สำหรับผู้มีทุกข์


ทุกข์นั้นไม่มีใครเป็นเจ้าของ มันเป็นของมันเอง..มันไม่ใช่ตัวเรา..

บันทึกนี้ได้แสงสว่างทางปัญญาจากธรรมเทศนาของหลวงปู่ชา สุภฺทโท (พระโพธิญาณเถระ) จากธรรมเทศนาเรื่อง"ฝึกดูจิต"


เมื่อมีอุปสรรคทุกครั้ง เราจะมีความอดทนทุกครั้ง

เมื่อมีอุปสรรคทุกครั้ง เราจะมีปัญญาทุกครั้ง

เมื่อเราทำประโยชน์ ถึงจะยาก ลำบาก ก็ไม่กลัว เพราะเราสร้างประโยชน์ที่ดี มีเจตนาดี

แม้ว่าทุกข์ทางกาย ใจก็ยังเป็นสุข


พระพุทธเจ้า ก็ฝ่าฟันอุปสรรคตลอดเวลา

ถ้าไม่มีอุปสรรค ก็ไม่มีกำลังใจ ก็ไม่มีการปฏิบัติธรรม

เมื่อทุกข์ตรงไหน ก็พิจารณาตรงนั้น

ทุกข์นี้ พระพุทธเจ้าท่านสรรเสริญเหลือเกิน

พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า...

ทุกข์นี้เป็นสัจธรรม

เมื่อเกิดทุกข์เมื่อใด มีปัญญาเมื่อนั้น

เช่นท่านรบกับพญามาร นี่เป็นอุปสรรค ขัดขวางไว้

ท่านชนะทุกที ....  ทำไมจึงชนะทุกที .... ก็ท่านได้ปฏิบัติ จึงชนะทุกที .... ท่านก็มีปัญญา..


มีทุกข์ อย่ายึดไว้ ให้รู้เหนือสิ่งเหล่านั้น ให้มีสัมมาทิฏฐิ ... เกิดสัมมาทิฏฐิ..เห็นชอบ..รู้ชอบ..

ให้รู้ว่าสมมติินั้นไม่ใช่วิมุติ

วันนี้มีทุกข์กาย...ปวดท้อง...ปวดหัว...ปวดขา..

วันนี้มีทุกข์ใจ..ลูกน้องทำงานไม่ได้เรื่อง...เจ้านายรังแก...ทำงานไม่เสร็จ...สูญเสียของรัก/คนรัก...

ทุกข์ทั้งหลายนี้...จะหายไปตามเวลา... จะไม่มีอะไรคงทนถาวร แม้กระทั่งทุกข์ ... จนบางครั้งจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยทุกข์เช่นนั้นเช่นนี้..

ทุกข์นั้นไม่มีใครเป็นเจ้าของ มันเป็นของมันเอง..มันไม่ใช่ตัวเรา

มันจะเป็นทุกข์ของเราก็ต่อเมื่อเราไปยึดมาเป็นของเราเท่านั้น

ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่เป็นทุกข์ทุกท่าน 

ีีทุกข์ --> มีีปัญญา

หมายเลขบันทึก: 180967เขียนเมื่อ 7 พฤษภาคม 2008 04:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน 2012 13:24 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (41)

สวัสดีค่ะอาจารย์ตุ๋ย

  • ครูอ้อย มารับธรรมแต่เช้าเลยค่ะ
  • อ่านแล้วสบายใจค่ะ
  • ขอบพระคุณมากค่ะ รักษาสุขภาพนะคะ

คิดถึงเสมอค่ะ

ได้คติดีมาก กำลังจะเผชิญความทุกข์ในวันนี้

ทำให้ได้คติในชีวิตดีค่ะ

ทุกอย่างเป็นเรื่องสมมุติ ไม่ควรยึดติด อะไรจะเกิด ก็ให้เกิด ทุกอย่างน่าจะผ่านพ้นไปได้ ใช่ไหมคะ

สวัสดีค่ะครูอ้อย

ตื่นเช้าดีจังเลยค่ะ ^ ^

หลวงปู่ท่านมรณภาพไปนานแล้วก็ยังฝากธรรมะไว้ให้ลูกหลานอย่่างเราได้เรียนรู้ ได้ฝึกหัดกันเสมอเลยนะคะ

ท่านสอนไว้ดีมากเลยค่ะ สอนให้"เห็น"ทุกข์ รู้ว่าทุกข์ไม่ใช่เรา

อยู่ที่นี่เห็นทุกข์ที่เกิดพอสมควร ทั้งกายและใจ ตามปกติของมนุษย์ แต่ถ้าไม่ไปยึดเอาไว้ แก้ปัญหาแบบไม่ยึดติด...สบายยยย ค่ะ ^ ^

มีทุกข์ มีปัญญา หลวงปู่ท่านว่าไว้ค่ะ

สวัสดีค่ะคุณอุบล

เป็นอีกคนหนึ่งที่ตื่นเช้านะคะ ^ ^

ถ้ารู้อยู่แล้วว่าจะต้องเจอทุกข์ประเภทใดในวันนี้ ก็ยิ่งง่ายต่อการ"ดู"ทุกข์ค่ะ

บางครั้งจะเห็นได้ชัดเจนว่าเราไปนึกไปคิด(สมมติ)สถานการณ์ไว้หลายอย่าง จนทำให้เกิดทุกข์ทางใจขึ้นมาได้..เช่น กังวลไปก่อน แต่เราคิดวางแผนการทำงานป้องกันปัญหาต่างๆ ได้นะคะ แต่ให้รู้ว่าถึงไม่เป็นตามแผน..ก็ไม่เป็นไร..มันเป็นธรรมดา แต่อะไรที่เกิดไปแล้วก็ปล่อยเกิด (มันห้ามไม่ได้แล้ว ^ ^) ทำหน้าที่ของเราตามที่ควรจะเป็น และรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นตั้งอยู่ได้ไม่นาน ก็จะต้องจบลง.. ปล่อยวาง..ก็ไม่เป็นทุกข์..แต่กลับได้สังเกตุสิ่งที่เกิดขึ้น..ไม่ว่าจะเป็นกับตัวเราหรือผู้อื่นค่ะ

เป็นผู้ดู ผู้สังเกตุ สบายกว่า"เป็น"ทุกข์เยอะเลยค่ะ รับรอง ^ ^

สวัสดีค่ะ ผอ.ประจักษ์

คุณครูตื่นเช้ากันหมดเลย ^ ^

อรุณสวัสดิ์เช่นกัน ขอให้เป็นวันที่ได้"ดู"ทุกข์/สุขนะคะ

P

กมลวัลย์


  • รู้แยกสมมติิ ออกจากวิมุติ

สำนวนนี้ น่าสนใจ อาตมายังจินตนาการไม่ได้ว่า จะขยายความอย่างไร...

สมมติ แปลว่า รู้พร้อมกัน คือรู้ว่าอะไรเป็นอะไร  เช่น นั่นคือเก้าอี้ นี้น้าชาย  โน้นธงชาติ...

วิมุติ แปลว่า หลุดพ้น คือพ้นจากกิเลสเครื่องร้อยรัดจิตใจ...

แยกสมมติออกจากวิมุติ ? .... ต้องไปถามอาจารย์ชาอีกครั้ง (...........)

มิได้คัดค้านหรือยืนยันว่าผิดหรือถูก... แต่สำนวนนี้ ไม่เคยเห็น ไม่เคยฟังมาก่อน...

เจริญพร 

กราบนมัสการหลวงพี่มหาชัยวุธ

แหะๆ ต้องบอกว่าตอนฟัง เข้าใจประโยคแยกสมมติออกจากวิมุติดีเลยค่ะ คงเป็นเพราะไม่รู้ความหมายของวิมุติดีเท่าไหร่ ^ ^

ตัวเองเข้าใจว่าให้แยกให้รู้ว่าเรื่องไหนคือเรื่องจริง เรื่องไหนคือเรื่องสมมติ(คือเราไปยึดเรียกสิ่งนั้นสิ่งนี้ ว่าโน่น ว่านี่ ว่าของฉัน ของเธอ) อะไรทำนองนี้น่ะค่ะ

สงสัยเดี๋ยวจะไปฟังใหม่ ว่าหูตัวเองฟังมาไม่ดี..เป็นไปได้ว่าเขียนมาไม่ครบค่ะ ^ ^

สวัสดีค่ะอ.ตุ๋ย

ทีแรกว่าจะถามน้องตุ๋ยเหมือนกันว่า วิมุติคืออะไร พอดีหลวงพี่มหาชัยวุธมาเฉลยค่ะ

พยายามปล่อยวางค่ะ...

ขอบคุณค่ะ

เราทุกข์เพราะใจ จริงด้วยค่ะ อยากวางมันลง หรือโยนมันท้ง แต่ทุกสรรพสิ่งยังต้องพบเจอ จะพยายามค่ะ ขอบคุณค่ะ

การยึดติดทำให้เกิดทุกข์ ถ้าไม่ยึดติดก็ไม่เกิดทุกข์ ปล่อยวางเถิด

ผม..เข้าใจว่าสรรพสิ่งทั้งหลายเป็นสิ่งที่เราสมมติขึ้นเป็นตัวตน..เช่น คน..เราสมมติว่าเป็นคนที่แท้...ไม่ใช่..เป็นเพียงธาตุต่างๆมารวมกัน..เราตั้งชื่อนั้น..ชื่อนี้..ก็ยิ่งเป็นสมมติขึ้น...ส่วนวิมุติ คือหลุดพ้น จากกิเลสอย่างที่ท่านมหาให้ความหมายไว้

ดังนั้นอาจจะหมายถึงรู้จักแยกการยึดมั่นตัวตน กับความหลุดพ้น อัตตา กับอนัตตา อะไรทำนองนี้กระมัง...ผมไม่เก่งเรื่องสมาธิวิปัสสนา พูดไม่ค่อยถูกครับ

ทุกข์กายพอทนได้

ทุกข์ใจเพราะคนที่เรารักกล่าวคำให้ช้ำใจยิ่งทุกข์หนัก

ใช้วิกฤติเป็นโอกาส ยามใดทุกข์กายทุกข์ใจแล้วให้หยิบยกขึ้นมาพิจารณาความทุกข์ เหตุแห่งทุกข์

แล้วอุเบกขาเสียบ้าง เพราะอีกไม่นานก็ตายจากกันแล้ว

กราบนมัสการหลวงพี่มหาชัยวุธ (อีกครั้ง)

จัดการกลับไปฟังเทปใหม่ แล้วก็แก้ไขเป็นดังแสดงในบันทึกแล้วค่ะ ตัวเองสรุปผิดจริงๆ ค่ะ ^ ^

หลวงปู่ท่านว่าให้รู้ว่าสิ่งใดคือสมมติ และให้รู้ว่าสิ่งนั้นไม่ใช่วิมุติ(ทางหลุดพ้น)จริงๆ ด้วยค่ะ

ขออภัยในข้อผิดพลาดด้วยค่ะ ความรู้ทางบาลีน้อยมากๆ เลยค่ะ

กราบขอบพระคุณที่ช่วยอ่านและให้ข้อแนะนำมาโดยตลอดนะคะ

สวัสดีค่ะพี่อุ๊

โชคดีได้หลวงพี่ท่านช่วยดูให้ค่ะ เราเองก็แย่ ไม่ได้ค้นเพิ่มเติม ฟังแล้วก็เข้าใจตามความรู้เดิมที่มีเท่านั้น แต่สาระก็ยังไม่เปลี่ยนเท่าไหร่ค่ะ ^ ^

อ้อ..ในเทปหลวงปู่บอกว่า เราไม่จำเป็นต้องละทิ้งของสมมติทั้งหมดนะคะ แต่ให้รู้ว่านั่นคือสมมติ มีได้มาแล้วก็หมดไปได้ รู้จักใช้ให้เป็นค่ะ เป็นลักษณะของการปล่อยวางอย่างที่พี่อุ๊บอกค่ะ ^ ^

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะคะ

สวัสดีค่ะคุณครูเอ

จริงอย่างที่คุณครูเอว่าไว้เลยนะคะ มีทุกข์แล้ว ถ้าเราวางมันทิ้งไปบ้าง ก็จะสบายใจขึ้นค่ะ

การมีทุกข์เป็นเรื่องปกติค่ะ แต่ถ้ามีทุกข์แล้วเกิดปัญญาเพราะเรารู้ว่าทุกข์นั้นไม่เที่ยง รู้จักใช้สมมติและไม่ยึดไว้ จะสบายใจค่ะ ^ ^ ทุกวันนี้ก็พยายามตามให้เห็นเรื่องราวต่างๆ ประจำวันตลอด เห็นแล้วทำความเข้าใจ..สบายใจค่ะ ^ ^

ขอบคุณที่แวะมา ลปรร นะคะ

"..วันนี้มีทุกข์ใจ..ลูกน้องทำงานไม่ได้เรื่อง...เจ้านายรังแก...ทำงานไม่เสร็จ...สูญเสียของรัก/คนรัก...

ทุกข์ทั้งหลายนี้...จะหายไปตามเวลา... จะไม่มีอะไรคงทนถาวร แม้กระทั่งทุกข์ ... จนบางครั้งจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยทุกข์เช่นนั้นเช่นนี้.."

ขอบพระคุณค่ะ อาจารย์เป็นกัลยาณมิตรจริงๆ

คิดถึงมากนะคะ

สวัสดีค่ะคุณ aonjung

เห็นด้วยค่ะ "การยึดติดทำให้เกิดทุกข์ ถ้าไม่ยึดติดก็ไม่เกิดทุกข์ ปล่อยวางเถิด"

ขอบคุณที่แวะมา ลปรร นะคะ

สวัสดีค่ะ อ.พิสูจน์

แก้ไขบันทึกไปเรียบร้อยแล้วค่ะ ความผิดของตัวเองที่ไม่ค่อยรู้ความหมายของวิมุติ ก็เลยเขียนประโยคที่อ่านแล้วสื่อไม่ถูกต้องตามคำศัพท์ไปค่ะ ^ ^ แต่ดีที่ทำให้ได้กลับไปฟังเทปธรรมะใหม่อีกรอบค่ะ

ขอบคุณอาจารย์ที่แวะมา ลปรร เสมอนะคะ

สวัสดีค่ะคุณร่มไม้ใหญ่ใกล้ทาง

เห็นด้วยเลยค่ะ อย่างที่สมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบันท่านใช้ชื่อหนังสือว่า "ชีวิตนี้น้อยนัก" ไว้นะคะ มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ค่ะ เวลามีไม่มาก..ถ้ายังมัวไปยึดกับทุกข์ที่ไม่เที่ยงอยู่ก็คงจะไม่ดีแน่ๆ ค่ะ

ขอบคุณที่แวะมา ลปรร นะคะ

สวัสดีค่ะคุณหนิง ^ ^

ตอนเขียนเรื่องนี้ไม่ได้เจาะกลุ่มผู้ชมใดๆ้ เลยค่ะ อิอิ แค่ทุกคนเอง ฮา...

มีทุกข์เป็นเรื่องปกติ ทำงานไม่ทันก็ปกติ (ตัวเองก็เป็นอยู่ค่ะ ฮา..) เพียงแต่ไม่ไปจับมันให้เป็นทุกข์ ถึงเวลาก็ทำไป..เต็มที่..แล้วก็ แค่ไหนแค่นั้นค่ะ อิอิ

บางช่วงเวลามีเรื่องเข้ามาเยอะๆ ก็เคยรวนไปบ้างเหมือนกันค่ะ เพราะ multi-tasking แล้วเหนื่อย..สมองไม่ค่อยทำงานค่ะ..

สู้ๆ เป็นกำลังใจค่ะ ^ ^ (บอกตัวเองให้ไปทำงานได้แล้วไปในตัว อิอิ)

สวัสดีค่ะอาจารย์

พี่โชคดีนิดหน่อย ที่เป็นคนไม่ยึดติดโยธรรมชาติ เลยไม่ค่อยทุกข์มาก เป็นบ้าง ตอนเผลอสติ  แต่พอได้คิด ก็จะรู้สึกดีขึ้น ก็พยายามฝึกตัวเองค่ะ

แต่ได้บันทึกนี้มาช่วยให้คิดได้ขึ้นมาอีกนะคะ ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะคุณพี่ศศินันท์

การไม่เป็นคนยึดติดกับอะไรถึือเป็นบุญมากเลยนะคะ สะสมบุญด้วยการให้แบบที่คุณพี่ทำ เพิ่มขึ้นไปอีก ยิ่งดีใหญ่เลยค่ะ

บางครั้งตัวเองก็มีเผลอ ขาดสติไปเช่นเดียวกันค่ะ แต่ทุกครั้ง(ถ้ารู้ตัว ทัน หรือรู้ภายหลัง) ก็จะพยายามนำกลับมาทบทวนหาธรรมะที่เกิดจากเรื่องต่างๆ ในแต่ละวันค่ะ

ตัวเองก็น้อมใจกราบหลวงปู่ชาที่ท่านช่วยมาสั่งสอน แม้ท่านจะล่วงลับไปแล้วค่ะ

ขอบคุณคุณพี่ที่มาเยี่ยมเยียน ลปรร เสมอนะคะ ^ ^

มีคนบอกว่าคนที่มีทุกข์มักเอาความทุกข์ไปทิ้งที่วัด

 

พี่บอกว่าพี่ไม่เคยเอาความทุกข์ไปทิ้งที่วัด  เพราะไปวัดไปด้วยความสุขใจ ความสุขที่เกิดจากความตั้งใจไป และความสุขที่ได้รับการสั่งสอน คำเทศน์จากครูบาอาจารย์

 

พอมีเวลา มีสติ กลับมาคิดอีกครั้งว่า "เราเอาทุกข์ไปทิ้งที่วัดจริงหรือ" 

??????

สิ่งใดคือสมมติ และให้รู้ว่าสิ่งนั้นไม่ใช่วิมุติ(ทางหลุดพ้น)

แหะๆ เราไม่เคยเอาทุกข์ไปทิ้งที่วัดเลยอ่ะ (ไม่ค่อยเข้าวัดไง อิอิ)

ไปวัดทีไร งานหลักคืองานศพทุกที ^ ^

เน้นไปวัดทางใจ ใจสบายอยู่ที่วัดหรือที่ไหนก็เป็นสุข ก็เลยเน้นอยู่แถวๆ เตียงที่บ้านนี่แหละ ฮา...

ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีความสงบมากๆ ใจสบาย กายทุกข์บ้างก็ช่างมัน

^ ^

สวัสดีครับ อาจารย์ กมลวัลย์ :)

"... ทุกข์นี้เป็นสัจธรรม ..."

วลีนี้ทำให้ผมรู้สึกนิ่งขึ้นครับ

เวลาที่ผมสิ่งใดดูไม่ยุติธรรม ผมมักจะร้อนรน

อยากตอบโต้ทันที หรือถึงแม้ผมจะใคร่ครวญหลายรอบ

เพื่อจะตอบโต้กลับไปนั้น ระหว่างนั้น ผมก็ร้อนรนอยู่ดี

จิต ไม่ นิ่ง เลย

 

รบกันไหมครับอาจารย์ เพราะผมคือพญามาร ที่ชื่อ วสวัตดีมาร ไงครับ อิ อิ อา ล้อเล่น ครับ :)

สวัสดีค่ะอ.วสวัตฯ

ทุกข์เป็นสัจธรรมจริงๆ หนีไม่พ้น

ทุกขฺ คือสิ่งที่เราได้ยินเสมอเวลาพูดถึงไตรลักษณ์

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ตอนแรกก็ได้แต่ท่อง..แต่จำ..ตอนหลังถึงได้เข้าใจเกิดปัญญาขึ้นบ้าง โดยเฉพาะเรื่องทุกข์

เราสามารถอยู่ได้โดยไม่กระพริบตาเลยได้ไหม..ไม่ได้

เราสามารถนั่ง/นอนโดยไม่ขยับตัวเลยได้ไหม..ไม่ได้

เราไม่นอนเลยได้ไหม...ไม่ได้

เรารักใครตลอดเวลาทุกลมหายใจได้ไหม...ไม่ได้

เราเกลียดใครตลอดเวลา ทุกลมหายใจได้ไหม..ไม่ได้

เราไม่คิดเลย ทำสมองว่างตลอดเวลาได้ไหม..ไม่ได้

พระท่านถึงบอกว่าเกิดมาก็มี ทุกขัง ทันที หนีไม่พ้น..มันเป็นธรรมชาติ ทุกข์เป็นสัจธรรม..

ท่านถึงให้รู้ว่ามีทุกข์แน่นอน ยอมรับเสีย แล้วขึ้นอยู่กับว่าจะจัดการปลดทุกข์นั้นออกได้อย่างไรก็ว่ากันไป ปลดทางกายโดยการขยับตัวหรือหยุดบ้าง ปลดทางใจโดยการละวางหรือพินิจพิจารณาบ้าง..

อาการร้อนรนที่อาจารย์เป็น คิดว่าทุกคนก็เป็นค่ะ เพียงแต่ร้อนรนแล้ว จะร้อนไปตามอารมณ์ หรือจะดูให้เห็นว่าทำไมร้อนรน ร้อนรนเพื่ออะไร ช่วยอะไรไหมที่ร้อนรน...ตอนแรกๆ ที่หัดปฏิบัติ จะดูตามอารมณ์ได้ไม่ค่อยทัน ทำให้ร้อนตามอารมณ์ไปด้วย สุขก็สุขมาก ทุกข์ก็ทุกข์มาก..(ตอนเป็นผู้บริหารเป็นหนักมาก..เล่นเอาเครียด)

ตอนหลังเจริญสติ เป็นผู้"ดู"มากขึ้น เมื่อร้อนรน ก็หยุด"ดู"อารมณ์ตัวเอง... พอเห็นทัน มันก็เข้าวงจรพิจารณา..พอกำลังพิจารณาความร้อนรน..ความร้อนรนก็ดับลง..

เป็นอย่างนี้กับทุกอารมณ์ที่เกิดขึ้น.. หลังๆ ก็เลย..สบายค่ะ ^ ^

ขอบพระคุณท่านผอ.ประจักษ์ค่ะ

วันนี้เป็นวันหนึ่งที่ตั้งใจปฏิบัิติเป็นพิเศษ พยายามสังเกตจิตอย่างละเอียด ให้สมกับวันที่เป็นวันมงคลยิ่งค่ะ ^ ^

  • หมอเจ๊แวะมาบอกว่า...โก๊ะจริงๆที่ทักทายผิดคนค่ะอาจารย์ค่ะ
  • ยินดีที่แวะไปเยีย่มอ่านบันทึกของหมอเจ๊ค่ะ

ขอบคุณครับ อาจารย์ ... ผมว่า ผมสามารถพิจารณาได้แล้วครับ แต่ลดอารมณ์นี่ ต้องค่อย ๆ ครับ :)

สวัสดีค่ะคุณหมอเจ๊

ทักผิดไม่มีปัญหาหรอกค่ะ คนในงานเยอะมาก แล้วตัวเองก็ไม่ได้ลงรูปไว้ด้วย ใส่แต่ดอกไม้ไว้ คงไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ^ ^

ตามอ่านบันทึกชาวเฮฮาศาสตร์มาเรื่อยๆ และเริ่มอ่านของคุณหมอตั้งแต่งานที่ภูเก็ตค่ะ ^ ^

ยินดีต้อนรับที่บันทึกเช่นกันนะคะ

สวัสดีค่ะ อ.วสวัตฯ

ยินดีด้วยค่ะพี่พิจารณาได้ทัน พอเคยพิจารณาได้ทันแล้ว จะเริ่มทันมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้ง ตอนแรกอาจต้องตั้งใจพิจารณามากๆ หลังๆ จะเกิดเป็นอัตโนมัตค่ะ มันจะเห็นเองว่าอารมณ์กำลังจะขึ้นหรือลงหรือไม่ แล้วอารมณ์ก็ลดลงเองค่ะ ^ ^

ขอบคุณอาจารย์ที่เข้ามา ลป ประสบการณ์นะคะ

อ่านแล้ว พิจารณาตามก็ทำให้คลายทุกข์ได้บ้างค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีค่ะคุณพี่

อนุโมทนาผลคุณงามความดีให้หลวงปู่ค่ะ

สาธุค่ะ

ตัวเองก็ต้องพยายามเตือนตัวเองบ่อยๆ เหมือนกัน แต่ตอนหลังดีหน่อย..การเตือนลดลง เป็นไปด้วยตัวเองมากขึ้นค่ะ

"มันจะเป็นทุกข์ของเราก็ต่อเมื่อเราไปยึดมาเป็นของเราเท่านั้น" ^ ^

มันจะเป็นทุกข์ของเราก็ต่อเมื่อเราไปยึดมาเป็นของเราเท่านั้น

***************************************

ยึดไปยึดมา "ติด" เราหนุบหนับเลยด้วยสิคะ..เห้อ

ขอบคุณที่เขียนข้อเขียนดี ๆ ค่ะ

สวัสดีค่ะคุณหมอจริยา

ยึดแล้วปล่อยได้ค่ะ ไม่ติดหนุบหนับหรอกค่ะ ^ ^ ส่วนใหญ่จะไม่รู้ตัวว่ากำลังยึดอยู่ ถ้ารู้แล้วจะปล่อยได้ เพราะจะเห็นเลยว่าหนักจริงถ้ายังถือ/ยึดไว้อยู่

ขอบคุณที่แวะมา ลปรร นะคะ ^ ^

  • แวะมาขอบพระคุณค่ะ
  • ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ดอกไม้(พยายาม)บาน

สวัสดีค่ะคุณดอกไม้น้อย

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียนนะคะ ^ ^

เจริญพร คุณโยมกมลวัลย์

  • ทุกข์กาย คือ ทุกข์ประจำตัวได้แก่ ปวดหัว ปวดเมื่อย เป็นต้น
  • ทุกข์ใจ คือ ทุกข์จรที่เข้ามาเป็นครั้งคราวได้แก่ คับแค้นใจ พลัดพรากจากคนรัก ของรัก เป็นต้น

เจริญพร

กราบนมัสการพระคุณเจ้า

สาูธุเจ้าค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท