความมักง่าย ที่นึกออกอยู่ก็คือเรื่อง หิริ โอตตัปปะ แล้วก็ต้องลดเรื่องการยึดการแยกของเรา ของเขา   ลดกิเลสเรื่องความเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัว หรือความโลภ หรือลดความเกียจคร้านให้มากกว่านี้ ฯลฯ

รู้สึกว่าจะมีธรรมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความมักง่ายมากเลย ถ้าใครมีอะไรเสริม เชิญแลกเปลี่ยนได้เลยนะคะ..

หมายเลขบันทึก: 106193เขียนเมื่อ 25 มิถุนายน 2007 13:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 มิถุนายน 2012 19:51 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (21)

สวัสดีครับท่านอาจารย์กมลวัลย์

ครอบครัวนี้อาจยกให้เป็น "ครอบครัวตัวอย่าง" แต่ไม่รู้ว่าจะให้เป็นตัวอย่างในด้านไหนดีครับ

คงตัดสินใจกันได้ครับ

ถ้าคิดว่ากฏ ระเบียบ จารีต ยังไม่ทำให้คนกลุ่มนี้สำนึกแล้วก็ ไม่รู้ว่าจะใช้มาตรการใดดีเหมือนกันครับ

สงสารแต่เด็กสิครับ จะได้รับการเลี้ยงดูเยื้องนี้ไปจนโต "พ่อแม่รังแกฉัน

สวัสดีครับอาจารย์กมลวัลย์

อ่านบันทึกนี้ของอาจารย์แล้วเหนื่อยหัวใจจริงๆครับ

ผมว่า"ความมักง่าย"มีให้เห็นทุกหนทุกแห่งและทุกเวลาแหละครับ และนับวันจำนวนคนมักง่ายจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ผมมานั่งคิดดูก็ได้แต่แปลกใจที่ว่า"กุศลกรรม"อันใดหนอที่ทำให้พวกเขาเหล่านี้ได้เกิดเป็น"มนุษย์  เพราะตามพฤติกรรมของพวกเขาแล้ว ช่างไม่มี "มนุษยธรรม"เอาเสียเลย (เพราะความมักง่ายถือเป็นการเบียดเบียนผู้อื่นให้ได้รับความลำบาก) 

ข้อสำคัญก็คือเกิดมาเป็นมนุษย์ที่มีสตังค์เสียด้วย  และความมักง่ายของมนุษย์ที่มีตังค์ก็จะสามารถเบียดเบียนผู้อื่นได้มากกว่าปกติ  แย่จัง...

  สวัสดีค่ะ อาจารย์กมลวัลย์

   ต้องบอกว่าบางคนก็ทำอะไรไป โดยไม่ได้คิดถึงผลที่จะเกิดกับคนอื่นค่ะ

    หากทุกคนหันมามองผลกระทบที่จะเกิดกับผู้อื่น ก่อนจะทำอะไรลงไป สังคมก็คงจะดีกว่านี้นะค่ะ

สวัสดีค่ะคุณกัมปนาท อาชา (แจ๊ค)

การกระทำของคุณแม่ยังสาวคนนี้เป็นการกระทำที่ไม่ควรนำมาเป็นเยี่ยงอย่างเลยค่ะ

ตอนนี้ที่แย่ก็คือไม่รู้จะทำอย่างไรกับคนกลุ่มคุณแม่ยังสาวคนนี้แหละค่ะ ดิฉันเคยเตือนคนลัดคิวซื้อของ ปรากฏว่าโดนกลับมาเป็นชุดค่ะ ว่า "เรื่องอะไรของ....(คุณ)" ทัศนคติประมาณว่า "ฉันทำแบบนี้แล้วจะทำไมฉัน" อย่ามายุ่ง ส.ใส่เกือก ประมาณนั้น..  โดนแบบนี้เราก็ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงเลยค่ะ เพราะมีแต่เสียกับเสีย..

แต่มาคิดดู..ถ้าแต่ละคนไม่สนใจ ไม่ช่วยกันตักเตือนเลย ต่างคนต่างอยู่..ปัญหามักง่ายเหล่านี้ก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะมาถึงตัวพวกเราทั้งหมดแบบแก้ไม่ทันแล้ว.. เช่นปัญหาขยะมลพิษ ปัญหาโลกร้อน ฯลฯ ก็คงต้องช่วยกันตักเตือนตามเท่าที่จะทำได้ แล้วก็สร้างวินัยให้เด็กรุ่นใหม่ให้ดีๆ ทำตัวอย่างดีๆ ให้เขาทำตาม...ก็คงทำได้ประมาณนี้แหละค่ะ ถ้าทำกันเยอะๆ ก็คงจะได้ผลบ้างค่ะ

ขอบคุณที่และเข้ามาลปรร นะคะ ว่าจะเข้าไปตอบเรื่องการหมุนงานบ่อยๆ อยู่เหมือนกัน แต่เห็นอาจารย์ JJ ตอบเหมือนที่คิดเลยไม่ได้เขียนข้อคิดเห็นค่ะ

สวัสดีค่ะ อ.ศิริศักดิ์

ขออภัยที่ทำให้เหนื่อยใจค่ะ ^ ^ ตอนดิฉันเห็นเหตุการณ์ก็รู้สึกตอนจอดรถก็เห็น"หงุดหงิด"นิดหน่อยค่ะ

ตอนที่ดิฉันได้ยินอินเตอร์คอมพ์ก็รู้สึกสะใจนิดๆ ขึ้นมาแว็บหนึ่ง รู้สึกว่าสมควรแล้วที่ต้องถูกเรียก..ยังคิดเลยว่าเขาจะได้หลาบจำ.. แต่ตอนเดินออกมาเห็นรถยังจอดที่เดิม อันนี้แหละค่ะเห็นความเซ็งสุดๆ เลยค่ะ แต่พอเดินมาถึงรถตัวเองแล้วก็ไม่มีความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วค่ะ คิดแต่ว่าอาจจะนำมาเขียนเป็นบันทึก..

เห็นด้วยกับอาจารย์ค่ะว่าคุณแม่ยังสาวคนนี้เบียดเบียนผู้อื่นจริงๆ ดิฉันว่าถึงเขาจะทำกุศลกรรมมาดีปานใด ทำตัวแบบนี้กุศลกรรมก็น่าจะหมดได้รวดเร็วเหมือนกัน แล้วสตางค์ที่มีก็อาจจะหมดไป เพราะไปเบียดเบียนคนอื่นไว้จากความมักง่ายของตนก็เป็นได้ค่ะ ยิ่งมีโอกาสในการเบียดเบียนมาก ก็ยิ่งสร้างกรรมมากค่ะ

ดิฉันว่าเราก็เห็นตัวอย่างประเภทกรรมติดจรวดมาเยอะนะคะ พวกกรรมไม่ติดจรวดก็คงมีบ้างแต่เห็นได้ยากค่ะ

ขอบคุณอาจารย์ที่แวะเข้ามา ลปรร และให้แง่คิดดีๆ เสมอนะคะ

สวัสดีค่ะคุณมะปรางเปรี้ยว

ยินดีต้อนรับค่ะ ^ ^

เห็นด้วยเลยค่ะว่าถ้าเราทุกคนใส่ใจในรายละเอียดกันอีกสักนิด สังคมจะสงบสุขขึ้นเป็นทวีคูณเลยค่ะ

ดีใจที่คุณมะปรางเปรี้ยวมาเยี่ยมที่บันทึกนะคะ ^ ^

ขอบคุณที่แวะเข้ามา ลปรร ค่ะ

หนูกมลวัลย์

ตัวอย่างดีครับ สะท้อนให้เห็นพฤติกรรมในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี ในเรื่องของการไม่มีสติ จึงเกิดพฤติกรรมอย่างที่เห็น

  • นิสัยมักง่าย อาจคิดว่ามีที่ว่างแล้ว
  • คุณยายจะได้เดินสะดวก
  • สะดวกแล้วจอดเลย ลงแพลบเดียวเอง
  • ก็สะดวกดีสบายดีนี่นา (คนอื่นจะเดือดร้อนไม่ได้คิด หรือช่าง...)
  • ได้ยินประกาศก็เออรู้แล้ว เดี๋ยวซี)

อาจจัดว่าอยู่ในหิริโอตตัปปะก็ได้ มักง่ายก็ได้ เห็นแก่ตัวก็ได้ ไม่มีวินัยก็ได้ ไม่มีเมตตาก็ได้

เป็นคุณธรรมเบื้องต้น ขั้นพื้นฐานที่ทำให้คนในสังคมอาศัยอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นสุขครับ หากมีพฤติกรรมอย่างนี้เพิ่มมากขึ้น คนในสังคมก็ได้รับกระทบไม่อยู่เย็นเป็นสุขมากขึ้น

แต่...เป็นตัวอย่างที่ดีที่ต้องหันมาพิจารณาตนเตือนสติตนครับ ดูกิเลสภายในใจของเราเองคอยกำหราบ เพื่อไม่ให้เกิดพฤติกรรมที่น่าอายอย่างที่เห็นเช่นนี้(เอาไว้เตือนตน ยามกิเลสกำเริบ)

กิเลสไม่ว่าจะอยู่ภายในตนหรือภายนอกตน...น่าเกลียดเสมอ ครับ

ผมเองเคยถูกคนแซงคิว หรือแย่งที่จอดรถ ขับปาดหน้า...ต้องเจริญสติและเมตตาแทนการเจริญพร(บ่น) แล้วหันมาท่องคาถาพระอาจารย์...

นิ่งได้ เฉยได้  รอได้ ทนได้...อยู่บ่อยๆ :)

คาถานี้ลูกศิษย์บางคนแอบเติมต่อท้ายว่า...ทำไม่ได้ :) อยู่บ่อยๆเช่นกัน

สวัสดีค่ะ อ.พิชัย กรรณกุลสุนทร

ตอนหนูเห็นเหตุการณ์หนูก็สอบตัวเองเหมือนกันนะคะ ก็เห็นความสงสัย ความไม่พอใจของตนเองอยู่บ้าง และหงุดหงิดเล็กน้อยตอนกลับออกมาและพบว่ารถเบนซ์ยังจอดขวางทางอยู่ที่เดิม แต่พอขึ้นรถตัวเองแล้วก็หายแล้วค่ะ ^ ^

แน่นอนว่าประสบการณ์ที่เห็นนี้จะช่วยให้ตัวเองไม่ทำในสิ่งเหล่านี้ค่ะ เพราะรู้ว่าน่าเกลียดมากๆ อย่างที่อาจารย์บอกไว้ค่ะ และการมีสติจะช่วยให้เรารู้ตัวว่าเรากำลังทำอะไรอยู่บ้างจริงๆ ค่ะ ยืนยันๆ

หนูก็เคยโดนเรื่องรถยนต์มาเยอะค่ะ ส่วนใหญ่จอดอยู่จะโดนถอยชนบ้าง เบียดบ้าง โดนรถเข็นบ้าง ฯลฯ เมื่อวันก่อนจอดอยู่ในที่จอดรถ ขับออกไปอีกที่แล้ว เพิ่งจะเห็นแผล ^ ^ ไม่รู้ว่าคนถอยชนเป็นใคร แต่เขาไม่รับผิดชอบเลย ไม่ทิ้งข้อความอะไรบอกเราไว้เลย แต่ก็ไม่เป็นไร หนูก็เจริญสติให้อภัย แผ่เมตตาไป ตอนนี้รอยรอบรถเพียบเลยค่ะ บุบเล็กบุบน้อย ไม่มีเวลาไปซ่อมเลยค่ะ เพราะต้องใช้รถอยู่ตลอด ดีใจมากที่ยังมีรถใช้ และมีสติดีอยู่ค่ะ  5555

ประการหลังนี้สำคัญมากๆ ค่ะ ^ ^

ขอบคุณอาจารย์ที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยียนและให้ข้อคิดเห็นดีๆ นะคะ..

  • อันมนุษย์นานาสารพัด
  • สรรพสัตว์แตกต่างอย่างเหลือหลาย
  • บ้างรู้ผิดคิดอยู่รู้ละอาย
  • บ้างมักง่ายเห็นแก่ตัวไม่กลัวใคร
  • นี่แหละหนามนุษย์สุดยุ่งนัก
  • มีโลภรักโกรธทนงและหลงใหล
  • ถ้าคิดมาก ก็เหนื่อยเมื่อยหัวใจ
  • ปล่อยปล่อยไป..สักหน..นะ ..อ.กมลวัลย์

สวัสดีค่ะ อ.พิสูจน์

สวนทางกันพอดี... เพิ่งไปให้ข้อคิดเห็นเรื่องตำนานมาพอดีเลยค่ะ ^ ^

เรื่องความมักง่ายของครอบครัวนี้ ปล่อยไปจากใจตั้งแต่ขึ้นรถกลับบ้านแล้วค่ะ 5555

แต่ที่นำมาเขียนเพราะต้องการรณรงค์ ไม่อยากให้คนมักง่ายมีเยอะเกินไป อย่างน้อยถ้าใครได้อ่าน ก็จะได้ลองทบทวนดู ^ ^ 

ชอบกลอนที่อาจารย์เขียนมากเลย ตรงแป๊ะกับเรื่องเลยค่ะ แถมเพราะแล้วจำง่ายอีกต่างหาก ดีจังเลยค่ะ.. 

ขอบคุณอาจารย์ที่แวะมาให้ข้อคิดเห็นดีๆ และเพราะเสนาะหูเช่นเคยนะคะ ^ ^

  • สวัสดีค่ะ

เคยเจอเหตุการณ์คล้าย ๆ กันนี้  และบอกกับตัวเองว่า จะไม่ทำแบบนี้ 

คนมักง่ายมีเยอะค่ะ  และมีอยู่หลายประเภทเสียด้วย  อย่างเช่น 

* รู้ว่าคนอื่นเดือดร้อน  แต่ก็ช่าง  ก็ฉันสบาย ก็ฉันสะดวกนี่

* รู้หน่า  ว่าจอดผิดที่ผิดทาง  แต่แป๊บเดียวน๊า  แป๊บเดียวจริง จริ๊งงง

 

นิสัยมักง่ายน่ะแก้ยากค่ะ  ทั้งที่บางเรื่องมันก็เป็นเรื่องนิดเดียวจริง ๆ

สวัสดีค่ะคุณเนปาลี

ใช่เลยค่ะ คิดเหมือนกันเลยค่ะ ที่จะไม่ทำแบบนี้

เขียนเรื่องนี้เพื่อเป็นตัวอย่างเท่านั้นเองค่ะ เพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้มีคนพูดถึงไม่มากนัก แต่พอเล็กๆ น้อยๆ สะสมกันไป ก็กลายเป็นวัฒนธรรมไป T_T ซึ่งอาจจะไม่ใช่เป็นเรื่องที่ดีสำหรับประเทศไทยเลยค่ะ...

ที่คุณเนปาลี ยกตัวอย่างมา 2 แบบ แบบแรกจัดว่าแย่กว่าแบบหลังเยอะค่ะ ถ้าแบบที่ 2 ตั้งใจจอดแป๊บเดียวด้วยความจำเป็นนะคะ

ขอบคุณที่แวะเข้ามา ลปรร กันค่ะ ^ ^

เห็นด้วยกับอาจารย์กมลวัลย์ครับ  ที่ว่า คนเรามักละเลยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นของส่วนรวม

เพราะความรักความสะดวกสบายของคนไทยเรา 

มองว่าไม่ใช่ปัญหาสำหรับฉัน  แต่เป็นปัญหาของคนอื่นก็ช่างเขาสิ...เป็นซะอย่างนี้

สังคมเรา  คงต้องหันมาสร้างค่านิยมที่ดีๆ  เช่น ....ถ้าลดความสบายส่วนตนลงนิดนึง แล้วไปเพิ่มความสะดวกสบายให้ส่วนรวม ก็น่าจะดี.........  เอ  คิดไกล  ไปหนอเรา..............

ขอบคุณค่ะ คุณ ร. สาระ

เรื่องมักง่ายเป็นเรื่องที่ต้องรณรงค์ไม่ให้เป็นนิสัยค่ะ ว่าถ้าทุกคนทำ สุดท้ายจะเป็นปัญหาของเรา อย่างแน่นอนค่ะ

ดิฉันเห็นด้วยกับประโยคนี้มากเลยค่ะ "ถ้าลดความสบายส่วนตนลงนิดนึง แล้วไปเพิ่มความสะดวกสบายให้ส่วนรวม ก็น่าจะดี"

ขอบคุณที่แวะเข้ามา ลปรร นะคะ ยินดีต้อนรับค่ะ ^ ^

สวัสดีค่ะ
P

เรื่องแบบนี้เคยเห็นค่ะ พวกที่จอดขวางทางสาธารณะที่ รถอื่นเขาต้องผ่าน

คงเข้าในเรื่องหิริโอตตัปปะนั่นละค่ะ

สวัสดีค่ะคุณพี่ศศินันท์ (sasinanda)

เมื่อวันก่อนคุยกับอ.ศิริศักดิ์เรื่องนี้ อาจารย์ให้ความเห็นว่า หิริ โอตตัปปะ อาจจะสูงไปสำหรับคนกลุ่มนี้เสียด้วยซ้ำค่ะ ^ ^ เพราะเป็นธรรมของเทวดา อาจารย์บอกว่าอันนี้แค่มนุษยธรรมทั่วๆ ไปยังมีไม่ครบเลยค่ะ เพราะฉะนั้นเลยยังไม่มีความละอายสักเท่าไหร่ค่ะ..

เล่าสู่กันฟังค่ะ ^ ^  ขอบคุณคุณพี่ที่เข้ามา ลปรร เป็นประจำนะคะ

เคยเจอคนไปจอดรถในที่จอดผู้พิการ เสร็จแล้วก็ออกจากรถ กำลังล็อค มีผู้ชายลงมาจากรถที่ห่างไปนิดหน่อย เดินมาพร้อมไม้เท้าค้ำรักแร้มาหนึ่งข้าง เขาถามว่า "ที่จอดรถนี้เขาไว้สำหรับผู้พิการนะครับ ไม่ทราบว่าคุณเป็นผู้พิการหรือปล่าว" เรากำลังยืนอยู่แถวนั้น คนเดินผ่านไปมาก็เยอะ ทุกคนมองเป็นตาเดียว ผู้หญิงคนนั้นรีบไปขึ้นรถแล้วขับออกไปเลย นี่แหล่ะความมักง่าย อายซะแทบมุดแผ่นดิน

สวัสดีค่ะคุณLittle Jazz \(^o^)/

โอ้โห...เจอเข้าเต็มๆ เลย หวังว่าเขาคงเข็ดหลาบนะ... ถ้าเป็นที่อเมริกา จอดในพื้นที่จอดสำหรับผู้พิการแบบนี้จะโดนตำรวจจับอีกต่างหากเป็นของแถม..

อันนี้กรรมตามสนองอย่างรวดเร็วค่ะ ^ ^ วันหลังเขาคงคิดก่อนทำมากขึ้นค่ะ...

ขอบคุณสำหรับตัวอย่างดีๆ ที่มาเล่าสู่กันฟังค่ะ ^ ^

สวัสดีค่ะอาจารย์กมลวรรณ

  • เมื่อวันที่ 19 ก.ค.50 วันนัดพบ Blogger ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย   ได้รับทราบว่าอาจารย์ติดภารกิจ    เสียดายที่ไม่ได้พบค่ะ    แต่มั่นใจว่าจะได้พบแน่นอน
  • สำหรับเรื่องความเห็นแก่ตัวของคนเป็นเรื่องที่ทำให้สังคมแย่ลงมาก ๆ ค่ะ    เด็กรุ่นใหม่ก็เลยไม่รู้ว่าการทำตัวแบบนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง  รู้แต่ว่าทำแล้วสบายตัวเอง    ไม่คิดว่าคนอื่นจะเดือดร้อน
  • บางครั้งดิฉันก็พยายามจะเปลี่ยนแปลงคนเหล่านั้น    ทำให้เขารู้ว่าสิ่งที่เขาทำไม่ถูกต้อง    แต่ก็มีน้อยคนมากที่จะปรับปรุง   ส่วนใหญ่กลับมองว่าเราเป็นคนไปหาเรื่องเขา
  • แต่ก็จะพยายามทำต่อไปค่ะ   อย่างน้อยก็สอนนักศึกษาคณะบัญชีให้รู้จักคุณธรรม  จริยธรรม การพยายามทำความดี  ถึงแม้จะเล็กน้อยแต่ก็ช่วยให้สังคมดีขึ้น

สวัสดีค่ะ อ.อรพิน เหล่าประเสริฐ

ยินดีต้อนรับค่ะ น่าเสียดายมากที่ไม่ได้ไปเมื่อ ๑๙ ก.ค. ค่ะ ช่วงนี้เป็นช่วงยุ่งๆ ของที่มหาวิทยาลัยค่ะ ติดประชุมและสอนเลยไปไม่ได้ค่ะ แต่คิดว่าคงจะได้พบกันสักวันค่ะ ^ ^

อ่านบันทึก อ.ขจิต กับอีกหลายๆ ท่าน เห็นว่าสนุกสนานกันมาก และได้สาระกันดีด้วย ดิฉันว่า gotoknow เป็นเครื่องมือให้คนดีๆ มาพบกัน แบ่งปันเรื่องดีๆ กันจริงๆ ค่ะ

เรื่องสอนจริยธรรมนักศึกษาเป็นเรื่องสำคัญมากค่ะ ดิฉันก็พยายามทำอยู่ เพราะเด็กก็ต้องเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต ถ้ามักง่ายหรือขาดหิริ โอตตัปปะ ก็คงไม่ดีกับประเทศชาติและตัวเขาเองเป็นแน่ ได้จากที่เราสอนไปนิดๆ หน่อยๆ ก็ยังดีใช่ไหมคะ

ยินดีต้อนรับอีกครั้งนะคะ ขอบคุณที่แวะเข้ามา ลปรร ค่ะ

พอดีเข้ามาอ่าน ขอ ออกความเห็นหน่อย (ความเห็นส่วนตัวนะ )

จากการสังเกต พฤติกรรมของพวกมักง่าย (ขยะสังคม ) เช่น ต่อเติมบ้านจนเต็ม แล้วนำรถมาจอดถนนในหมู่บ้านที่ใช้ร่วมกัน พวกนี้จัดว่าทุเรศมากๆ และอีกพวกหนึ่ง ที่มักนำรถจอดตามที่สาธารณะ ถนน สาธารณะ  หรือสวนสาธารณะของหมู่บ้าน แบบชนิดจอดประจำ พวกนี้ก็ประเภท เปรตขอส่วนบุญมากๆ พฤติกรรมพวกนี้ จะเห็นแก่ตัวมากๆ ใครเดือดร้อน ไม่สนใจ ขอเพียงตัวมันเองสบาย สันณิฐานว่า คงเป็นเปรตกลับมาเกิดหรือมาขอส่วนบุญ หรืออาจเป็นประเภทสายพันธุ์ขยะ เห็นแก่ตัว มักง่าย ชาติตระกูลไม่พัฒนา จึงทำตัวให้ชาวบ้านสาปแช่งบรรพบุรุษ

  ย้ำอีกครั้งนะครับ เป็นข้อสังเกต ของพวกมักจอดรถประจำ กีดขวางทางถนนที่ใช้ร่วมกันของหมู่บ้าน หรือ ชุมชน   ส่วนพวกมีความจำเป็นนานๆจอดที อันนี้ยกเว้นนะครับเพราะเขาจำเป็นจริงๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท