Dr. Maurice Bucaille เป็นศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งของฝรั่งเศส เป็นนักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการและผู้แต่งหนังสือเรื่อง “The Bible, The Quran and Science“ ซึ่งรวมไปถึงข้อสรุปต่างๆ ที่ได้มาจากการศึกษาคำภีร์ทางศาสนาของยิว คริสต์ และอิสลาม หนังสือดังกล่าวค่อนข้างจะแปลกใหม่ในวงการศาสนาและวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมาก
เรื่องราวของกษัตริย์ฟาร์โร ลูกชายของ Rameses II (ตามข้อมูลทางประวัติศาสตร์)ท่านนี้ เสียชีวิตจากการถูกกลืนลงไปในทะเล หลังจากพยายามตามล่าศาสดาโมเสสและผู้ติดตามชาวอิสราเอลในตอนนั้น ในยุคที่อัลกุรอ่านถูกประทานลงมาเกี่ยวกับเรื่องราวของพาร์โรท่านนี้ เราจะไม่พบข้อมูลเดียวกันนี้ที่ไหนเลยยกเว้นในคัมภีร์ใบเบิล ที่ได้กล่าวใน Exodus ไว้ว่า “and the waters returned, and covered the Chariots, and the horsemen, and all the host of Pharaoh that came into the sea after them; there remained not so much as one of them“ (Exodus 14:28) สิ่งที่น่าอัศจรรย์คือ ในส่วนของการตายของฟาร์โร ที่ได้กล่าวใว้ในอัลกุรอ่านว่า “ดังนั้น วันนี้เราจะให้ร่างของเจ้าออกจากทะเล เพื่อจะได้เป็นสัญญาณแก่ชนรุ่นหลังจากเจ้า และแท้จริงมนุษย์ส่วนใหญ่เฉยเมยต่อสัญญาณต่างๆของเรา“ (Al-Quran 10: 92) เรื่องราวเกี่ยวกับการอนุรักษ์ศพของฟาร์โรในรูปของมัมมี่ที่สมบูรณ์แบบนั้น ไม่เคยทราบและไม่เคยค้นพบมาก่อน ทั้งๆที่ข้อมูลดังกล่าวถูกกล่าวถึงในอัลกุรอ่านนานกว่า 1400 ปีมาแล้ว เพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเท่านั้นที่ความจริงดังกล่าวได้ปรากฏขึ้นให้เห็นต่อสายตาประชาคมโลก ในปี ค.ศ. 1898 ศาสตราจารย์ Loret คือท่านแรกที่ค้นพบร่างมัมมี่ของฟาร์โรยุคศาสดาโมเสส 3000 กว่าปีที่ผ่านมา ศพของฟาร์โรท่านนี้ถูกพันไว้ด้วยผ้าอยู่ภายในสุสานของ Necropolis ณ Thebes ซึ่งเป็นที่ที่ ศาสตราจารย์ Loret ค้นพบและได้ทำการวิจัยตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ ในปี ค.ศ. 1912 เค้าได้เขียนหนังสือที่มีชื่อว่า “The Royal Mummies.“ การวิจัยของเค้ายืนยันว่าฟาร์โรดังกล่าวเป็นฟาร์โรที่น่าจะรู้จักศาสดาโมเสส. สิ่งที่หลงเหลืออยู่จากยุคของฟาร์โรท่านนี้ ด้วยความประสงค์ของอัลลอฮ์ มันได้กลายเป็นสัญลักษณ์และเป็นสิ่งเตือนใจต่อมนุษย์ เราสามารถหาอ่านเรื่องราวเหล่านี้เพิ่มเติมได้จากหนังสือของ Dr. Maurice Bucaille
เรื่องราวต่างๆที่ Dr. Maurice Bucaille ได้รับทราบหลังจากมีโอกาสศึกษาเกี่ยวกับร่างมัมมี่ดังกล่าว พร้อมกับการรับรู้ถึงของมูลในอัลกุรอ่าน ทำให้เค้าเกิดความสนใจอัลกุรอ่านมากขึ้น เค้าตัดสินใจเรียนภาษาอาหรับ หลังจากนั้นเค้าทำการศึกษาอัลกุรอ่านเพิ่มเติมในส่วนของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ จนในที่สุด เค้าได้ข้อสรุปว่า อัลกุรอ่าน เป็นไปไม่ได้ที่จะมาจากมนุษย์ จนทำให้ในที่สุดเค้าตัดสินใจเข้ารับศาสนาอิสลาม และเป็นแรงบันดาลใจให้เค้าเขียนหนังสือเรื่อง “The Bible, The Quran and Science“