บ้านนักดนตรี


ตอนนี้พี่แป้งมีพัฒนาการการเล่นเปียโนดีขึ้นมาก เจ้าจ้าก็มีพัฒนาการในการเล่น (เล่นสนุก ไม่ใช่เล่นเปียโน) เธอต้องมีสมุดโน้ตตั้งอยู่ข้างหน้าเวลากดนิ้วบนเปียโน ทำท่าเหมือนพี่แป้งทุกประการ ผมก็จะชมเจ้าตัวใหญ่ว่า นี่เป็นผลงานของลูกนะ และชื่นชมเจ้าตัวเล็กด้วยการปรบมือลั่นบ้าน

วันที่ 24 มิถุนายน 2550

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ วันสุดท้ายของสัปดาห์ที่ 7 ของที่นี่ สัปดาห์ช่างผ่านไปอย่างยาวนาน แต่ครันเมื่อยามกลับบ้าน เวลากับผ่านไปไวนัก ทำไมเวลาจึงไม่ทำให้รู้สึกเหมือนๆกันหนา <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>                เมื่อวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ที่ผ่านมา ต้องเข้าห้องผ่าตัด ทั้งสองบ่าย กลับถึงที่พักจึงสลบไปเลย เหนื่อยเหมือนกันแฮะ แต่ก็ดีใจที่ได้ผ่าตัด ในวันพฤหัสบดี ผ่าตัดกับครูหาญ ตอนแรกก็ถูกด่าเหมือนกัน ความมั่นใจที่เคยมีหดไปจนเกือบหมด แต่พอผ่านไปสักพัก ใจเริ่มปกติ เริ่มเข้ารูปเข้ารอย ก็ไปได้ด้วยดี วันศุกร์ผ่ากับครูลี ได้มีโอกาสผ่าทั้งหมดโดยครูอยู่ข้าง ได้แทง TVT-O (การรักษาภาวะปัสสาวะเล็ด: ต้นเหตุที่ต้องมาเรียนที่นี่ ก็เพราะไอ้เจ้านี่ตัวเดียวครับ) จนสำเร็จเรียบร้อย วันเสาร์ก็ไปดูคนไข้ที่ผ่าตัดมา จริงวันเสาร์ไม่ใช่หน้าที่ที่ทีมผมจะต้องไป round แต่เนื่องจากเราผ่าตัดกันเยอะมาก สุกี้จึงบอกว่าจะมา round เพื่อช่วยอีกทีมหนึ่ง อย่างนี้ผมจึงต้องมาด้วยโดยไม่ต้องสงสัย แถมมิวายยังถูกครูหาญอบรมกันอีกทั้งทีม <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>                กลับออกจากโรงพยาบาลก็รีบกลับที่พัก เพื่อที่จะหาซื้อสตรอเบอร์รี่ไปฝากลูกสาว ไปที่ FairPrice ก่อน ปรากฏว่าผลไม่ที่เหลือไม่สดเลย แม้ว่าราคา 4 เหรียญกว่าก็ซื้อไม่ลง ตัดใจเดินไปที่ Clod Storage เพื่อหาซื้อของใหม่ สด แต่ราคาแพงกว่าอยู่หลายขุม <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>                ผมเลือกสตรอเบอร์รี่ในราคา 6 เหรียญกว่าๆ และเหลือบไปเห็นลูกพรุนสด ของโปรดของพี่แป้ง เลยเลือกไปอีก 1 กล่อง สนนราคา 8 เหรียญกว่าๆ ตัวเบาไปเลยครับ <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>                ไปถึงสนามบินก็ราวเที่ยงครึ่ง หลังจาก check in เรียบร้อย ก็เข้าไปนั่งรอในอาคารผู้โดยสารขาออกของ Budget Terminal กิน Mee Siam เป็นมื้อเที่ยงนี้ น่าแปลกใจมากที่ร้านอาหารในอาคารนี้ ราคาเท่ากับข้างนอกเลยครับ ผมกินในราคา 3 เหรียญ น่าประทับใจจริงๆครับ พูดถึง Mee Siam เข้าใจว่าเขียนเล่าไปแล้ว มันคือหมี่ฮุ้นที่ราดน้ำเกรวี่แสนหวานและเผ็ดลงไป โรยหน้าด้วยเต้าหู้ทอดและไขต้ม รสชาติพอใช้ได้ครับ หมี่เสียม หรือหมี่สยามของผม ไม่มีขายในเมืองไทยหรอกนะครับ <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>                เวลายังว่างอยู่ เลยเดินเข้าไปในร้าน 7-11 เพื่อจะหาซื้อน้ำหอมฝากคุณจิ๋ม ภรรยาผู้น่ารัก แต่ปรากฏว่า ผมไม่สามารถหากลิ่นที่ถูกใจได้ ทั้งๆที่ราคาราวๆ 5 เหรียญ เป็นน้ำหอจากฝรั่งเศส แต่ก็ไม่ซื้อ เพราะผมไม่ถูกใจกลิ่นเลย เอ๊ะ ใครเป็นคนใช้ ตอบว่าภรยาผมสิ แล้วทำไมไม่ซื้อ ก็ผมเป็นคนดมนี่ เมื่อไม่ชอบแล้วจะซื้อไปทำไมกันล่ะ <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>                ผมถึงหาดใหญ่เวลา 2.25 น. เครื่องบินลงตรงเวลาเป๊ะ ผมชื่นชมกัปตันของเรือบินตราเสือเสมอ ตลอดหลายเที่ยวที่บินมา ผมประทับใจการลงจอดอย่างแสนนุ่มทุกครั้งครับ <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p>                เสร็จจากกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองก็รีบแจ้นออกนอกอาคารผู้โดยสาร เพราะกลัวระเบิด ล้อเล่นครับ ทั้งสามสาวรอผมอยู่แล้ว เหมือนเดิมคือดีใจกันใหญ่โต เจ้าจ้าทำได้แค่โผล่หัวมาให้พ้น car seat ได้เท่านั้น ผมจัดการปลดล๊อกเจ้าตัวเล็กเอามากอดจูบหลายยก พี่แป้งก็กอดผมแน่นเชียว ส่วนคุณแม่นั้นก็เป็นสารถีต่อไป </p><p>ดีใจกันยกใหญ่</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>                มื้อเย็นวันเสาร์นี่ผมได้กินแกงไตปลากับไข่เจียว (โทรศัพท์สั่งไข่เจียวตั้งแต่ยังไม่ได้ขึ้นเครื่อง) ทั้งนี้เนื่องจากก่อนไปสนามบิน เปิดอ่าน blog ของครูอ้อย ซึ่งท่านได้สาธยายเรื่องการกินข้าวสวยกับไข่เจียวเอาไว้ <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p>                กลับบ้านครั้งนี้เจ้าสองตัวเล็กมีพัฒนาการเพิ่มขึ้นมากอีกขั้น พี่แป้งเล่นเปียโนเก่งขึ้น เจ้าจ้าพูดมากขึ้น พูดทั้งวัน พี่แป้งสอนให้น้องเต้นรำออกกำลังกาย ตุงแชต๊ะลุ๊งตุ๊งแช่ ชูมือชูไม้ส่ายสะเอว น่ารักชะมัด คุณย่ามาอยู่ด้วยในช่วงสองสัปดาห์นี้ถึงกับหลงใหล </p><p></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p> เต้นรำ</p><p>                เรื่องพี่แป้งเล่นเปียโนนี่ก็มีประวัติ เมื่อปี 2548 ผมกับพี่แป้งเรียนไวโอลินกับครูชิ๊ป นักไวโอลินชาวโรมาเนี่ยน ผมไม่ชอบไวโอลินหรอกครับ ตอนนั้นอยากเล่นเชลโลมากกว่า แต่เครื่องมันราคาแพง กอปรกับพ่อตามีไวโอลินตัวเก่า เลยเอาซ่อมแล้วเรียน ที่เรียนเพราะว่าอยากให้แป้งอยากเรียนด้วย ซึ่งก็ได้ผล เธออยากเรียน และเรียนกับครูชิ๊ปได้ราว 6 เดือน แต่รู้สึกว่าลูกจะไม่ชอบ เพราะเจ็บคาง เจ็บนิ้ว และที่สำคัญ ครูชิ๊ปค่อนข้างเข้มงวด และเมื่อเจ้าจ้าเกิด ทุกอย่างจึงเลิก เพราะผมไม่มีเวลาอีกต่อไป แต่พี่แป้งเริ่มเรียนเปียโนที่โรงเรียนมาก่อนหน้านี้เล็กน้อย ครูอากิโก๊ะ เป็นคนสอน รายนี้เป็นครูผู้หญิงใจดี ผมรู้จักเธอครั้งแรกตอนที่ไปซ้อมดนตรีที่บ้านครูชิ๊ปและพบกัน สังเกตว่าเจ้าแป้งเขินๆ ถามไปถามมาก็ปรากฏว่าเป็นคุณครูที่โรงเรียน ตอนนั้นได้เห็นครูอากิโก๊ะเล่นคลานิเน็ต จำได้แม่นเลยว่า ตอนที่เขาซ้อมดนตรีกันนั้น เจ้าจ้าถีบพุงคุณแม่ตลอดเวลาเลย สงสัยออกจากท้องน่าจะชอบดนตรี ผมกับจิ๋มแซวลูกในท้อง </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p>                จากนั้นมา