มหัศจรรย์สังสรรค์สนทนา (8): ส้มตำริมทะเล เหหันจำนรรจา


ส้มตำริมทะเล เหหันจำนรรจา

หมด session กลางวันวันแรก ทุกคนเดินหัวสั่นหัวคลอนออกมาจากห้องสัมมนา บางคนก็นั่งเหยียดขายาวเพราะเมื่อย บางคนกำลังหาท่าที่จะลุกจากการนั่งกับพื้นมายืนได้โดยมีอุบัติเหตุเกิดน้อยที่สุด ช่วยกันฉุด ช่วยกันจูง จนทุกร่างบนพื้นห้อง landing บนสองเท้าได้มั่นคงอีกครั้งหนึ่ง

ออกมาก็ทานเบรคกัน (หมายถึงอาหารว่างครับ ไม่ใช่น้ำมันเบรค หรือกินเบรคมือ เบรคเท้า) ผมก็ชวน อ.มนตรี คุณน้อง พี่หมู คุณนุช ไปเที่ยวสมิหรากัน ไหนๆก็มาถึงนี่กันแล้ว พี่หมูก็เสนอไปนั่งกันตรงที่เขาเล่นว่าวกันที่หาดสมิหรา เลยวงเวียน BP สมิหรามานิดนึง

เรามาถึงกันประมาณเกือบๆห้าโมงเย็น มีเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนอาหารเย็น ตอนนั้น เราก็ sense ว่าในกลุ่มมีคน "กังวล" อะไรๆกันอยู่ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ ความกังวลก็จะจับเราไปอยู่ใน mode ปกป้อง และลดประสิทธิภาพการเรียนรู้ลง กังวลมักจะมากับ ความคาดหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้ามีการเปรียบเทียบ กับสิ่งที่เคยดีมากๆ เคยประสบความสำเร็จสูงๆ ก็จะยิ่งกังวลมากได้

เนื่องจากเราไม่ได้ทำ check-in กัน เลยไม่ทราบว่าใครคาดหวังอะไรบ้าง และอยากจะได้อะไรจากการอบรม ใครสมัครใจมา ใครต้องพูดว่าสมัครใจมา ใครไม่สมัครใจมา ใครอยากจะมาเพราะอะไร อยากสังสรรค์ อยากเรียนรู้ อยากมาดูสวนสัตว์ อยากออกมาจาก รพ. ฯลฯ และ chance ก็คือ ถ้าอยากกันแปลกประหลาดออกไปมากเท่าไหร่ บางทีก็จะไม่ได้สมหวังตามนั้นเสีบทีเดียว และก็จะมีกลไกของ ความผิดหวัง เข้ามาเป็นตัวเล่นอีกคน เป็น subpersonality ใหม่ เป็น potential demonic energies ใหม่ (ขอยืมคำของ Dr Stone มาใช้หน่อย)

ท่าทางคืนนี้จะต้องเรียกกลยุทธิ์มา raise morale ของกลุ่ม หรือของสมาชิกสักหน่อย ที่จริงผมว่าส่วนใหญ่ก็อยู่ใน good spirit ดี เพียงแต่วันนี้เป็นวันแรกสุด จะเอาอะไรกันมากมายกว่านี้ก็อาจจะเป็นการ push too much ไปนิด หรือเป็นเพราะคราวนี้เป็น short course เป็นพิเศษ คือแค่ 2 คืน 3 วัน เท่านั้น ซึ่งค่อนข้างสั้น อย่างไรก็ดี ผมยังมี faith ใน พื้นฐานความเป็นมา ของคนที่มากันในวันนี้ ว่าน่าจะไปได้ดี ไม่มีปัญหาอะไร

เราไปพูดคุย ปรึกษากลยุทธิ์คืนนี้กันริมทะเล พี่หมูกับคุณนุช ก็ชวนกันไปกินส้มตำปู กับไข่ปิ้ง ตามหาอยู่หลายเจ้าก็ยังหาไข่ปิ้งทรงเครื่องไม่ได้ ผมก็เลยลองเอามะม่วงดองมากิน อึ๋ยๆๆ เปรี้ยวจังวุ้ย กินเข้าไปได้ยังไง หันไปแข่งแกะถั่วต้มกินกับ อ.มนตรีดีกว่า

ระหว่างกินถั่วต้ม อ.วิศิษฐ์ ก็โทรศัพท์เข้ามาถามข่าวคราว อ้า ห้า โยดาตามมา check in ถึงนี่เจียว เลยทราบต่อไปว่าคราวที่เราจะไป palliative care สัญจรที่เชียวรายคราวนี้จะคลาดเคลื่อนกับโยดาเสียนี่ ไม่เป็นไรๆ ยังมีโอกาส คิดยังไม่ทันขาดคำ อ.มนตรีก็ถามขึ้นมาทันทีว่าปลายเดือนพฤษภาคม พอจะว่างสัก 7 วันไหม เพราะปีนี้จะมีการจัดมหกรรมกระบวนกรขึ้นที่เชียงราย มีอดีตคณบดีมหาวิทยาลัยนาโรปะมาร่วมด้วย อื้อ หือ น่าสนใจๆ ค่าลงทะเบียนเท่าไหร่เนี่ย ตั้ง 7 วัน คนละ 21,500 บาท (เท่านั้น!!)

ครุ่นคิด คำนึง (จะหาเงินที่ไหนมาดี)

โยดาก็ถามไถ่ทุกข์สุข progress ของกลุ่มไปมา และเราก็ได้แบ่งโทรศัพท์กันเพื่อปฏิสันถารกับโยดากันทุกคน

เสียงโทรศัพท์ของอาจารย์มนตรีจะมาเป็นเหมือนระลอกคลื่นที่ไม่มีที่สิ้นสุด คลื่นลูกแล้วลูกเล่า ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป มีคนโทรมาหาอาจารย์เกือบตลอดเวลา

เรากำลังรอเวลา พลบค่ำนี้ จะลงด้วย session อะไรดีหนอ

หมายเลขบันทึก: 92669เขียนเมื่อ 26 เมษายน 2007 16:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:21 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
การสัมมนานอกสถานที่ ของหน่วยงาน คิดว่าผู้เข้าร่วมสัมมนาอยากจะผ่อนคลายบ้างค่ะ หากเครียดๆ หนักๆ จะทำให้เกิดกังวล และผิดหวังได้มั้ยค่ะ?

ได้ครับ อ.แป๋ว P

เพราะ เครียด กังวล นั้นจะเป็น mode ปกป้อง และจะไม่เกิดการเรียนรู้แน่ๆใน mode นั้น

เพียงแต่ถ้าอาจารย์อ่านติดตาม activity ของวันนี้มา ที่จริงเรามีการ ผ่อนคลาย เยอะมากเลย

ผมเขียนถึงตอนนี้ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขียนข้าม bodyscan หลังอาหารเที่ยงไป

กระบวนการ workshop สุนทรียสนทนานั้น สำคัญมากที่เราพยายามจัดเอื้อให้คนเข้าร่วม เปิด alpha wave ของสมองให้ได้ นั่นคือ การผ่อนคลาย การใช้จินตนาการ ที่จริง ไม่เพียงแต่การสัมมนานอกสถานที่นะครับ ถ้าเราต้องการจะให้เกิดการเรียนรู้ที่เต็มที่ ไม่ว่าจะใน หรือนอกสถานที่ เราก็ควรทำด้วยความ ผ่อนคลาย ทั้งสิ้น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท