วันนี้อยู่เวร แล้วคนไข้ก็ไม่ค่อยยุ่ง เป็นโอกาสที่ดีครับ จึงขอทำการบ้านคุณพ่อครูผ่านบันทึกนี้เลยแบบสดๆครับ
เจ้าเป็นไผ มาจากไส..
ผมเกิดในครอบครับชาวนาที่ยากจน แต่ก็อบอุ่น อยู่ท่ามกลางธรรมชาติท้องทุ่งของอีสานใต้ครับ หมู่บ้านที่ผมอยู่ตอนเด็กมีพัฒนาการของความเจริญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลา ตั้งแต่ถนนเป็นทางเกวียน มีป่าใกล้ๆหมู่บ้าน ไม่มีไฟฟ้าใช้(จนผม10ขวบจึงมี)
เกี่ยวกับการเกิดมาของผม แม่บอกว่ายังไม่ทันตั้งใจจะมี ทั้องทั้งที่กินยาคุมอยู่(บอกได้ว่าดื้อตั้งแต่เริ่มแรก^_^) แต่คนจะเกิดคงห้ามกันไม่ได้แล้วละงานนนี้ครับ..
วัยเด็กเล็กผมจำอะไรได้บ้าง
- แม่บอกว่าก็เหมือนน้องสบายตอนนี้ครับ...
- ผมเคยป่วยหนักครั้งหนึ่งต้องไปนอนที่โรงพยาบาลสุรินทร์ พ่อบอกว่าต้องพาเดินผ่านทุ่ง ตอนกลางคืนไปขึ้นรถไฟที่สถานีศีขรภูมิ ตอนนี้ที่ทำให้รู้จักโรงพยาบาลและหมอครั้งแรก..
- เป็นลูกแม่และลูกพ่อที่ติดพ่อแม่มาก ไปไหนอยากไปด้วย ไม่ว่าไปนา ไปทำงาน หรือไปงานวัด งานบุญต่างๆ แต่ที่ติดตา ติดใจคือ ตามพ่อไปดูมวย..ตามงานต่างๆ จะขี่จักรยานซ้อนท้ายพ่อ ไปกับเพื่อนๆของพ่อ ไกลแค่ไหนก็ไป แล้วขี่คอพ่อดูมวย อีกอย่างคือไปลงแขกเกี่ยวข้าว ดำนา หรือหว่านปลาที่ต่างๆ ชอบมากๆครับ
การหาอาหารพวกพืช เช่นเก็บเห็ดในป่า หรือทุ่งนา การเก็บผักผลไม้ตามป่า หรือรั้วบ้าน การหาดอกกระเจียว ปีนต้นไม้เก็บดอกสะเดา มากิน มาขาย ปีนต้นมะพร้าว ต้นหมากให้แม่
สรุปง่ายๆ ก็คือ จบหลักสูตรชีวิตการเป็นชาวนาแล้ว
- ไม่ได้เรียนอนุบาลที่ไหน(มัวแต่เรียนวิชาชีวิตลูกชาวนา) เข้าเรียนตอน 6 ขวบเลยที่ชั้น ป.1 พอจบปีนั้นคุณครูใหญ่(ครูอภินันท์) ซึ่งสอนผมครั้งแรกและท่านสอนสนุกมาก
ท่านไม่อยากให้เลื่อนชั้นเพราะว่าอายุไม่ถึงเกณฑ์(ป.1 ต้อง7 ขวบ ) เลยต้องซ้ำแบบไม่ตั้งใจ ป.1--ป.6 ไม่รู้ว่าเรียนเก่งไม่เก่งครับ แต่ไม่เคยได้ที่ 1 มีแต่2กับ3 เกรดก็ 3กับ 4
- จบป.6 ไม่เคยคิดจะเรียนต่อม.1เลย (เพราะรู้ว่าพ่อแม่คงไม่มีปัญญาส่งไปเรียนโรงเรียนมัธยมที่อำเภอ) จน เดือนสุดท้ายเพื่อนๆเขาบอกว่าจะไปสมัครเรียนโรงเรียนที่ขยายโอกาสที่มาเปิดใหม่ ห่างออกไป 10 กิโลเมตร ปั่น จยย. ไปเรียนได้
ชีวิตมัธยมต้นมีคุณค่าที่สุดช่วงหนึ่งครับ เพราะได้เรียนรู้ ทำกิจกรรม(เป็นรองประธานนักเรียน) ปรับปรุงตัวเองในด้านต่างๆ โดยเฉพาะ ฐานคิดเกี่ยวกับชีวิตและอนาคต พัฒนาการช่วงวัยรุ่น ความขัดแย้งกับแม่ หลักคิดเรื่องดีไม่ดี
แต่พอไกล้จบก็เอะ!! เริ่มคิดแล้วเพราะว่าเพื่อนๆที่สนิทเขาเรียนต่อกันหมดเลย ลองเจรจากับท่านแม่อีกรอบตอนนี้(แม่คือผู้ตัดสินทุกอย่างในบ้านครับ เป็นผู้จัดการ) ก็อีกนั่นแหละ ไม่ผ่านครับ
ก็ท่านเล่นตั้งท่าจะให้ผมซึ่งเป็นลูกชายที่รัก มีทางเลือกให้สองทางคือไปรับจ้างที่กรุงเทพ กับมาทำนาช่วยได้แล้ว แถมคำๆหนึ่งที่ชอบพูดย้ำๆว่า ครอบครัว หรือตระกูลเรา ไม่เคยมีใครเป็นเจ้าคนนายคนดอกบักหำ เจ้าเรียนไปก็เท่านั้น เห็นคนอื่นที่ไปเรียนก็ไม่เห็นได้ทำอะไร กลับมาทำนาเหมือนเดิม
ในใจก็เถียงแม่อีกละ (ข่อยสิเฮ็ดให้เบิ่งให้ได้ คอยเบิ่งเถอะ) ใช้แผนเดิมครับ คือแอบไปสมัครสอบเข้าโรงเรียนมัธยม ม.ปลายสายวิทย์ที่โรงเรียนประจำจังหวัด(ชาย)
-ขอโทษครับ ชักจะยาว ขอต่อ ตอนต่อไปนะครับ
ปล.สิ่งที่เล่าอาจจะมีแต่ด้านบวก ด้านลบก็มีนะครับ แต่ค่อยๆเรียนรู้กันนะครับ ตอนนี้ก็พยามฝึกละวางสิ่งไม่ดีเสมอๆครับ
- เรียนรู้ชีวิตลูกชาวนา ...ตั้งแต่เด็กผมก็ถูกพ่อสอนเกี่ยวกับทักษะชีวิตที่จำเป็นเกี่ยวกับการเป็นคนบ้านนอก เป็นลูกชาวนา ผ่านการเรียนรู้แบบเห็น และทำจริง เช่น การเลี้ยงควาย การเลี้ยงเป็ดไก่ เลี้ยงหมู การทำนาตั้งแต่การปั้นกะแทนา(คันนา) การไถ หว่านกล้า ถอนกล้า ดำนา หว่านปุ๋ย เกี่ยวข้าว การมัด แบกข้าว และการตีข้าว การเก็บฟางไว้
การหาอาหารรูปแบบต่างๆ เช่น หาปลาโดยใส่เบ็ด ขุดหลุมดัก หว่านด้วยแห หรือการจับโดยตรงตอนน้ำหลาก ส่องกบหรือใส่ลอบหรือจับเขียด การไล่ตีตั๊กแตน การล่ากะปอม การขุดหาปู กบหรืองู การขุดหาหนูตามทุ่งนา การทำกับดักนกคุ้ม
การทำหลุมปลา การดักลันปลาไหล การดักแย้ ฯลฯ
แต่ผมแอบแม่ไปสอบโดยหนีไปทางหน้าต่าง
ไม่ได้ขโมยเงินแม่
สะสมมาเองจากการขายของที่ท่ารถ
แต่ผมเรียนไม่เก่งนะ
อาศัยเป็นนักเรียนทุนจากมัธยมศึกษาจนถึงปริญญาเอก
อิอิอิ
มาให้กำลังใจน้องหมอครับ
เอ..สงสัยเราต้องมาทำนาแข่งกันซะแล้ว น้องหมอ อิ อิ
พี่จำได้เหมือนกันที่ต้องตื่นตี 4 แบกไถไปทำนากับพ่อ ตายังหลับอยู่เลย แต่ตีนก็เดินตามหลังพ่อไปสว่างที่นาแล้วไถไปจนเกือบแปดโมง แม่จึงหาบข้าวมา กินแล้วก็วิ่งไปอาบน้ำไปโรงเรียน อิ อิ
ตอบไม่ครบครับ
ยังมีอีก ๓ ข้อครับ
จะทำอะไร
จะไปไหน
ทำไมต้องเฮฮา ครับ
สวัสดีครับ