สวัสดีค่ะอาจารย์ตุ๋ย
คิดถึงเสมอค่ะ
ได้คติดีมาก กำลังจะเผชิญความทุกข์ในวันนี้
ทำให้ได้คติในชีวิตดีค่ะ
ทุกอย่างเป็นเรื่องสมมุติ ไม่ควรยึดติด อะไรจะเกิด ก็ให้เกิด ทุกอย่างน่าจะผ่านพ้นไปได้ ใช่ไหมคะ
สวัสดีค่ะครูอ้อย
ตื่นเช้าดีจังเลยค่ะ ^ ^
หลวงปู่ท่านมรณภาพไปนานแล้วก็ยังฝากธรรมะไว้ให้ลูกหลานอย่่างเราได้เรียนรู้ ได้ฝึกหัดกันเสมอเลยนะคะ
ท่านสอนไว้ดีมากเลยค่ะ สอนให้"เห็น"ทุกข์ รู้ว่าทุกข์ไม่ใช่เรา
อยู่ที่นี่เห็นทุกข์ที่เกิดพอสมควร ทั้งกายและใจ ตามปกติของมนุษย์ แต่ถ้าไม่ไปยึดเอาไว้ แก้ปัญหาแบบไม่ยึดติด...สบายยยย ค่ะ ^ ^
มีทุกข์ มีปัญญา หลวงปู่ท่านว่าไว้ค่ะ
สวัสดีค่ะคุณอุบล
เป็นอีกคนหนึ่งที่ตื่นเช้านะคะ ^ ^
ถ้ารู้อยู่แล้วว่าจะต้องเจอทุกข์ประเภทใดในวันนี้ ก็ยิ่งง่ายต่อการ"ดู"ทุกข์ค่ะ
บางครั้งจะเห็นได้ชัดเจนว่าเราไปนึกไปคิด(สมมติ)สถานการณ์ไว้หลายอย่าง จนทำให้เกิดทุกข์ทางใจขึ้นมาได้..เช่น กังวลไปก่อน แต่เราคิดวางแผนการทำงานป้องกันปัญหาต่างๆ ได้นะคะ แต่ให้รู้ว่าถึงไม่เป็นตามแผน..ก็ไม่เป็นไร..มันเป็นธรรมดา แต่อะไรที่เกิดไปแล้วก็ปล่อยเกิด (มันห้ามไม่ได้แล้ว ^ ^) ทำหน้าที่ของเราตามที่ควรจะเป็น และรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นตั้งอยู่ได้ไม่นาน ก็จะต้องจบลง.. ปล่อยวาง..ก็ไม่เป็นทุกข์..แต่กลับได้สังเกตุสิ่งที่เกิดขึ้น..ไม่ว่าจะเป็นกับตัวเราหรือผู้อื่นค่ะ
เป็นผู้ดู ผู้สังเกตุ สบายกว่า"เป็น"ทุกข์เยอะเลยค่ะ รับรอง ^ ^
สวัสดีค่ะ ผอ.ประจักษ์
คุณครูตื่นเช้ากันหมดเลย ^ ^
อรุณสวัสดิ์เช่นกัน ขอให้เป็นวันที่ได้"ดู"ทุกข์/สุขนะคะ
สำนวนนี้ น่าสนใจ อาตมายังจินตนาการไม่ได้ว่า จะขยายความอย่างไร...
สมมติ แปลว่า รู้พร้อมกัน คือรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เช่น นั่นคือเก้าอี้ นี้น้าชาย โน้นธงชาติ...
วิมุติ แปลว่า หลุดพ้น คือพ้นจากกิเลสเครื่องร้อยรัดจิตใจ...
แยกสมมติออกจากวิมุติ ? .... ต้องไปถามอาจารย์ชาอีกครั้ง (...........)
มิได้คัดค้านหรือยืนยันว่าผิดหรือถูก... แต่สำนวนนี้ ไม่เคยเห็น ไม่เคยฟังมาก่อน...
