ความดันโลหิตสูงเป็นสาเหตุที่ทำให้มีการเสื่อมสภาพของอวัยวะต่างๆ
และมีความสัมพันธ์กับภาวะ
หลอดเลือดแดงแข็ง
ในปัจจุบันมีการจัดการดูแลโรคความดันโลหิตสูง
หลายโปรแกรมทำให้อุบัติการ
ของโรคความดันโลหิตสูงลดลง
และอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โรคของหลอดเลือดหัวใจ
ลดลงในช่วง
ทศวรรษที่ผ่านมา
การเพิ่มบทบาทดูแลทางด้านการรักษาโดยไม่ใช้ยา
บทบาทหนึ่งนั่นคือ การจัดการ
ทางด้านโภชนาการในการป้องกันและ
รักษาโรคความดันโลหิตสูงและโรคอื่นที่เกี่ยวข้อง
1.
ความหมายและการจำแนก
ความดันโลหิตสูง
คือ
ค่าความดันโลหิตที่สูงกว่าปกติ แบ่งออกเป็น 4
ระดับตาม
Joint
National Committee,1993
ความดันซิสโตลิก
(Systolic)
เกี่ยวข้องกับปริมาณเลือดในหัวใจ
ส่วน
ความดันไดแอสโตลิก
(Diastolic)
เกี่ยวข้องกับความต้านทานของหลอดเลือด
ประมาณกันว่าชาวอเมริกันเป็นโรคความดันโลหิตสูง
10
ถึง
20%
และเป็นความดันโลหิตสูงชนิดไม่ทราบ
สาเหตุ
(essential
hypertension) ในกลุ่มที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงประเภทนี้อยู่ในระดับระยะที่
1
ร้อยละ
68
การจัดการให้มีแผนการรักษาทำให้อุบัติการของโรคลดต่ำลงในเวลาต่อมา
ความดันโลหิตสูงที่ทราบสาเหตุ
(secondary
hypertension) มีประมาณ 6
ถึง
8%
ของประชากร
ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง
ซึ่งเป็นผลมาจากการเป็นโรคอื่น เช่น โรคของต่อมไร้ท่อ โรคของตับ
โรคของไต
2. สรีรวิทยา
(Physiology)
ระดับความดันโลหิต
เกิดขึ้นโดยแรงดันเลือดจากหัวใจเข้าสู่หลอดเลือดแดง
ปริมาณของของเหลวในระบบหลอดเลือด
(ซึ่งขึ้นกับความเข้มข้นของโซเดียมในเลือด) และความต้านทานของกล้ามเนื้อของผนังหลอดเลือด
กลไกที่มีปฏิกิริยาต่อการควบคุมระดับความดันเลือดให้อยู่ในระดับปกติ
ได้แก่ ไต
คือมีการหลั่งฮอร์โมน การปรับความสมดุลของน้ำและการขับโซเดียม
และระบบประสาทอัตโนมัติ
(sympathetic
nervous system,SNS) เมื่อหน้าที่เหล่านี้สูญเสียความควบคุมจะทำให้เกิดความดันโลหิตสูง
ความดันโลหิตสูง
เกิดจากการที่หลอดเลือดแดงแคบเล็กลง
หรือการหดตัวของหลอดเลือดเล็กๆ ทั่วร่างกาย การที่หลอดเลือดแดงแคบเล็กลงหรือหดตัวนั้นจะทำให้เลือด
ที่จะไปเลี้ยงร่างกายผ่านหลอดเลือดดังกล่าวได้ช้าและน้อยลง
ทำให้หัวใจต้องสูบฉีดเลือดแรงขึ้นเพื่อที่จะได้มีเลือด
ไปเลี้ยงร่างกายได้เพียงพอ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิด
congestive heart
failure ความดันโลหิตสูงเป็นตัวเร่งให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดง
แข็งตัวโดยผนังหลอดเลือดแดงอ่อนแอลง
เนื่องจากแรงดันที่เพิ่มขึ้นเพื่อพยายามให้เลือดไหลผ่าน
หลอดเลือดที่มีสิ่งมาเกาะตามผนัง
เช่น ไขมัน และสิ่งอื่น
ด้วยเหตุผลที่ว่าความดันโลหิตสูงมีความสัมพันธ์กับภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง
ความดันโลหิตจึงเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดในสมอง
(stroke)
โรคไตและโรคของหลอดเลือดของหัวใจ
จากการศึกษาของ
Framingham
แสดงให้เห็นว่าผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง มีโอกาส เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ 3 - 4 เท่า และโรคหลอดเลือดของสมอง 7 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ที่มีระดับความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ปกติ ความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 สำหรับความดันโลหิตที่ เพิ่มขึ้นทุกๆ 10 มม.ปรอท |
ไม่มีความเห็น