พี่แป้งก็เริ่มเรียนเปียโนกับครูอากิโก๊ะ รู้สึกว่าเธอจะชอบและสนุกกับการซ้อมมาก เราสองคนลงทุนซื้อเปียโนไฟฟ้าที่เสียงดีมาก ขนาดเท่าเปียโนจริงๆ น้ำหนักที่ลงนิ้วก็ใกล้เคียงมาให้ลูกสาว (ไม่มีปัญญาซื้อเปียโนจริงๆที่ราคาเป็นแสน) แต่ปรากฏว่าเล่นได้ไม่นานก็รู้สึกว่าลูกเบื่อ ต้องคอยคะยั้นคะยอให้ซ้อม คุณครูก็บอกว่าคุณพ่อควรกระตุ้นลูกหน่อยนะคะ แต่เมื่อเปิดเทอมมานี้ ผมทราบมาว่า คุณครูอากิโก๊ะเปลี่ยนแผน เธอคุยกับจิ๋มว่า สงสัยที่แป้งเบื่อก็เพราะว่าครูสอน basic แน่นเกินไป คืออย่างนี้ครับ หลักสูตรของการเรียนในหนังสือเล่มแรกนั้น เป็นการวางพื้นฐานให้เด็กวางนิ้ว ทักษะการกด การอ่านโน้ต ซึ่งเจ้าแป้งเบื่อ เพราะยากและฟังไม่เป็นเพลงเลย คุณครูอากิโก๊ะจึงเปลี่ยนเล่มใหม่ให้ ซึ่งเป็นเพลงที่แป้งรู้จักบ้าง คุ้นหูบ้าง คราวนี้ก็เลยสนุกใหญ่ กลับมาบ้านจึงซ้อมโดยไม่ต้องบอก ผมก็โทรศัพท์คุยกับลูกว่า ให้ลูกเล่นให้น้องจ้าฟัง เพื่อว่าน้องจะได้ชอบดนตรีเหมือนลูก (เป็นอุบายที่ใช้ทำให้พี่แป้งเห็นความสำคัญของการเป็นแบบอย่างให้น้อง) พี่แป้งต้องเล่นให้น้องฟังทุกวัน แรกๆก็จะบ่นว่าน้องมาเล่นด้วย ทำให้ไม่มีสมาธิ ก็บอกไปว่า นี่แหละจึงจะสนุก พี่เล่น น้องกวน สนุกจะตายไป ดีกว่าเล่นคนเดียวเป็นไหนๆ (นี่ก็เป็นอุบายของผมอีกเช่นกัน ที่ทำให้ลูกมองเรื่องกวนของน้องเป็นเรื่องเล่นสนุกด้วยกัน) ก็เลยว่า ตอนนี้พี่แป้งมีพัฒนาการการเล่นเปียโนดีขึ้นมาก เจ้าจ้าก็มีพัฒนาการในการเล่น (เล่นสนุก ไม่ใช่เล่นเปียโน) เธอต้องมีสมุดโน้ตตั้งอยู่ข้างหน้าเวลากดนิ้วบนเปียโน ทำท่าเหมือนพี่แป้งทุกประการ ผมก็จะชมเจ้าตัวใหญ่ว่า นี่เป็นผลงานของลูกนะ และชื่นชมเจ้าตัวเล็กด้วยการปรบมือลั่นบ้าน </p><p>นักเปียโน</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>                วันนี้ผมกลับมาที่สิงคโปร์เหมือนเดิม กับเรือบินตราเสือเหมือนเดิม ลงนิ่มเหมือนเดิม แต่ไม่มีการตรวจอาวุธเข้มงวดเหมือนเดิม (น่าแปลก) รู้สึกคิดถึงบ้านมากเหมือนเดิม พรุ่งนี้ต้องทำงานเหมือนเดิม สัปดาห์หน้านี้จะเป็นสัปดาห์สุดท้ายของสุกี้ ซึ่งผ่านไป 9 เดือนเรียบร้อยแล้ว น่าอิจฉาจริงๆ <p></p>

หมายเลขบันทึก: 105990เขียนเมื่อ 24 มิถุนายน 2007 21:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน 2012 13:46 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

อ.หมอแป๊ะยังไม่ได้โหลดรูปเต้นรำขึ้นมาที่ไฟล์อัลบั้มเลยค่ะ ก็เลยไม่ปรากฎ อยากเห็นค่ะ ว่าสาวน้อยตัวเล็กเต้นไปทำตาขี้สงสัยไปด้วยหรือเปล่า เพราะทำท่าวางนิ้วบนเปียโนได้สวยเหมือนเล่นเป็นเลย แต่ก็ยังทำตาส่งคำถามกับช่างภาพและคนดูอยู่ดี

ป้าโอ๋ที่เคารพครับ ใส่มาแล้วครับ

ผมรู้สึกว่าภาพไม่ค่อยคมเลย

โปรแกรมที่เคนแนะนำให้ใช้นั้น ผมไม่สามารถ instore เข้าในเครื่องผมได้ เพราะว่าใช้ Window Vista ครับ

เจ้า vista ตัวนี้ห่วยมาก เพราะว่าโปรแกรมหลายๆโปรแกรม ไม่สามารรถเข้ากับมันได้เลยครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท