จิตอาสา..พลังสร้างโลก


บทเรียนรู้..จากขบวนการพุทธฉือจี้ไต้หวัน ขบวนการที่เน้นหัวใจความเป็นมนุษย์

14 มกราคม 2551 ตอนเช้า..วันนี้อากาศสดชื่นแจ่มใส  อากาศเย็นสบาย

ฉันตื่นเช้า  หยิบหนังสือ..ที่น้องสาวของฉัน (คุณวงเดือน จินดาวัฒนะ) ส่งมาให้อ่าน

                        

                          คุณวงเดือน จินดาวัฒนะ.. ผู้ที่ส่งหนังสือมาให้ค่ะ

               เธอบอกว่าจะไปดูงานที่ไต้หวัน 16-20 มค 51 คงมีอะไรดีมาให้อีก

 

ชื่อหนังสือ

 

จิตอาสา..พลังสร้างโลก

 

                            

 

เป็นหนังสือที่  นายแพทย์อำพล จินดาวัฒนะ

 

ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้  และเคยไปศึกษาดูงาน ..มูลนิธิพุทธฉือจี้ ที่ประเทศไต้หวัน มาก่อน (ปี 2548)

 

ได้ข้อคิดมากมายว่า...

 

ทำไมมูลนิธินี้จึงก่อเกิดมาได้ และขยายสาขาไปได้อย่างยิ่งใหญ่

ศ. นพ ประเวศ วะศี กล่าวว่า

มูลนิธิฉือจี้เป็นขบวนการมนุษยธรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก

 

ศ. นพ. วิจารณ์ พานิช  บอกว่า 

วิธีปฏิบัติของฉือจี้ เป็นการดึงเอาความดีงามของมนุษย์มาใช้ ทำให้ทุกคนมีความสุขในการอยู่ร่วมกัน

 

พระเดิมแท้ ชาวเหินฟ้าพูดไว้ว่า

คนไต้หวันส่วนหนึ่งนำ..จิตสำนึกโพธิสัตว์ของพุทธนิกายมหายาน มาปฏิรูปแนวคิดและวิธีการ สังเคราะห์ใหม่  เป็นนวตกรรมทางองค์กรศาสนา กลายเป็นกระบวนการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมที่ทันสมัย

 

 

อาจเป็นเพราะ  พุทธนิกายมหายาน

 

เน้นความสามารถ ช่วยคนด้วยจิตโพธิสัตว์

มีความกระชุ่มกระชวย ให้ทาน 

มีการปฏิบัติส่วนรวม รวมกันเป็นกลุ่ม ทำงานเป็นทีม พึ่งพากัน

สานต่ออุดมการณ์โพธิสัตว์ถึงพระพุทธเจ้า

ตายแล้วก็ยินดีเกิดอีกเพื่อมาช่วยคนอื่น

กินเจจะได้ไม่เบียดเบียนคนอื่น มื้อเย็นกินอาหาร เรียกว่าอาหารยา

การนำแนวทางนี้...เป็นเข็มทิศนำทาง

ทำให้ทุกคนเข้าถึงง่าย ปฏิบัติได้ง่าย  ทำได้จริงในชาตินี้ ไม่ต้องรอชาติหน้า คือ..

 

การช่วยเหลือผู้อื่น

 

การมีผู้นำที่มีจิตวิญญาณอันงดงาม เป็นแบบอย่างให้ทุกคนสัมผัสได้

เป็นศูนย์รวมแห่งศรัทธา มุ่งทำความดี

ทำให้มีอาสาสมัคร  มีจิตอาสามากเป็นล้านคน

แนวทางฉือจี้ให้เกียรติทุกคน  เท่าเทียมกัน ทุกคนมีค่า มีศักดิ์ศรี

ทำให้ทุกคนรักผูกพันกัน มีสัมพันธ์ในแนวราบ มีความคิดสร้างสรรค์

เป็นศูนย์รวมแห่งศรัทธา ทำให้มีเงินบริจาคมากมายและนำไปช่วยเหลือมนุษย์ได้ต่ออีกมากมาย

การดำเนินงานของฉือจี้  มีการนำเอาความรู้ที่ทันสมัย คือ

การบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ

นำเอา KM มาใช้อย่างเป็นระบบ

มี ITที่ทันสมัยมาใช้อย่างกลมกลืนและม่ประสิทธิภาพ

 

 

ตอนสุดท้าย  หมออำพล จินดาวัฒนะ สรุปได้น่าสนใจว่า

หลักที่ฉือจี้.. เน้นที่หัวใจของความเป็นมนุษย์ มียุทธศาสตร์สำคัญ 3 อย่างคือ

 

ศรัทธา  ปัญญา และการจัดการ

 

ศรัทธา คือ..การสร้างศรัทธาในการทำความดี  เพื่อคนอื่น

ปัญญา... ฉือจี้  รับเอาองค์ความรู้ เทคโยโลยี่  มาปรับใช้เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ตลอดเวลา จึงเข้าถึงคนทุกรุ่น

การจัดการ... ทำงานอย่างเป็นระบบ และเป็นมืออาชีพ

 

 

การอ่านหนังสือเล่มนี้..

ทำให้เรา...มีแรงบันดาลใจ

ว่าเรายังต้องทำงานต่อ..เพื่อช่วยเหลือสังคมต่อไปอีกนานค่ะ

 

เอกสารอ้างอิง

อำพล จินดาวัฒนะ. จิตอาสา พลังสร้างโลก.  กรุงเทพฯ:  ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม.2549.

หมายเลขบันทึก: 158965เขียนเมื่อ 13 มกราคม 2008 07:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:42 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

สวัสดีค่ะ

  ได้อ่านแนวทาง แห่งผู้มีจิตอาสา หรือพระโพธิสัตว์แล้ว รู้สึก มีกำลังใจค่ะ เพราะสิ่งที่คิดทำเพื่อคนอื่น มีกุศลมาก ต้องใช้พลังใจที่สูงส่ง ขอบคุณที่นำมาเผยแผ่กัน ร่วมสร้างสรรค์สังคมที่ดี ให้คนในโลกนี้ มีจิตอาสาเพิ่มขึ้นทุกทีนะคะ

P

สวัสดีค่ะคุณรุ่ง

ขอบคุณที่เข้ามาทักทายแต่เช้า

สังคม G2K เป็นสัมพันธ์ในแนวราบ คอยดูแลช่วยเหลือ ให้กำลังใจกันและกัน  เป็นศูนย์รวมแห่งศรัทธา มุ่งทำความดี

อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว  ทำให้รู้สึกว่า เราจะมีกำลังใจทำดีร่วมกันต่อไปค่ะ

หวัดดีพี่P

เข้ามาอ่าน ได้ความรู้เพิ่ม

P

สวัสดีค่ะเกศ

เราอ่านแล้ว นอกจากได้ความรู้แล้ว

พี่หวังว่า เราจะมีกำลังใจทำงานต่อไปใช่ไหม

สวัสดีครับพี่อุบล

           ได้อ่านบทความนี้ รู้สึกว่าอิ่มๆ ยังไงไม่รู้ครับ กับข้อความนี้ในบทความครับ

เน้นความสามารถ ช่วยคนด้วยจิตโพธิสัตว์

มีความกระชุ่มกระชวย ให้ทาน 

มีการปฏิบัติส่วนรวม รวมกันเป็นกลุ่ม ทำงานเป็นทีม พึ่งพากัน

สานต่ออุดมการณ์โพธิสัตว์ถึงพระพุทธเจ้า

ตายแล้วก็ยินดีเกิดอีกเพื่อมาช่วยคนอื่น

กินเจจะได้ไม่เบียดเบียนคนอื่น มื้อเย็นกินอาหาร เรียกว่าอาหารยา

การนำแนวทางนี้...เป็นเข็มทิศนำทาง

ทำให้ทุกคนเข้าถึงง่าย ปฏิบัติได้ง่าย  ทำได้จริงในชาตินี้ ไม่ต้องรอชาติหน้า คือ..

 

การช่วยเหลือผู้อื่น

 ท้ายที่สุดแล้ว การให้อย่างบริสุทธิ์ใจ คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ผมสรุปเอาเองอย่างนี้นะครับ เพราะการจะให้ได้นั้น เราจะต้องมีก่อน และคำว่ามีของแต่ละคนนี้ล่ะครับ ที่ให้ความหมายต่างๆ กันไป แต่ที่แน่ๆ ในขณะเดียวกัน ทุกคนจะสามารถให้ได้ทุกคน ถึงแม้ว่าจะมีต่างๆ กันก็ตาม

ขอบคุณมากๆ เลยครับ 

 

พี่ครับ ผมลืมถามไปครับ

ช่วยคนด้วยจิตโพธิสัตว์

อยากทราบว่า 

จิตโพธิสัตว์ มีอะไรบ้างครับผม

ขอบคุณมากครับ 

P

สวัสดีค่ะคุณเม้ง

จิตโพธิสัตว์ หมายถึง การที่คนมีอุดมการณ์

คือ 

มุ่งช่วยเหลือคนอื่นเป็นเป้าหมายของชีวิต

กระตือรือร้น  ช่วยกันคนละไม้คนละมือ

ไม่นิ่งดูดาย หรือหาความสุขให้แก่ตนฝ่ายเดียว

เอาใจใส่ต่อสิ่งแวดล้อม  เพื่อไม่ให้สังคมเสื่อมทรามลงเร็วเกินไป

 

เพิ่มเติมนะคะ...น้องเม้ง

ความคิดเชิงพุทธของไต้หวัน 

เป็นพุทธแบบมหายาน  ที่สอนให้ช่วยเหลือผู้อื่น ยิ่งช่วยมาก เสียสละมาก ทำเพื่อผู้อื่นมาก  ก็จะเท่ากับว่าได้เพิ่มความสำเร็จในการเป็นพระโพธิสัตว์ ในชาตินี้ สรุปได้ 4 ประการ

  • ความสุขที่แท้จริง  อยู่ที่การช่วยเหลือผู้อื่น
  • การช่วยเหลือผู้อื่น  ต้องผ่านการอบรมจรรยามรรยาท
  • รูปเคารพ คือ  พระโพธิสัตว์ปางต่างๆ เช่น เจ้าแม่กวนอิม
  • การปฏิบัติธรรม คือการทำจริง โดยการทำงานเพื่อผู้อื่นอย่างจริงจัง ทำร่วมกัน สามัคคีกัน จึงจะก้าวหน้า

เชื่อว่า ตายแล้วก็ต้องการกลับมาเกิดบนโลกนี้อีก เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ตกยากต่อไป

เพื่อตนจะได้พัฒนาเป็นโพธิสัตว์ในชั้นสูงเรื่อยๆ จนมีบารมีเปี่ยมล้น ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้

แนวคิดแบบนี้...ทำให้ชาวพุทธในไต้หวัน

มุ่งปฏิบัติธรรม...ด้วยการทำงานให้สังคม เน้นช่วยเหลือคนอื่น ลดความเห็นแก่ตัวค่ะ

ขอบพระคุณค่ะพี่แก้ว

ต้องหามาอ่านบ้างแล้วหละค่ะ

สวัสดีครับพี่อุบล

        โอ้โห้....ต้องร้องแบบนี้ครับ ว่า โดนใจผมมากๆ เลยล่ะครับ คำตอบแนวทางและวิธีการคิดแบบนี้ ทำให้ผมรู้สึกอิ่มและสดชื่นจริงๆ ครับ ตรงกับแนวทางของพระราชปณิธานของสมเด็จพระราชบิดาเป็นที่สุดครับ

"ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตัว เป็นที่สอง
ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เป็นกิจที่หนึ่ง
ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศ จะตกแก่ท่านเอง
ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพไว้ ให้บริสุทธิ์"
...มหิดล... 

