ผมคิดในใจว่าคงจบเห่แล้วทีนี้ จะเดินหน้าต่อไปยังไง มึนตึ๊บ50% บวก อึ้งกิมกี่50% นั่งเซ่อเงียบๆอยู่คนเดียว คิดว่าพอแล้วละ จบเสียทีวิชาดันทุรังศาสตร์
ผมไม่เคยพิศวาสชนิดไม้อะไรเท่ากับไม้พื้นเมืองของเราเอง เห็นคุณค่า ได้ประโยชน์รอบด้านในต้นเดียว ดอกหอม ดอกสวย ใบสวย ผลอร่อย เปลือก ราก ต้น ผล ใบ เป็นยารักษาโรค เนื้อไม้นำไปใช้สอยได้สารพัด ผึ้งมิ้ม มดแดง แมลงใช้เป็นเรือนอาศัยทำรัง เรียกว่าไม้ไทยๆที่ล้อมรอบบ้านเป็นเสมือนญาติ ช่วยเป็นพี่เลี้ยงดูแลเรามิห่างหาย ไปไหนมายืนเพื่อนยืนโบกใบผลิกไหวต้อนรับให้ชื่นใจ
เมื่อคิดจะสร้างโลกอยู่เองด้วยสองมือเรา ก็ต้องคิดมากเพราะต้นทุนที่อยู่ที่เห็นล้วนติดลบ ต้องทำงานบนฐานไม่พร้อมอยู่ใต้เส้นยาแดงผ่าแปดเสียอีก แค่คิดจะปลูกต้นไม้มันก็ไม่ง่ายเสียแล้ว พื้นที่เสื่อมโทรม แห้งแล้งมาก ไม่มีน้ำ ไม่มีปุ๋ย ไม่มีทุน ไม่มีความรู้ มีแต่ปัญหา เงื่อนไข สภาพแวดล้อมที่ไม่พร้อมสักอย่าง อยู่ในสภาพโง่จนเจ็บแต่อยากจะขึ้นรถไฟฟ้า บีทีเอส.
ดูแล้วผมไม่สามารถที่จะปลูกต้นไม้อะไรได้เลย นอกจากต้นตะบองเพชร จึงค้นหาไม้ทนแล้งหัวแข็ง มาเป็นไม้เบิกนำ ปลูกนำร่องได้แล้วค่อยปลุกไม้พื้นเมืองแทรกลงไป ถ้าคิดแบบคุณหมอก็คงต้องใช้คำว่าพาหะของโรค ในภาคเกษตรพาหะของความแห้งแล้งคืออะไร คิดทบทวนสาระตะแล้วเห็นแต่เจ้ายูคานี่แหละพาหะของความเสื่อมโทรม ปลูกตรงไหนงามตรงนั้น มันทนรับสภาพความเสื่อมโทรมได้แทบทุกเรื่อง แล้งขนาดเรานี่ถามผู้รู้แล้วว่ามันขึ้นได้!
เมื่อเกิดความจำเป็นที่จะมีญาติต่างด้าวแดนไกลมาศัยอยู่ด้วย ก็คิดมากสิครับจะจับไปวางไว้ตรงไหน ประจวบกับช่วงที่ผมเริ่มปลูกต้นไม้นั้น พื้นที่เสื่อมโทรมมาก ผืนดินแห้งผากแดดยิบๆ ในสภาพอย่างนั้นขืนปลูกไม้พื้นเมือง ทำไม่ได้ครับ เพราะไม่มีใครให้ทุนวิจัยมาให้ชาวบ้านทำอะไรเล่นๆแบบนักวิชาการ ต้องเผชิญกับความจริง จะเตรียมดินยังไง วางแนวอย่างไร ปุ๋ยอยู่ไหน พันธุ์ไม้อยู่ไหน แรงงานปลูก นี่ยังมิต้องคิดถึงการผลิต ตลาด ราคา อะไรหรอกนะ เอาแค่ทำยังไงดินโล้นเกลี้ยงแห้งโหดนี้มันจะมีต้นไม้โผล่ขึ้นมาได้ โผล่มาแล้วมันต้องรอด สู้ภัยแล้งได้ ที่สำคัญ เอ็งไม่ได้มีเงินถุงเงินถังมาให้ผลาญเล่นนะเว้ย 30,000บาทที่กำอยู่สั่นระริก เป็นเงินก้อนสุดท้ายทั้งเนื้อทั้งตัว ถ้ามันล้มเหลวก็หมายถึงทุนหายกำไรหดแบบปัดก้นเกลี้ยงกระเป๋า
มันยากมากที่จะตัดสินใจผ่าตัดวิถีชีวิตในสภาพที่ความรู้ไม่พอใช้ แต่สถานการณ์เข้าด้ายเข้าเข็มอย่างนั้น จะมานั่งถอดใจก็คงไม่ใช่ไอ้หมอนี้แน่ ถามตัวเองแค่ว่า..ถ้าล้มพับไม่สำเร็จเอ็งจะเสียหายเท่าไหร่ แค่หมดตัวใช่ไหม ถึงตายไหม ถ้าหมดตัวแต่ไม่ตายทำโว้ย! ลุยเลย สู้มันด้วยกำปั้นและหัวใจที่ทระนงนี่แหละวะ ใครจะว่าบ้า ก็บ้าสิวะ อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนอีโต้มาโย้หัว
ไม่มีน้ำใช่ไหม ไปเรียกมา ชาวบ้านคนไหนขุดบ่อน้ำเก่ง เป็นที่ยอมรับจับกลุ่มกันมา รับสมัคร 8 คน วันรุ่งขึ้น ตาแจ้ง ตาสนิท ตาย๋อย ไอ้ทิดแดง ทิดเบ้า ฯลฯ มายืนป๋อหล๋อ เฮียอุ๊ จะให้ทำอะไร พอบอกว่าให้ขุดบ่อน้ำทำตาเลิ๊กลัก มองหน้ากันเหมือนเห็นผีแม่นาค มันจะขุดได้อย่างไร เขาเคยทำกันมาแต่สมัยเตี่ยแล้ว ขุดแล้วไม่รู้กี่แห่ง ที่ตะลุกต่ำก็ขุดแล้วไม่มีน้ำ แถวๆนี้ทั้งขุดทั้งตอกบ่อบาดาล เจาะจนเสียมหัก ฝังท่อทิ้งไปไม่รู้เท่าไหร่
เมื่อมีข้อเสนอก็ต้องรับฟัง ฟัง และฟัง แต่ก่อนหน้านั้นก็เตรียมใจแล้วว่าจะได้ยินเรื่องพวกนี้ แต่สิ่งที่ได้ยินมานั้นเป็นฝีมือของคนอื่นทำ ไอ้ผมที่ชาวบ้านเรียกเฮียอุ๊นี่มันยังไม่เคยขุดสักกะบ่อ ผมคิดไว้ในใจแล้วว่า ถ้าไม่มีน้ำ หาน้ำไม่ได้ ก็จะยกธงขาวเผ่นไปอยู่กับยาหยีที่เชียงใหม่ไม่ดีกว่ารึ แม่ยายใจดีจะตาย สบายกว่ากันเยอะเลย
หลังจากเงียบ เงียบ มองหน้ากันพักหนึ่ง ผมก็ชี้ไปที่กองสัมภาระ มีเชือกมะลิลาขดใหญ่ รอก เสียม จอบ ปุ้งกี๋ ครุหลัง รอก เรียกให้น้ากำเปียนเอาศีรษะสุกร ไก่นึ่ง หมากพลู สุราขาว 1 ลัง ดอกไม้ธูปเทียน ปูสื่อ จัดวางของเซ่นไหว้ เอ้า! ตาแจ้งหัวหน้าทีม ทำหน้าที่บนบานสานกล่าว บอกเจ้าที่เจ้าทางให้เห็นดีเห็นชอบในการขุดบ่อครั้งนี้ ..ทุกคนนั่งล้อมวงพนมมือเต้ ปากว่าขมุมขมิบภาษาเขมรพื้นถิ่น แปลเป็นไทยคร่าวๆว่า ขอให้เจ้าที่เจ้าทางมาช่วยลูกช้างด้วย ช่วยให้เจอตาน้ำด้วย เออสินะ..สวรรค์มีตาไหมนะ สวรรค์ใส่แว่นตาแล้วใช่ไหม?
7วันต่อมาเราได้หลุมขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางเกือบ3.50เมตร ลึก8เมตรเศษ กองดินรอบๆบ่อสูงเกือบถึงหน้าอก เหตุผลที่ต้องขุดกว้างเพราะข้างล่างอากาศอบอ้าว หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย หมดเรี่ยวแรงไปตามๆกัน ยิ่งลึกลงไปเท่าใดนอกจากความปวดเมื่อย กล้ามเนื้อระบมแล้ว เป็นไข้กันระนาวแล้ว ความฮึกเหิมก็ค่อยๆหดหายไปเรื่อยๆ ล้าและละล้าละลัง..สุดท้ายก็มีประชามติออกมาว่า ..ยอมแพ้!!
ผมเรียกประชุมด่วน ไล่เรียงความเห็นไปทีละคน คำตอบเหมือนนัดกันไว้ ว่ามันไม่มีทางเจอน้ำหรอก เฮียอุ๊หยุดเถอะ มันไม่ไหวแล้ว พวกผมเจ็บไปทั้งตัว กลางคืนนอนครางฮือๆทรมานมาก ต้องการอย่างนั้นใช่ไหม? ได้เลย ให้หยุดพัก3วัน เอาน้ำมันมวยไปคนละขวด นวดเฟ้นให้ดีแล้วกลับมาใหม่ งานนี้ท้อได้ เหนื่อยได้ แต่ถอยไม่ได้ !
เอาตามนี้นะ 3 วัน ตามนัดหมาย ดูทุกคนสดชื่นขึ้น มีสมาชิกหายไป 2 คน ส่งลูกเขยมาแทน ก่อนลงมือ จับเข่าคุยกันว่าเราลงแรงไปเยอะแล้ว ถ้าถอยคอนนี้มันจะเสียประวัติ เพราะยังไม่ได้ทำจนถึงที่สุด ถ้าใครตายคาหลุมจะทำบุญให้เอง เอ้าลองดู เปลี่ยนกันบ่อยขึ้น ถ้าจำเป็นต้องการคนเพิ่มก็บอก วันนี้เตรียมน้ำสีเหลืองให้โด๊บ ยาสูบยาซองก็จัดไว้ให้ เหนื่อยก็พัก ไม่ว่ากัน มีปัญหาอะไรก็บอก!! เอ้า! เฮ้!!ดังๆเอาชัยหน่อย เฮ้ๆๆ
ตอนบ่ายของวันที่2 ทิดเบ้าวิ่งหน้าตื่นมาบอกว่า หมดหวังแล้วเฮีย เฮียไปดูหน่อย ใจร้อนจนลืมถามว่า มันหมดหวังเรื่องอะไร ไปถึงตาแจ้งรายงานแบบจะแจ่มแจ้งว่า ไอ้เนียมมันขุดไปเจอหิน คงขุดต่อไปไม่ได้อีกแล้วละ ผมมองไล่ดูสีหน้าแต่ละคนหมดอาลัยตายอยาก เอ้าพักแค่นี้ก่อน กินข้าวกินปลาเดี๋ยวค่อยว่ากัน
ผมคิดในใจว่าคงจบเห่แล้วทีนี้ จะเดินหน้าต่อไปยังไง มึนตึ๊บ50% บวก อึ้งกิมกี่50% นั่งเซ่อเงียบๆอยู่คนเดียว คิดว่าพอแล้วละ จบเสียทีวิชาดันทุรังศาสตร์ เรียกทุกคนมาประชุม กะว่าจะบอกเรื่องยกธงขาว แต่นึกได้จึงถามไอ้เนียมว่า มันเป็นยังไงชั้นหินที่แกขุดเจอ มันบอกว่าหินก็คือหินนะเฮียมันจะเป็นยังไงละ เออ มันตอบก็ถูกของมัน แต่ มันยังไม่ใช่คำตอบที่เคลียร์ใจ ไป๊ไปที่หลุมกัน เอาเชือกสอดรอก พวกแกดึงไว้เฮียจะลงไป พวกแกหย่อนชะแลงตามลงไปให้ด้วย พอได้ยินทิดจ่อยมันโยนชะแลงลงไปก่อนหน้าที่ผมจะลงไปก้นบ่อ
ผมเอาชะแลงเจาะไปที่หิน มีสะเก็ดลูกรัง มันไม่ใช่หินแกรนิต หินภูเขา เป็นเพียงแผ่นหินลูกรัง คิดว่าถ้าเจาะเป็นช่องกลมๆขนาดถังสีน่าจะได้ แต่อากาศก้นบ่อที่ระดับ 10เมตร ร้อนเหงื่อออกเปียกโชกไปทั้งตัว จึงรีบขึ้นมา ตาแจ้งเสนอหน้าก่อนเพื่อน ผ้มบอกเฮียแล้ว ..เชื่อผ้มไม๊ ..ว่ามันไม่ด๊าย ไม่ด๊าย.. เออ, เชื่อแล้ว แต่เชื่อครึ่งเดียว เอ้าวันนี้หยุดได้ นี่เงินในซองคิดค่าแรงให้แล้ว เอาไป
แต่วันพรุ่งนี้ต้องมาขุดต่อ?!?!?!