ยาสามัญประจำบ้าน มีไว้ใช้ยามไม่สบายเล็กๆ น้อย ๆ ซึ่งสามารถจัดการได้เอง จะได้ไม่เสียเวลาไปพบแพทย์
ที่บ้านผมมีสมาชิกสี่คน
แต่ละคนมีโอกาสเจ็บไข้ได้ป่วยกันเล็กๆ น้อยๆ เช่น เป็นหวัด ท้องเสีย
หรือมีบาดแผล จึงต้องมียาและอุปกรณ์การแพทย์ไว้ติดบ้านหลายรายการ
บางทีก็เผื่อแผ่ไปถึงบ้านข้างๆ และเพื่อนๆ
ของลูกที่โรงเรียนบ้าง
จะลองนับว่าที่บ้านมียาอะไรบ้าง
-
พาราเซตามอล (กระป๋อง 100
เม็ด)
-
คลอเฟนนิรามีน เป็นยาลดน้ำมูก
ลดอาการแพ้(กระป๋อง 100 เม็ด)
- ดรามามีน ยาแก้เมารถ
- ไวตามินรวม
-
ไวตามินซี (กระป๋องใหญ่ 1000 เม็ด) ทาน
500-1,000 มก.
เวลาครั่นเนื้อครั่นตัวจะเป็นไข้ จะช่วยให้ดีขึ้น
และช่วยป้องกันหวัดได้ (นายบอนได้เขียนถึงไวตามินซีเหมือนกัน)
- ยาแก้ปวดและลดการอักเสบในกลุ่ม บรูเฟน
แต่ที่บ้านจะใช้รุ่นใหม่ (ซีลีเบรกซ์ หรือ อาร์คอกเซีย)
-
ยาโรคกระเพาะ ทั้งยาลดกรด (ไซเม็ดธิดีน)
ยาเคลือบกระเพาะ (เวอราเจล) และยาขับลม (แอร์เอ็กซ์)
- อุปกรณ์ทำแผลและยาฆ่าเชื้อ
(โพวิดีน)
- ยาทาแผลร้อนใน ในปาก (คีนาลอค)
-
อุปกรณ์ประคบเย็นและประคบร้อน
(รายละเอียดในบันทึกนี้)
- ยาหม่องและยาทา นีโอติกาบาล์ม
- ยาแก้ปวดท้องจากอาหารเป็นพิษหรือท้องเสีย
(บัสโคแพน)(สำหรับเวลาเดินทางไกล)
นับได้ครบหนึ่งโหลพอดี
ทำไมต้องมียาแก้เมารถ
จริงๆ
ก็มีผมใช้อยู่คนเดียว เพราะเป็นคนเมารถง่าย
สมัยเด็กๆ จำได้ว่าเคยอาเจียนบนรถประจำทาง
สมัยเรียนอยู่กรุงเทพฯ
เคยนั่งรถเมล์ปรับอากาศไปคนเดียว นั่งได้ไม่ถึงครึ่งทางต้องรีบลง
ไปนั่งพักข้างทางก่อน จากนั้นจึงขึ้นรถเมล์ธรรมดา (แอร์ธรรมชาติ) แทน
(อาการเมาจะน้อยกว่า)
เคยไปเชียงรายตอนนั้นนั่งท้ายรถกะบะมีหลังคา
ก่อนขึ้นก็ซื้อโอเลี้ยงไปด้วย
เวลารถขึ้นเขากระติกโอเลี้ยงซึ่งอยู่ข้างหน้าก็กลิ้งมาข้างหลังทำให้ผมต้องจับ(ถือ)ไว้
ต่อมามีอาการเมารถมาก (ก็ยังอุตส่าห์ถือกระติกโอเลียงไว้แน่น)
จนเพื่อนๆ ต้องให้ไปนั่งข้างหน้าจึงค่อยยังชั่ว
ปัจจุบันนี้อาการเมารถก็ยังไม่หาย
ทำให้เวลาไปไหนผมต้องขับรถเอง
เพราะถ้าขับเองจะไม่เมา
แต่ถ้านั่งรถคนอื่นขับจะเริ่มเมาทันที
ท้ายสุดของบันทึกนี้
นายบอน อาจไม่เคยได้ยิน แต่เชื่อว่า
ไร้นาม คงเคยได้ยิน
บทเพลงลูกทุ่งเพลงนี้ “ถึงพี่จะเมาเหล้า
แต่พี่ก็ไม่เมารัก”
(เกี่ยวกับเมารถตรงไหนไม่ทราบ)