เน้นการให้เพื่อนมนุษย์เป็นกิจสำคัญที่หนึ่ง

จิตโพธิสัตว์ หมายถึง การที่คนมีอุดมการณ์ คือ 

  1. มุ่งช่วยเหลือคนอื่นเป็นเป้าหมายของชีวิต
  2. กระตือรือร้น  ช่วยกันคนละไม้คนละมือ
  3. ไม่นิ่งดูดาย หรือหาความสุขให้แก่ตนฝ่ายเดียว
  4. เอาใจใส่ต่อสิ่งแวดล้อม  เพื่อไม่ให้สังคมเสื่อมทรามลงเร็วเกินไป
พระโพธิสัตว์ ในชาตินี้ สรุปได้ 4 ประการ
  1. ความสุขที่แท้จริง  อยู่ที่การช่วยเหลือผู้อื่น
  2. การช่วยเหลือผู้อื่น  ต้องผ่านการอบรมจรรยามรรยาท
  3. รูปเคารพ คือ  พระโพธิสัตว์ปางต่างๆ เช่น เจ้าแม่กวนอิม
  4. การปฏิบัติธรรม คือการทำจริง โดยการทำงานเพื่อผู้อื่นอย่างจริงจัง ทำร่วมกัน สามัคคีกัน จึงจะก้าวหน้า

เชื่อว่า ตายแล้วก็ต้องการกลับมาเกิดบนโลกนี้อีก เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ตกยากต่อไป

น่าประทับใจจริงๆ ครับผม  หากมองย้อนกลับมาที่ประเทศไทย เราพร้อมจะนำแนวคิดแบบนี้มาใช้ในสังคมไหมครับ ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่การช่วยเหลือผู้อื่น

กราบขอบพระคุณบทความนี้จริงๆ ครับ ทำให้ผมเข้าใจอะไรขึ้นอีกเยอะพอสมควรครับผม

ขอบคุณพี่มากครับ 

P

สวัสดีค่ะน้องหนิง

หนังสือเล่มนี้ ดีมากค่ะ

ทำให้เราเข้าใจรากเหง้า ของการดูแลด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ว่ามาจากไหน ทำเพื่ออะไร

กระทรวงสาธารณสุข...ที่พยายามนำจิตอาสามาใช้

ถ้ารู้ว่าหลักของฉือจี้เป็นอย่างไร ความเชื่อทางศาสนาของเขาต่างกับพุทธบ้านเรา

พุทธบ้านเรา เป็นพุทธแบบเถรวาท

  • เน้นความเรียบง่าย สมถะ
  • สุภาพเรียบร้อย
  • ปฏิบัติโดดเดี่ยว
  • พึ่งตนเอง
  • แยกตัว เพื่อให้หลุดพ้น
  • มุ่งสู่อรหันต์
  • ตายแล้วไม่อยากเกิดอีก
  • ไม่กินเจ ไม่กินมื้อเย็น  

จะใช้หลักอะไร  เพื่อให้ทำงานสำเร็จร่วมกัน

พี่จะถามให้นะคะ ว่ามีขายไหม

เห็นว่าพิมพ์เป็นครั้งที่ 2 แล้ว 3000 เล่มค่ะ

P

สวัสดีค่ะน้องเม้ง

พี่ว่าสังคม G2K ก็พยายามช่วยเหลือกันอยู่

ถ้าเรานำหลักนี้มาใช้และเผยแพร่ต่อไป ก็น่าจะทำให้สังคมไทยเราดีขึ้นเรื่อยๆนะคะ

 

อาสามัครชาวฉือจี้

ครับอย่างที่ท่านๆได้อ่านกันครับ ฉือจี้เน้นที่ความจริง แต่ถ้าทุกท่านยังเน้นที่การอ่านอย่างเดียว แล้วงานจิตอาสาจะไม่เกิดเลยที่เมืงไทย พร้อมหรือยังครับที่คนไทยจะลุกขึ้นมาช่วยกันเองบ้างอย่ามัวแต่อ้างว่ายังไม่พร้อม...แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่คุณๆทั้งหลายจะเข้าใจคำว่าจิตอาสาอย่างแท้จริง.....

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท