ท่านที่เข้าร่วม KM workshop ในวันที่ 24 ที่ผ่านมาที่ ดร. วรภัทร์ ภู่เจริญ อดีตนักวิทยาศาสตร์ประจำองค์การนาซ่า ให้เกียรติมาเป็นวิทยากรให้แก่ชาว มหาวิทยาลัยมหาสาคามนั้น คงจะได้ยินการเน้นย้ำคำว่า Sensing ในหลายตอนของ workshop ว่ามีความสำคัญอย่างไร ? พร้อมด้วยตัวอย่างง่าย ๆ ต่าง ๆ ที่ชี้ให้เห็นว่า เรื่อง Sensing นี้ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน รูปที่ผมนำมาใส่ไว้ข้างบนนี้ ผมคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของการใช้เรื่องของ Sensing ของท่านอาจารย์ นายแพทย์จิตเจริญ หรือ JJ ทำให้ท่านจับภาพนี้ไว้ให้ผมได้ใช้ประโยชน์ พร้อมบรรยายภาพว่า “โฆษกหนุ่ม แห่ง มมส.”
เบื้องหลังการทำหน้าที่ของผมในวันนั้นเกิดจากความจำเป็น เนื่องจากพิธีกรมืออาชีพที่เราขอความร่วมมือไปแจ้งกลับมาว่าติดราชการงานอื่น ไม่สามารถมาช่วยได้ เราปรับแผนเชิญพิธีกรมือสองที่ขณะนั้นอยู่ที่นครนายก ดูแลนักกีฬาโดยเฉพาะนักชกจาก มมส. ในมหกรรมกีฬาปัญญาชน โดยคาดจากประวัติการเข้าร่วมงานมหกรรมกีฬาครั้งที่ผ่าน ๆ มาว่าพิธีกรท่านนี้น่าจะกลับมาช่วยเราได้ทันในวันที่ 24 แต่ในวันที่ 22 ขณะที่เรากำลังประชุม BAR เราก็ได้รับแจ้งว่า นักกีฬามวยของเราในปีนี้ผ่านเข้ารอบและมีโอกาสลุ้นเหรียญ พิธีกรที่เราหวังจึงกลับมาช่วยเราเลยมาไม่ได้ สมาชิกในที่ประชุม ต่างก็ยินดีที่เป็นครั้งแรกที่นักชกจาก มมส. จะมีโอกาสลุ้นเหรียญ แต่ใครละจะทำหน้าที่เป็นพิธีกร สอบถามกันไปมาในที่ประชุมไม่มีใครอาสาหรือพร้อมที่จะรับ นั่นคือที่มาว่าทำไมผมจึงต้องเป็น “โฆษกหนุ่มแห่ง มมส.” ในวันนั้น ผมทำไปโดยอาศัย Sensing เช่นเดียวกัน ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะครับ
จำได้ว่าเรื่อง Sensing นี้เคยอ่านในหนังสือ The Inner Path of LO & KM ของ ดร. วรภัทร์ วันนี้จึงย้อนกลับมาอ่านอีกครั้ง รู้สึกเข้าใจมากขึ้น มองเห็นว่าสิ่งที่ท่านอาจารย์ ดร. วรภัทร์ นำเสนอใน workshop ท่านพูดเน้นเฉพาะคำว่า Sensing แต่จริง ๆ แล้วท่านนำเสนอ หลักการเรียนรู้ หรือ กระบวนการเรียนรู้ที่ ว่าต้องเกิดที่ “ใจ” ก่อน และ นำหลักการของทฤษฎีตัว ยู (U Theory) มาบอกพวกเรานั่นเอง โดยไม่เอ่ยถึงชื่อของทฤษฎีเลย <p align="left"> </p>