สงกรานต์ในช่วงหลังๆ มานี้ ผมไม่ได้ไปเที่ยวหรือเดินทางไปที่ใดๆ การไปเยี่ยมเยียนญาติผู้ใหญ่ทางลำพูน-เชียงใหม่ ก็จะเดินทางไปก่อนในช่วงที่ไม่ใช่เทศกาล เพราะการเดินทางจะสะดวกมากกว่า และสิ่งที่ได้ปฏิบัติในหลายปีมานี้ก็คือช่วงปิดเทอมใหญ่ จะเข้าไปพักอยู่ที่กระท่อมในสวน ให้เด็กๆ ได้ไปอยู่กับธรรมชาติ ส่วนตัวผมก็จะขับรถเข้ามาทำงานในเมืองทุกวัน พอเปิดเทอมจึงจะเข้าไปอยู่บ้านพักในเมือง
ปี 2549 และ 2550 ส่วนหนึ่งได้บันทึกไว้บ้างแล้วว่าช่วงสงกรานต์ได้จัดการกับชีวิตในช่วงนี้ไว้อย่างไร อ่านได้จากลิงค์ด้านล่างนี้ครับ
ปีนี้ปิดเทอมลูกสาวไปเรียนที่ กทม. จึงมีแต่น้องไผ่เท่านั้น ที่ได้เล่นสงกรานต์ที่บ้านสวน เราเตรียมสถานที่กันด้วยการปลูกกระต๊อบไม้ไผ่มุงด้วยใบหญ้าคา เนื่องจากหน้าร้อนอากาศจะร้อนมาก หลังคามุงกระเบื้องอากาศก็ยังร้อนสู่หลังคาจากหญ้าคาไม่ได้ ประกอบกับไม้ไผ่ที่ปลูกไว้มีลำขึ้นมากแล้ว จึงได้นำมาใช้ประโยชน์ด้วยการสร้างกระต็อบน่าจะเหมาะกว่าปล่อยไว้เฉยๆ แต่วัสดุส่วนหนึ่งก็ขอจากเพื่อนบ้านเช่นไม้สีสุก ไม้ซาง สรุปแล้วกระต๊อบที่อยู้ในช่วงกลางวันของเราในช่วงหน้าร้อนและสงกรานต์ปีนี้ สร้างด้วยวัสดุจากธรรมชาติส่วนหนึ่งเป็นไม้ของเราที่ปลูกเอง ช่างก่อสร้างก็ช่วยกันกับพ่อตาไม่ต้องจ้างใคร อิอิ.... เริ่มจะพึ่งตนเองได้บ้างแล้ว
ทีนี้มาด็กันนะครับว่ารวันหยุดหลายๆ วันในช่วงสงกรานต์ ผมได้ทำหน้าที่ส่งต่อประเพณีสงกรานต์ ไปยังเด็กๆ กันอย่างไรบ้าง
วันที่ 12 เมษายน เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ผู้ใหญ่ในบ้านและเพื่อนบ้านต่างก็ช่วยกันคนละไม้ละมือ นอกจากการเล่าเรื่องราวจริงปนด้วยปริศนาของสังขารแล้ว ยังได้ถ่ายทอดอุปกรณ์ที่ใช้จุดเพื่อทำให้เกิดเสียงดัง (ใช้ลำไม่ไผ่เจาะรู ใส่แก๊สบ่มผลไม้ - หยอดน้ำ และจุดไฟ จะเกิดเสียงดังเหมือนกับการจุดประทัด) เพื่อเป็นสัญญาณบอกว่า สังขารได้ล่วงเลยไปอีกหนึ่งปีแล้ว
เด็กๆ ต่างรอปู่จันทร์ ที่มาถ่ายทอดและสร้าง "สะโป๊ก" กันอย่างใจจดจ่อ
ตอนเย็นต่างนำเครื่องยิงประทัดมาตั้งเรียงรายไว้
13 เมษายน ตอนตีห้า เด็กๆ ต่างมาจุดประทัดเพื่อส่งสังขาร
วันที่ 14 เมษายน เป็นวันเนา วันนี้เราได้ทำขนมเทียนและข้าวต้มมัด เพื่อเตรียมไปทำบุญที่วัดใสนวันที่ 15 เมษายน คนโตก็ได้ทบทวนและฝึกความชำนาญ เด็กๆ ก็ได้เห็นวิถีการปฏิบัติ และได้ลงมือฝึกเท่าที่ความสนใจของเขาจะมีอยู่ จากนั้นในช่วงเย็นวันที่ 14 ก็จะพาลูกชายและเพื่อนๆ ไปขนทรายเข้าวัด
ช่วงเช้าได้เตรียมของไปทำบุญกันแต่เช้ามืด เป็นการไปทำบุญที่วัด จากนั้นในช่วงสายๆ ก็จะพาเด็กๆ ไปรดน้ำดำหัวคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้าน ปีนี้เราไปรดน้ำกันทั่วหมู่บ้านใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงจากสายๆ จนถึงบ่ายๆ
ช่วงค่ำของ วันที่ 16 เมษายน ที่คนเมืองถือว่าเป็นวันเริ่มต้นปีใหม่ หรือที่เรียกว่า "วันปากปี" เราได้จุดเทียนที่คนแก่ทำพิธีสร้างให้เพื่อสร้างความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของจิตวิญญาณ ที่ส่งผลต่อการกระทำของคนที่ควบคุมวิถีปฏิบัติของตนเองได้ (ทำแต่สิ่งดีๆ) โดยไม่ต้องให้กฏกติกาแบบเปลือกๆ ของทางโลกมาคอยควบคุม
เป็นภาพรวมของกิจกรรมที่ครอบครัวของผม ได้ปฏิบัติร่วมกันในช่วงสงกรานต์ เป็นส่วนหนึ่งที่ผมได้สร้างการเรียนรู้และการส่งต่อวิถีการปฏิบัติให้แก่เด็กๆ แม้จะเป็นกิจกรรมเล็กๆ แต่ก็คงจะพอให้เด็กๆ เกิดการเรียนรู้และซึมซับสิ่งเหล่านี้ให้ติดตัวไปเพื่อการเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้าอย่างคนที่มีรากเหง้า
บันทึกมาเพื่อการ ลปรร. ครับ
สวัสดีค่ะคุณสิงห์ป่าสัก
ขอบคุณนะค่ะที่นำเรื่องราวดี ๆ มาร่วมแบ่งปันค่ะ...สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ...ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงนะค่ะ...
ขอบคุณคุณยุทธมากๆที่นำเรื่องราวดีๆมาแบ่งปัน และขอบคุณที่ช่วยสืบสานวัฒนธรรมที่ดีของท้องถิ่น และการนำมาเล่าทำให้คนพื้นที่อื่นๆได้เปรียบเทียบ เป็นการบันทึกประวัติศาสตร์เอาไว้ ยอดเยี่ยมจริงๆค่ะ เด็กๆโชคดีมากๆที่ได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้ เพื่อที่เขาจะได้เห็นคุณค่าและช่วยกันรักษาสืบต่อกันไป อิ่มอกอิ่มใจจังเลยค่ะ สวัสดีสงกรานต์นะคะ ไม่ได้แวะมาคุยแต่ทุกครั้งที่ได้อ่าน ก็เก็บพลังไปด้วยทุกครั้งค่ะ ขอบคุณอีกทีและเผื่อไปถึงครั้งอื่นๆที่อ่านเงียบๆด้วยค่ะ
สวัสดีค่ะพี่สิงห์ป่าสัก
เข้ามาเยี่ยม ดูเด็กๆ น่าสนุกนะคะ และวันนี้มิมมีเรื่องจะรบกวนพี่สิงห์ป่าสักค่ะ คือว่ามิมกลับบ้านและได้ถ่ายรูปมะม่วงพันธ์หนึ่งมา บอกบอกว่าเป็นมะม่วงแก้วยักษ์ ชื่อว่า มะม่วงแก้วมง มิมได้นำภาพให้พ่อครูบาดูแล้วพ่อครูบาบอกว่าไม่เคยเห็นมาก่อนเลยมะม่วงพันธุ์นี้
ก็เลยอยากรบกวนให้พี่สิงห์ป่าสักดูหน่อยนะคะ มะม่วงพันธ์นี้มีใบใหญ่ ลูกใหญ่ เม็ดลีบ เนื้อเยอะ เวลาสุกหวานมากค่ะ ที่บ้านมีอยู่ต้นเดียว ถ้าเราจะขยายพันธุ์จะทำอย่างไรได้บ้างค่ะ เผื่อขยายพันธุ์ได้ก็กะว่าจะเอาไปฝากพ่อครูบาปลูกที่สวนป่าด้วย ขอบคุณมากค่ะ ปล. คุณหมอนนท์ ฝากมิมมาให้ข้ามฟากไปกอดพี่สิงห์ป่าสักให้ที อิอิ
ขออภัยค่ะ รูปใหญ่เกินไป ฝากพี่สิงห์ป่าสัก ลบทีค่ะ
ขอบคุณพี่สิงห์ป่าสักมากค่ะ
เท่าที่ดูแล้วมันน่าจะเป็นมะม่วงพันธุ์ไหนค่ะ พ่อครูบาก็ไม่แน่ใจ
รบกวนพี่สิงห์ป่าสักอีกทีนะคะ
ขอบคุณค่ะ
น้องไผ่ตัวเบ่อเริ่มแล้วหละ..
ดีมาก ขอชื่นชมกับการทำกิจกรรมพื้นบ้านเหล่านี้แล้วเอาเด็กเข้าร่วมด้วย เขาไม่เข้าใจไม่เป็นไร แต่สิ่งเหล่านี้จะติดตาติดหัวเขาไปจนตลอดชีวิต ว่าครั้งหนึ่ง หรือหลายๆครั้งเขาเคยร่วมประเพณีพื้นบ้านเหล่านี้ และเมื่อเขาโตขึ้นความเข้าใจในวัฒนธรรม ประเพณีมีมากขึ้น เขาจะภูมิใจที่ได้มีโอกาสเข้าร่วม หรือผ่านประเพณีอันดีงามเหล่านี้มาแล้ว
ชอบที่น้องไผ่ไปกราบผู้หลักผู้ใหญ่ หายากแล้วครับที่จะมีภาพเหล่านี้ มีแต่ไปใช้เวลาเล่นเกมส์กันเต็มบ้านเต็มร้านในเมือง
เราเองก็ภูมิใจที่ลูกหลานได้ผ่านวิถีพื้นถิ่นของเราเอง มันจะเป็นประโยชน์มหาศาลติดตัวเขาไปโดยไม่รู้ตัว
ดีมากๆครับน้องสิงห์
หากครอบครัวที่ยังจำสิ่งดีๆได้และนำมาฟื้นฟู ส่งเสริมให้ลูกหลานได้รู้จักประเพณี วิธีปฏิบัติต่างๆให้สืบทอดต่อๆไปได้ เยาวชนของเราก็จะมีจิตใจละเอียดอ่อน เคารพญาติผู้ใหญ่ เคารพธรรมชาติ และตัวเองเชื่อว่าการมีความเชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติ เช่น ธรรมชาติมีเทวดารักษาน้ำ ดิน อากาศ พืชพันธุ์ธัญญาหารจะทให้มนุษย์เรามีความอ่อนน้อม และรักษาธรรมชาติโดยไม่ต้องมารณรงค์กันด้วยซ้ำ
ขอบคุณมากค่ะที่นำสิ่งดีๆมาแบ่งปันกัน ขอบคุณที่ไปชวนมาอ่าน คิดเช่นกันว่าใครไม่ได้อ่านบันทึกนี้น่าเสียดายค่ะ
ขอบคุณพี่สิงห์ป่าสักค่ะ
เดี๋ยวมิมกลับไปหารายละเอียดมาให้มากกว่านี้ก่อน
หรือว่าวันหลังถ้าได้กลับบ้านเดี๋ยวมิมจะเอาไปให้ดูที่สำนักงานค่ะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีครับ
น้องสิงห์ป่าสัก
ส่งต่อสิ่งดีๆให้ลูกหลานทำต่อไป...เยี่ยมครับ
เชิญน้องสิงห์ป่าสักไปที่นี่หน่อย ชอบโปรเจ็คนี้จัง...หนุ่มร้อยเกาะเขียนไว้ อยากทำร่วมกัน
สวัสดีครับ อ.Tikapus Ayalawittur
น้องไผ่ตัวโตขึ้น สูงขึ้นรึปล่าวค่ะ
ไปถามที่บันทึกโน่นว่าคุณสิงห์และครอบครัวจะไปภูเก็ตรึปล่าว เลยมาได้คำตอบที่นี้แล้ว...พี่เองคงไม่ได้ไปค่ะ เพราะชนกับงานสัมมนาของที่ทำงาน ตอนแรกเสนอเองว่าช่วงนี้เสร็จแล้วก็ไปไม่ได้เอง...เฮ้อออ อยากไป ... คิดถึงชาวเฮฮาศาสตร์ทุกคนค่ะ