มโนธรรม

เมื่อวานได้เจอกับครูสนธยาได้พูดคุยถึงเรื่องที่คุณครูได้ไปอบรมในภาคฤดูร้อน ครูสนธยาได้เล่าให้ฟังว่าได้ไปอบรมเกี่ยวกับพระคัมภีร์ที่ศูนย์คริสตศาสนาหรือที่รู้จักกันในนามว่า ศูนย์ซีซี จังหวัดนครปฐม ที่ศูนย์มิได้ให้แต่เฉพาะด้านความรู้เกี่ยวกับศาสนาคาทอลิกเท่านั้นแต่ยังได้เพิ่มความรู้และประสบการณ์ด้านต่าง ๆ อาทิเช่น ประสบการณ์การอยู่ร่วมกัน การช่วยเหลือแบ่งปัน การมีไมตรีจิตแบบกัณยาณมิตรหรือเรียกรวม ๆ ว่า ด้านชีวจิต  เริ่มตั้งแต่การเข้ามาเผยแพร่สมัยพระนารายณ์มหาราช การทำงานของมิชชันนารีที่มีกลไกต่างกันระหว่างโปรตุเกส ความยากลำบากของมิชชันนารีที่ได้เดินทางจากต่างเมืองเพื่อมาทำงานให้กับพระศาสนจักรอย่างที่ว่าเอาตัวเองเข้าแลก  ยังได้สอนให้เรารู้จักการอดทน การรอคอย การช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน รู้จักค่าและศักดิ์ศรีของมนุษย์ทุกคนที่ได้รับพระฉายาของพระเป็นเจ้า(องค์พระผู้เป็นเจ้า) การใช้ชีวิตจิตในการสวดภาวนา ซึ่งพระเยซูเจ้าได้ทรงสรุป (ข่าวดี) เรื่องอาณาจักรพระเจ้า ในบทภาวนา “ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย”  การทำอัศจรรย์ต่าง ๆ การเทศน์สอนด้วยเรื่องอุปมา และนิทานเปรียบเทียบ หรือแม้แต่เมื่อพระองค์ได้เสด็จสู่สวรรค์ บรรดาอัครสาวกก็ได้นำคำเทศน์สอนของพระมาเผยแพร่โดยการดลใจของพระจิตใจ การรำพึงโดยบทภาวนาและบทสดุดี ได้บรรยายถึงการคิดถึงบ้านที่ชนชาติอิสราเอลได้ย้ายถิ่นฐานเพื่อให้การดำรงชีวิตอยู่รอด แต่อย่างไรทุกคนก็ยังคิดถึงพระไม่ว่าพวกเขาจะมีความทุกข์หรือความสุขก็ตาม   ทำให้คิดถึงปัจจุบันนี้ทุกคนมีความคิด มีความสุขทางร่างกาย แล้วทางจิตวิญญาณ (ชีวิตจิต)ล่ะ   คุณให้ความสนใจและเอาใจใส่ต่อสิ่งนี้อย่างไร   คงทราบแล้วว่าปัจจุบันมีแต่การแข่งขัน ไม่มีการผ่อนหนักผ่อนเบา ทำให้คนส่วนใหญ่มักจะพบกับปัญหาด้านสุขภาพที่ยากจะเยี่ยวยาได้ แต่พระเยซูเจ้าทรงใช้วิธีให้รู้จักประมาณตนโดยทั้งหมดจะต้องขึ้นอยู่กับ “มโนธรรม” ในตัวเราเอง แล้วยังใช้วิธีศาสนสัมพันธ์เพื่อให้เกิดความสนามฉันท์โดยไม่คำนึงว่าบุคคลที่เราได้พบได้เห็นจะนับถือศาสนาใด เพื่อเราจะได้เป็นแบบอย่างที่ดีก็เพราะเราคาทอลิกมีพระฉายาขององค์พระผู้เป็นเจ้าประทับอยู่

ผู้ให้ข้อมูล     ครูสนธยา   พรรณศิริ