เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2550 ได้เข้าร่วมเวทีปัญญา สัมมนาวาที ครั้งที่ 1 ณ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ เป็นการจัดร่วมกันระหว่าง ก.พ.ร. และสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้(สคส.) การจัดครั้งนี้เป็นครั้งแรกเป็นเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชน และจะมีการจัดต่อเนื่องไปทุกเดือน หัวข้อจะมีการเปลี่ยนแปลงไปทุกเดือนตัวอย่างเช่น คุณภาพการให้บริการแก่ประชาชน การบริหารความเสี่ยง การส่งเสริมคุณธรรม เป็นต้น ทั้งนี้จะมีการถ่ายทอดสดทางอินเตอร์เน็ต www.opdc.go.th
เนื้อหาการนำเสนอประกอบด้วย
-กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
-กรมการค้าภายใน
-กรมทางหลวงชนบท
-สำนักงานจังหวัดกาฬสินธุ์
ก่อนเริ่มเสนอ ดร.ประพนธ์ ผาสุกยืด ได้กล่าวว่าการนำเสนอวันนี้จะได้ทั้งเนื้อหาและกระบวนการKM ด้วย ความรู้ที่ได้เป็นความรู้จากประสบการณ์เป็น tacit knowledge ที่ได้จากการปฏิบัติ ไม่ใช่จากตำรา
กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
นำเสนอโดยนายอภิชาติ จารุศิริ ผู้ตรวจราชการกรมฯ มีการกำหนดนโยบายปี 2546 ว่าจะไม่ทำงานคนเดียวเพราะอัตรากำลังมีน้อยมากไม่สามารถทำภารกิจได้ ต้องให้เครือข่ายมาร่วมทำงานโดยพยายามส่งเสริมให้ชุมชนมีบทบาทในการเข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานของกรมฯ มีขั้นตอนดังนี้
ตัวอย่างของการมีส่วนร่วมของชุมชนได้แก่
การที่เด็กกระทำผิด กรมฯไม่อยากให้มีการฟ้องร้องคดีจึงดำเนินการให้ชุมชนรับทราบ เพื่อการเยียวยาเด็ก พูดคุยเพื่อหันเหคดี มี 8,000 คดี และมีอัตราการกระทำผิดน้อยมากเพียง 1.9% เท่านั้นเพราะชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมช่วยแก้ไข
ที่ปรึกษา ให้มีการแต่งตั้งกรรมการสงเคราะห์ มาจากบุคคลภายนอก โดยการสื่อสาร เปิดรับสมัคร และคัดสรร กรรมการเข้ามาช่วยเหลือ บางท่านเป็นกรรมการนานถึง 20 ปี ตรงนี้ท่านผู้ตรวจได้บอกเคล็ดลับไว้ว่ากรมฯได้เอื้อประโยชน์การทำงานของคณะกรรมการโดยบุคคลากรของกรมฯ สุภาพ อ่อนน้อม ให้เกียรติ ติดดิน ไม่ยึดซี รับฟัง กรรมการ บางเรื่องมีข้อติดขัดที่ระเบียบทางราชการ กรรมการก็แก้ไขให้ นอกจากนี้ยังมีแผนร่วมกัน 6 ปี แยกย่อยเป็นรายปี เชิญกรรรมการมาคุย มาทำกิจกรรมร่วมกัน กรรมการให้ความอนุเคราะห์ในเรื่องทุน วัสดุ การนำเครือข่ายและชุมชนอื่น ๆ เข้ามาให้การช่วยเหลือเพราะส่วนใหญ่เป็นผู้มีชื่อเสียงและรู้จักคนมาก
ปัจจัยความสำเร็จ คือ
การเปิดใจ ทำให้เกิดความยั่งยืน กรรมการจะอยู่กับเรานานและเมื่อกรรมการให้ข้อคิดเห็นแล้ว หากเราปัดไม่สนใจ กรรมการจะถอยออกไป ดังนั้นจึงต้องใส่ใจข้อคิดเห็นของกรรมการให้มากและกรมฯให้ความสำคัญกับกรรมการทุกท่าน
การตรวจสอบมาตรฐานการทำงานของสถานพินิจทุกจังหวัดได้ทำมาตั้งแต่ปี 2547 ทำทุก 3 เดือนทำมาก่อนที่ ก.พ.ร. จะกำหนดเรื่องนี้เป็นตัวชี้วัด
การฝึกอาชีพ โดยนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาต่อยอด
วันนี้ขอ ลปรร.เท่านี้ก่อนนะคะ จะได้เล่าถึงความรู้สึกของกรรมการสงเคราะห์ที่เข้ามาช่วยเหลือเป็นเวลานานมีอะไรผูกใจท่านไว้
ธุวนันท์ พานิชโยทัย
22 มิถุนายน 2550
คุณหนุ่มร้อยเกาะ
ขอบคุณคะที่ติดตาม