พอเปิดภาคเรียนใหม่ผมก็เริ่มสอนภาษาไทย ม.๖ ของผมทันที สอนมาถึงเรื่อง ธรรมชาติของภาษา ในข้อที่ว่า ภาษามีการเปลี่ยนแปลง
ผมเดินไปหยิบอุปกรณ์ การสอนมาชิ้นหนึ่งรูปร่างคล้ายไม้คานแต่ปลายแหลม(ผมเก็บมาจากบ้านยายของผม) แล้วถามนักเรียนว่าไอ้นี่เขาเรียกอะไร ไม่มีนักเรียนคนใดตอบได้เลย ซักห้อง(ผมสอนม.๖ทั้ง๔ ห้อง)ส่วนใหญ่จะตอบว่าไม้คาน ผมก็บอกว่าอาจจะใช่ว่าเป็นไม้คานชนิดหนึ่ง แต่ทำไมปลายไม้คานจึงแหลมทั้ง ๒ ข้าง เขามีเอาไว้ทำอะไร นักเรียนนั่งงง ในที่สุดผมจึงต้องเฉลยว่าเขาเรียก คันหลาว ใช้เป็นไม้คานหาบฟ่อนเข้า นักเรียนก็ไม่เข้าใจอีกว่าฟ่อนข้าว เป็นอย่างไรผมก็ต้องอธิบาย(ตอนนี้ยังหารูปไม่ได้)ว่าสมัยก่อนชาวนาเขาใช้เคียว(เด็กพอรู้จัก)เกี่ยวข้าว มาวางแผ่ตากไว้ เรียกว่าวางระดับ แล้วไปนำซังข้าว (ก็คือต้นข้าวที่ยาวมาก เพราะนาสมัยก่อน ทำข้าวนาปี หนีน้ำต้นเลยยาวหนีให้พ้นน้ำ)ที่เรียกว่า คะเน็ด มาบิดรวมกันเป็นเกลียว ทำเป็นเชือก แล้วไปหอบข้าวที่วางระดับไว้มามัดรวมกันเป็นฟ่อนด้วยคะเน็ด จากนั้นจึงเอาคันหลาวมาเสียบทั้งสองด้าน หาบไปกองไว้เป็นกองสามเหลี่ยมเรียกว่าลูกช้าง
วันนี้เล่าแค่นี้ก่อนว่างๆจะมาคุยกันต่อ ว่าคำในสมัยรุ่นพ่อ รุ่นแม่เรากำลังจะหายไปอีกหลายคำ
สวัสดีค่ะพี่ชาย..พิสูจน์
อนุญาตนะคะ
ลืมค่ะ...แนวการสอนดีมากค่ะ..ครูอ้อยยังไม่รู้จักคันหลาวเลยค่ะ..อิอิ
ขอบคุณค่ะ ที่ให้ความรู้ สมกับเรียนคณะโบราณฯ นะคะ