เจริญพร
กราบนมัสการหลวงพี่มหาชัยวุธ
แหะๆ ต้องบอกว่าตอนฟัง เข้าใจประโยคแยกสมมติออกจากวิมุติดีเลยค่ะ คงเป็นเพราะไม่รู้ความหมายของวิมุติดีเท่าไหร่ ^ ^
ตัวเองเข้าใจว่าให้แยกให้รู้ว่าเรื่องไหนคือเรื่องจริง เรื่องไหนคือเรื่องสมมติ(คือเราไปยึดเรียกสิ่งนั้นสิ่งนี้ ว่าโน่น ว่านี่ ว่าของฉัน ของเธอ) อะไรทำนองนี้น่ะค่ะ
สงสัยเดี๋ยวจะไปฟังใหม่ ว่าหูตัวเองฟังมาไม่ดี..เป็นไปได้ว่าเขียนมาไม่ครบค่ะ ^ ^
สวัสดีค่ะอ.ตุ๋ย
ทีแรกว่าจะถามน้องตุ๋ยเหมือนกันว่า วิมุติคืออะไร พอดีหลวงพี่มหาชัยวุธมาเฉลยค่ะ
พยายามปล่อยวางค่ะ...
ขอบคุณค่ะ
เราทุกข์เพราะใจ จริงด้วยค่ะ อยากวางมันลง หรือโยนมันท้ง แต่ทุกสรรพสิ่งยังต้องพบเจอ จะพยายามค่ะ ขอบคุณค่ะ
การยึดติดทำให้เกิดทุกข์ ถ้าไม่ยึดติดก็ไม่เกิดทุกข์ ปล่อยวางเถิด
ผม..เข้าใจว่าสรรพสิ่งทั้งหลายเป็นสิ่งที่เราสมมติขึ้นเป็นตัวตน..เช่น คน..เราสมมติว่าเป็นคนที่แท้...ไม่ใช่..เป็นเพียงธาตุต่างๆมารวมกัน..เราตั้งชื่อนั้น..ชื่อนี้..ก็ยิ่งเป็นสมมติขึ้น...ส่วนวิมุติ คือหลุดพ้น จากกิเลสอย่างที่ท่านมหาให้ความหมายไว้
ดังนั้นอาจจะหมายถึงรู้จักแยกการยึดมั่นตัวตน กับความหลุดพ้น อัตตา กับอนัตตา อะไรทำนองนี้กระมัง...ผมไม่เก่งเรื่องสมาธิวิปัสสนา พูดไม่ค่อยถูกครับ
ทุกข์กายพอทนได้
ทุกข์ใจเพราะคนที่เรารักกล่าวคำให้ช้ำใจยิ่งทุกข์หนัก
ใช้วิกฤติเป็นโอกาส ยามใดทุกข์กายทุกข์ใจแล้วให้หยิบยกขึ้นมาพิจารณาความทุกข์ เหตุแห่งทุกข์
แล้วอุเบกขาเสียบ้าง เพราะอีกไม่นานก็ตายจากกันแล้ว
กราบนมัสการหลวงพี่มหาชัยวุธ (อีกครั้ง)
จัดการกลับไปฟังเทปใหม่ แล้วก็แก้ไขเป็นดังแสดงในบันทึกแล้วค่ะ ตัวเองสรุปผิดจริงๆ ค่ะ ^ ^
หลวงปู่ท่านว่าให้รู้ว่าสิ่งใดคือสมมติ และให้รู้ว่าสิ่งนั้นไม่ใช่วิมุติ(ทางหลุดพ้น)จริงๆ ด้วยค่ะ
ขออภัยในข้อผิดพลาดด้วยค่ะ ความรู้ทางบาลีน้อยมากๆ เลยค่ะ
กราบขอบพระคุณที่ช่วยอ่านและให้ข้อแนะนำมาโดยตลอดนะคะ
สวัสดีค่ะพี่อุ๊
โชคดีได้หลวงพี่ท่านช่วยดูให้ค่ะ เราเองก็แย่ ไม่ได้ค้นเพิ่มเติม ฟังแล้วก็เข้าใจตามความรู้เดิมที่มีเท่านั้น แต่สาระก็ยังไม่เปลี่ยนเท่าไหร่ค่ะ ^ ^
อ้อ..ในเทปหลวงปู่บอกว่า เราไม่จำเป็นต้องละทิ้งของสมมติทั้งหมดนะคะ แต่ให้รู้ว่านั่นคือสมมติ มีได้มาแล้วก็หมดไปได้ รู้จักใช้ให้เป็นค่ะ เป็นลักษณะของการปล่อยวางอย่างที่พี่อุ๊บอกค่ะ ^ ^
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะคะ
สวัสดีค่ะคุณครูเอ
จริงอย่างที่คุณครูเอว่าไว้เลยนะคะ มีทุกข์แล้ว ถ้าเราวางมันทิ้งไปบ้าง ก็จะสบายใจขึ้นค่ะ
การมีทุกข์เป็นเรื่องปกติค่ะ แต่ถ้ามีทุกข์แล้วเกิดปัญญาเพราะเรารู้ว่าทุกข์นั้นไม่เที่ยง รู้จักใช้สมมติและไม่ยึดไว้ จะสบายใจค่ะ ^ ^ ทุกวันนี้ก็พยายามตามให้เห็นเรื่องราวต่างๆ ประจำวันตลอด เห็นแล้วทำความเข้าใจ..สบายใจค่ะ ^ ^
ขอบคุณที่แวะมา ลปรร นะคะ
ขอบพระคุณค่ะ อาจารย์เป็นกัลยาณมิตรจริงๆ
คิดถึงมากนะคะ
สวัสดีค่ะคุณ aonjung
เห็นด้วยค่ะ "การยึดติดทำให้เกิดทุกข์ ถ้าไม่ยึดติดก็ไม่เกิดทุกข์ ปล่อยวางเถิด"
ขอบคุณที่แวะมา ลปรร นะคะ
สวัสดีค่ะ อ.พิสูจน์
แก้ไขบันทึกไปเรียบร้อยแล้วค่ะ ความผิดของตัวเองที่ไม่ค่อยรู้ความหมายของวิมุติ ก็เลยเขียนประโยคที่อ่านแล้วสื่อไม่ถูกต้องตามคำศัพท์ไปค่ะ ^ ^ แต่ดีที่ทำให้ได้กลับไปฟังเทปธรรมะใหม่อีกรอบค่ะ
ขอบคุณอาจารย์ที่แวะมา ลปรร เสมอนะคะ
สวัสดีค่ะคุณร่มไม้ใหญ่ใกล้ทาง
เห็นด้วยเลยค่ะ อย่างที่สมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบันท่านใช้ชื่อหนังสือว่า "ชีวิตนี้น้อยนัก" ไว้นะคะ มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ค่ะ เวลามีไม่มาก..ถ้ายังมัวไปยึดกับทุกข์ที่ไม่เที่ยงอยู่ก็คงจะไม่ดีแน่ๆ ค่ะ
ขอบคุณที่แวะมา ลปรร นะคะ
สวัสดีค่ะคุณหนิง ^ ^
ตอนเขียนเรื่องนี้ไม่ได้เจาะกลุ่มผู้ชมใดๆ้ เลยค่ะ อิอิ แค่ทุกคนเอง ฮา...
มีทุกข์เป็นเรื่องปกติ ทำงานไม่ทันก็ปกติ (ตัวเองก็เป็นอยู่ค่ะ ฮา..) เพียงแต่ไม่ไปจับมันให้เป็นทุกข์ ถึงเวลาก็ทำไป..เต็มที่..แล้วก็ แค่ไหนแค่นั้นค่ะ อิอิ
บางช่วงเวลามีเรื่องเข้ามาเยอะๆ ก็เคยรวนไปบ้างเหมือนกันค่ะ เพราะ multi-tasking แล้วเหนื่อย..สมองไม่ค่อยทำงานค่ะ..
สู้ๆ เป็นกำลังใจค่ะ ^ ^ (บอกตัวเองให้ไปทำงานได้แล้วไปในตัว อิอิ)
สวัสดีค่ะอาจารย์
พี่โชคดีนิดหน่อย ที่เป็นคนไม่ยึดติดโยธรรมชาติ เลยไม่ค่อยทุกข์มาก เป็นบ้าง ตอนเผลอสติ แต่พอได้คิด ก็จะรู้สึกดีขึ้น ก็พยายามฝึกตัวเองค่ะ
แต่ได้บันทึกนี้มาช่วยให้คิดได้ขึ้นมาอีกนะคะ ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะคุณพี่ศศินันท์
การไม่เป็นคนยึดติดกับอะไรถึือเป็นบุญมากเลยนะคะ สะสมบุญด้วยการให้แบบที่คุณพี่ทำ เพิ่มขึ้นไปอีก ยิ่งดีใหญ่เลยค่ะ
บางครั้งตัวเองก็มีเผลอ ขาดสติไปเช่นเดียวกันค่ะ แต่ทุกครั้ง(ถ้ารู้ตัว ทัน หรือรู้ภายหลัง) ก็จะพยายามนำกลับมาทบทวนหาธรรมะที่เกิดจากเรื่องต่างๆ ในแต่ละวันค่ะ
ตัวเองก็น้อมใจกราบหลวงปู่ชาที่ท่านช่วยมาสั่งสอน แม้ท่านจะล่วงลับไปแล้วค่ะ
ขอบคุณคุณพี่ที่มาเยี่ยมเยียน ลปรร เสมอนะคะ ^ ^
มีคนบอกว่าคนที่มีทุกข์มักเอาความทุกข์ไปทิ้งที่วัด
พี่บอกว่าพี่ไม่เคยเอาความทุกข์ไปทิ้งที่วัด เพราะไปวัดไปด้วยความสุขใจ ความสุขที่เกิดจากความตั้งใจไป และความสุขที่ได้รับการสั่งสอน คำเทศน์จากครูบาอาจารย์
พอมีเวลา มีสติ กลับมาคิดอีกครั้งว่า "เราเอาทุกข์ไปทิ้งที่วัดจริงหรือ"
??????
แหะๆ เราไม่เคยเอาทุกข์ไปทิ้งที่วัดเลยอ่ะ (ไม่ค่อยเข้าวัดไง อิอิ)
ไปวัดทีไร งานหลักคืองานศพทุกที ^ ^
เน้นไปวัดทางใจ ใจสบายอยู่ที่วัดหรือที่ไหนก็เป็นสุข ก็เลยเน้นอยู่แถวๆ เตียงที่บ้านนี่แหละ ฮา...
ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีความสงบมากๆ ใจสบาย กายทุกข์บ้างก็ช่างมัน
^ ^
สวัสดีครับ อาจารย์ กมลวัลย์ :)
"... ทุกข์นี้เป็นสัจธรรม ..."
วลีนี้ทำให้ผมรู้สึกนิ่งขึ้นครับ
เวลาที่ผมสิ่งใดดูไม่ยุติธรรม ผมมักจะร้อนรน
อยากตอบโต้ทันที หรือถึงแม้ผมจะใคร่ครวญหลายรอบ
เพื่อจะตอบโต้กลับไปนั้น ระหว่างนั้น ผมก็ร้อนรนอยู่ดี
จิต ไม่ นิ่ง เลย
รบกันไหมครับอาจารย์ เพราะผมคือพญามาร ที่ชื่อ วสวัตดีมาร ไงครับ อิ อิ อา ล้อเล่น ครับ :)
สวัสดีค่ะอ.วสวัตฯ
ทุกข์เป็นสัจธรรมจริงๆ หนีไม่พ้น
ทุกขฺ คือสิ่งที่เราได้ยินเสมอเวลาพูดถึงไตรลักษณ์
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ตอนแรกก็ได้แต่ท่อง..แต่จำ..ตอนหลังถึงได้เข้าใจเกิดปัญญาขึ้นบ้าง โดยเฉพาะเรื่องทุกข์
เราสามารถอยู่ได้โดยไม่กระพริบตาเลยได้ไหม..ไม่ได้
เราสามารถนั่ง/นอนโดยไม่ขยับตัวเลยได้ไหม..ไม่ได้
เราไม่นอนเลยได้ไหม...ไม่ได้
เรารักใครตลอดเวลาทุกลมหายใจได้ไหม...ไม่ได้
เราเกลียดใครตลอดเวลา ทุกลมหายใจได้ไหม..ไม่ได้
เราไม่คิดเลย ทำสมองว่างตลอดเวลาได้ไหม..ไม่ได้
พระท่านถึงบอกว่าเกิดมาก็มี ทุกขัง ทันที หนีไม่พ้น..มันเป็นธรรมชาติ ทุกข์เป็นสัจธรรม..
ท่านถึงให้รู้ว่ามีทุกข์แน่นอน ยอมรับเสีย แล้วขึ้นอยู่กับว่าจะจัดการปลดทุกข์นั้นออกได้อย่างไรก็ว่ากันไป ปลดทางกายโดยการขยับตัวหรือหยุดบ้าง ปลดทางใจโดยการละวางหรือพินิจพิจารณาบ้าง..
อาการร้อนรนที่อาจารย์เป็น คิดว่าทุกคนก็เป็นค่ะ เพียงแต่ร้อนรนแล้ว จะร้อนไปตามอารมณ์ หรือจะดูให้เห็นว่าทำไมร้อนรน ร้อนรนเพื่ออะไร ช่วยอะไรไหมที่ร้อนรน...ตอนแรกๆ ที่หัดปฏิบัติ จะดูตามอารมณ์ได้ไม่ค่อยทัน ทำให้ร้อนตามอารมณ์ไปด้วย สุขก็สุขมาก ทุกข์ก็ทุกข์มาก..(ตอนเป็นผู้บริหารเป็นหนักมาก..เล่นเอาเครียด)
ตอนหลังเจริญสติ เป็นผู้"ดู"มากขึ้น เมื่อร้อนรน ก็หยุด"ดู"อารมณ์ตัวเอง... พอเห็นทัน มันก็เข้าวงจรพิจารณา..พอกำลังพิจารณาความร้อนรน..ความร้อนรนก็ดับลง..
เป็นอย่างนี้กับทุกอารมณ์ที่เกิดขึ้น.. หลังๆ ก็เลย..สบายค่ะ ^ ^
ขอบพระคุณท่านผอ.ประจักษ์ค่ะ
วันนี้เป็นวันหนึ่งที่ตั้งใจปฏิบัิติเป็นพิเศษ พยายามสังเกตจิตอย่างละเอียด ให้สมกับวันที่เป็นวันมงคลยิ่งค่ะ ^ ^
ขอบคุณครับ อาจารย์ ... ผมว่า ผมสามารถพิจารณาได้แล้วครับ แต่ลดอารมณ์นี่ ต้องค่อย ๆ ครับ :)
สวัสดีค่ะคุณหมอเจ๊
ทักผิดไม่มีปัญหาหรอกค่ะ คนในงานเยอะมาก แล้วตัวเองก็ไม่ได้ลงรูปไว้ด้วย ใส่แต่ดอกไม้ไว้ คงไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ^ ^
ตามอ่านบันทึกชาวเฮฮาศาสตร์มาเรื่อยๆ และเริ่มอ่านของคุณหมอตั้งแต่งานที่ภูเก็ตค่ะ ^ ^
ยินดีต้อนรับที่บันทึกเช่นกันนะคะ
สวัสดีค่ะ อ.วสวัตฯ
ยินดีด้วยค่ะพี่พิจารณาได้ทัน พอเคยพิจารณาได้ทันแล้ว จะเริ่มทันมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้ง ตอนแรกอาจต้องตั้งใจพิจารณามากๆ หลังๆ จะเกิดเป็นอัตโนมัตค่ะ มันจะเห็นเองว่าอารมณ์กำลังจะขึ้นหรือลงหรือไม่ แล้วอารมณ์ก็ลดลงเองค่ะ ^ ^
ขอบคุณอาจารย์ที่เข้ามา ลป ประสบการณ์นะคะ
อ่านแล้ว พิจารณาตามก็ทำให้คลายทุกข์ได้บ้างค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
สวัสดีค่ะคุณพี่
อนุโมทนาผลคุณงามความดีให้หลวงปู่ค่ะ
สาธุค่ะ
ตัวเองก็ต้องพยายามเตือนตัวเองบ่อยๆ เหมือนกัน แต่ตอนหลังดีหน่อย..การเตือนลดลง เป็นไปด้วยตัวเองมากขึ้นค่ะ
"มันจะเป็นทุกข์ของเราก็ต่อเมื่อเราไปยึดมาเป็นของเราเท่านั้น" ^ ^
มันจะเป็นทุกข์ของเราก็ต่อเมื่อเราไปยึดมาเป็นของเราเท่านั้น
***************************************
ยึดไปยึดมา "ติด" เราหนุบหนับเลยด้วยสิคะ..เห้อ
ขอบคุณที่เขียนข้อเขียนดี ๆ ค่ะ
สวัสดีค่ะคุณหมอจริยา
ยึดแล้วปล่อยได้ค่ะ ไม่ติดหนุบหนับหรอกค่ะ ^ ^ ส่วนใหญ่จะไม่รู้ตัวว่ากำลังยึดอยู่ ถ้ารู้แล้วจะปล่อยได้ เพราะจะเห็นเลยว่าหนักจริงถ้ายังถือ/ยึดไว้อยู่
ขอบคุณที่แวะมา ลปรร นะคะ ^ ^
สวัสดีค่ะคุณดอกไม้น้อย
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียนนะคะ ^ ^
เจริญพร คุณโยมกมลวัลย์
เจริญพร
กราบนมัสการพระคุณเจ้า
สาูธุเจ้าค่ะ