เดิมที่เดียวนั้นก่อนหน้าที่แม่ทอนั้นใช้สารฟอกด่างจากตลาดมากไหมสองกิโลกรัมใช้สารฟอกด่างหนึ่งซอง ซึ่งหากเทียบเวลานั้นสารฟอกด่างเหล่านี้ลดต้นทุนเวลาไปมากเพราะไม่ต้องเตรียมสารฟอกด่างและใช้เวลาต้มฟอกน้อยกว่า แต่หากนับแค่ช่วงเวลาสารฟอกย้อมจากเคมีภัณฑ์เหล่านี้นับว่าได้เปรียบ แต่หากมองด้านอื่น ๆ เราอาจจะเห็นความแตกต่าง
ผมเซ้าซี้แม่หลายคราว เมื่อใดที่คิดถึงว่าสารฟอกด่างเหล่านั้นเป็นสารพิษแม่และช่างทอผ้าคนอื่นอาจสูดดม สัมผัสเข้าไป การเซ้าซี้ในช่วงแรกไม่ได้ผลนัก แต่คราวหลังนี้ที่แม่เริ่มเห็นว่าผ้าที่ทอด้วยสารฟอกย้อมแบบธรรมชาติสนองตลาดได้มากกว่า แม่จึงยอมและเราเริ่มการฟอกเส้นไหมด้วยสารฟอกย้อมจากธรรมชาติแต่นั้นมา
สารฟอกไหมแบบพื้นบ้านที่คนเฒ่าคนแก่นิยมใช้กันนั้นเป็นเรื่อง กล้วย ๆ กล้วย ๆ ที่ผมหมายถึงคือต้นกล้วยที่เราปลูกกันนี่เอง แม่นั้นปลูกต้นกล้วยเอาไว้กินในสวนมาก ดังนั้นครัวเราจึงไม่ค่อยขาดกล้วยคือมีไว้กินไว้แจกจ่ายหรือขายบ้างเป็นระยะไม่เคยขาด นอกจากคุณด้านเป็นอาหารส่วนประกอบของต้นกล้วยทุกส่วนนั้นยังสามารถนำมาเป็นสารฟอกไหมได้อีกด้วย
กรรมวิธีที่ได้น้ำด่างจากกล้วยนั้นก็ไม่ยากเย็นอะไรเราสามารถใช้เวลาเท่ากับการเดินไปซื้อด่างเคมีภัณฑ์ที่ตลาดเท่านั้นเองคือใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีเราก็ได้เนื้อด่างมาใช้แล้ว การเตรียมน้ำด่างเริ่มจากการนำส่วนประกอบของกล้วยที่แห้งแล้วมาเผาไฟเอาขี้เถ้า เมื่อได้พอสมควรก็เอาขี้เถ้าละลายน้ำธรรมดาและกรองเอาแต่น้ำใสๆ น้ำที่ได้ก็เป็นน้ำด่างสำหรับฟอกไหมได้แล้ว
ทึ่งครับ....ทึ่ง ดีใจที่ได้พบกันครับ
ผมเคยเห็นเขานำยางกล้วยมาเพ็นท์เสื้อ สีเส้นน้ำตาลอ่อน-แก่ แหมย้อนนึกถึงตอนเด็กเล่นฟันต้นกล้วย โดนพ่อเตือนว่าระวังให้ดี ยางกล้วยติดแล้วซักไม่ออก โคตรเหง้าคุณพ่อเป็นชาวสวนกล้วย ท่านยังบอกบ่อยๆ ว่า ถ้าสีย้อมสมัยใหม่ติดทนเหมือนยางกล้วย คงดีไม่น้อย
ได้เรียนรู้ภูมิปัญญาแบบพื้นบ้านที่มีคุณค่าแต่กำลังจะสูญหายไปส่วนตัวชอบผ้าไทและใช้ผ้าไททุกชนิดและทุกพื้นที่โดยการนุ่งเป็นผ้านุ่งแทนกระโปรงและกางเกงทุกวันค่ะ