All we see are anything but truths!!


All we see are anything but truths!!

วันนี้เป็นการเปิดศักราช holistic doctor programme round วันแรกของปีการศึกษาใหม่ (2550) นั่นแปลว่าเรากำลังเริ่มอีก cycle หนึ่งของวงจรผลิตแพทย์ที่ ม.อ.

เมื่อวานซืนวันที่ 17 เมษายน เป็นวันหยุดก็จริง แต่กิจการนักศึกษาและแพทยศาสตร์ ไม่สามารถจะจัดวันลงตัวได้ เราก็เลยต้องมาจัดสอบประเมิน basic clinical skill ของนักเรียนแพทย์ปี 3 ขึ้นปี 4 ว่าใช้ได้ระดับไหน เพราะอีกไม่ช้านาน ก็จะต้องไปสัมผัส ตรวจรับคนไข้จริงๆกันแล้ว

เมื่อต้องทำหน้าที่ประเมิน เราก็เลยจำเป็นต้องถอด non-judgemental attitude ออกชั่วคราว เพราะไม่งั้นเราจะปล่อย นศพ.ที่ยังไม่พร้อมขึ้นไปปฏิบัติงานบน ward มันจะทุกข์ไปหมดทุกคน ทั้งตัว นศพ. เอง พยาบาล หมอ แลเหนืออื่นใดอาจจะเป็นการ Do harm แก่ ผป. และญาติก็ได้ switch เอา mode surveillance มาจับผิดเด็ก ปรากฏว่าใน 9 คน ผมจำเป็นต้องให้ re-exam หนึ่งคน และกาวงไว้อีกหนึ่งหน่อ คนแรกนั้นเหมือนกับไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาเลยต่อการสอบ อีกคนหนึ่งมาสอบตรวจร่างกายคนไข้ ก็สวมแหวนมาครบสองมือเลย ไมได้คิดว่าแหวนจะขูดขีดหน้าท้องคนไข้ หรือถ้าเป็นหน้าหนาว ตัวแหวนก็จะเย็นกว่าปกติ 

วันนี้ extern ใหม่เอี่ยมที่พึ่งขึ้นปฏิบัติวานที่ศัลย์ ก็หา case มา present สองราย ทั้งคู่เป็น advanced stage cancer คนหนึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นโรคอะไร (ลูกสาวไม่ให้บอก) อีกคนหนึ่งทราบว่าเป็นโรคอะไร แต่ยังทำใจไม่ได้ อยากจะสู้แต่ก็มีข้อจำกัดที่ค่าใช้จ่ายเคมีบำบัด

เราก็ใช้มุขเดิมๆ พอล้อมวงที่เตียง เราก็จะเชิญคุณหมอน้อย extern เจ้าของไข้มายืนใกล้ๆ และก็เชิญคนไข้เล่าอะไรให้ฟัง คนไข้รายนี้เป็น typical case คนไทยสูงอายุ ที่ super-conservative และขี้เกรงใจอย่างมาก คุณป้าแกอยากรู้หรอกว่าเป็นโรคอะไร แต่ลูกสาวก็ไม่ยอมให้บอก แม้แต่ตอนที่เราถามคุณป้าต่อหน้าว่าอยากรู้ไหม ป้าก็บอกเพียงว่าหมอจะบอกก็บอก แต่แกจะไม่ถามเอง พอดี case ที่ไปราวน์ ไม่ใช่เราเป็นเจ้าของไข้ เราก็เลยแค่ reassure คุณป้าว่าอยากรู้อะไรก็ถามได้ทุกอย่าง ตอนท้ายเราก้เปลี่ยนเรื่องว่าจำหมอ extern ได้ไหม ป้าบอก "จำได้ น่ารักมาก" อืม.... น่ารักยังไงเหรอจ๊ะป้า?" "อ๋อ.... หมอแกน่ารัก ยิ้มทั้งวันเลย"

ถึงตอนนี้พวก poker-face เริ่มขยับตัวไปมาอย่างไม่สบายใจ เราก็ถามต่อไป "หมอยิ้มนี่แปลว่าอะไรเหรอจ๊ะป้า?" ป้าก็บอกว่า "แปลว่า หมอรักจ้ะ" อ้า ฮ่า อันนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน ก้เลยถามย้ำไปอักดอกนึง "แล้วถ้าหมอไม่ยิ้ม แปลว่าไรจ๊ะป้า?" ป้าก็บอกว่า "หมอกำลังทุกข์จ้ะ"

อืม... เราก็เลยได้โอกาสชี้แนะ นศพ. ไปว่า เวลาเราเครียด เราทุกข์นั้น อย่านึกว่าคนอื่นไม่รู้ อย่านึกว่าไม่มีใครรู้ จริงๆที่เร survive มาถึงขนาดนี้ อาจจะไม่ใช่ pure intelligence เท่านั้น แต่เป็น โอกาส การปรับตัว ใน terrains ต่างๆ ที่ put พวกเราให้ให้อยู่ด้วยกัน extern ที่รักของเราก้พึ่งทราบว่าคนไข้เขา appreciate เรื่องรอยยิ้มของเขานี่เอง ไม่ใช่ตอนที่เขาตอบฉาดฉานกับอาจารย์ได้ครบทุกยกทุกกระบวนความ

คนไข้จะ "เลือกเรื่องเล่า และจะเลือกเรื่องในการรับรู้ด้วย" ดังนั้น อย่าพยายามแปลอะไรบุ่มบ่าม คนอื่นอาจจะนำไป exploit ได้

ว่าแต่ว่าเราคิดว่า

  • เรามีระบบประสาทมากกว่านี้อีกไหม?
  • มีแล้วจะเป็นอย่างไร?
  • What will happen and we will have prepared for it (in a republican conference)
  • หรือไม่ role model อาจจะไม่มี เพราะทะเลก็จะดี ราบเรียบ และมีฝูงปลาไว้ไปมาเยอะ

แล้วคนที่ถูกจ้าง ก็เริ่มทำงานอยู่ ค่อยๆเป็นค่อยไป

คำสำคัญ (Tags): #phoenix#homeopathy#การรักษา
หมายเลขบันทึก: 91098เขียนเมื่อ 19 เมษายน 2007 01:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:15 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

สวัสดีครับอาจารย์

  • อ่านได้เข้าใจมากๆครับ
  • เข้าใจที่นี้หมายถึงความรู้สึกของน้องๆที่กำลังยืนล้อมวงอยู่นะครับ  อืม..
  • รู้สึกเหมือนได้ย้อนความคิด  ความรู้สึกเมื่อตอนเป็นนศพ. มากเลยครับ(ออกมาได้จะครบ 4ปีแล้วครับ)
  • เอ??  อาจารย์จะเป็นอาจารย์ประเภทที่ถ้าผมยืนเรียนอยู่ด้วยแล้วจะใจสั่น  หรือไม่สั่นนะครับ??  ผมว่าอาจารย์น่าจะใจดี  และ เข้าใจนศพ.ตัวน้อยๆๆนะครับ
  • ปล.วันนี้ผมอยู่เวรครับ...สงบมากครับไม่เหมือนตอนช่วงสงกรานต์...ไม่ได้หลับครับอาจารย์
  • ขอบคุณครับ

ดวงตาเห็นธรรม  


ขณะที่ศิษย์อาจารย์กำลังเดินอยู่ที่ตลาด
ชาวบ้านสูบน้ำจากบ่อขึ้นมาใช้ไม่ได้
อาจารย์  :

“ สูบน้ำจากบ่อขึ้นมาใช้ไม่ได้เพราะดินไปอุดตัน
   อาจารย์ขอถามพวกเราหน่อย  ดวงตาไม่เห็นธรรม    เพราะอะไรมาปิดบัง ? “
ลูกศิษย์   :     คิดไม่ออก


อาจารย์   : “ เพราะโดนดวงตาของพวกเจ้ามาปิดบัง “

story 20


Play

-----------------------------------------------------------

"หมอยิ้มนี่แปลว่าอะไรเหรอจ๊ะป้า?" ป้าก็บอกว่า "แปลว่า หมอรักจ้ะ" อ้า ฮ่า อันนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน ก้เลยถามย้ำไปอักดอกนึง "แล้วถ้าหมอไม่ยิ้ม แปลว่าไรจ๊ะป้า?" ป้าก็บอกว่า "หมอกำลังทุกข์จ้ะ"

----------------------------------------------------------- 

ถูกใจมากๆเลยค่ะ อาจารย์ 

แต่อ่านช่วง 2 บรรทัดสุดท้ายของ bullet แล้ว คิดต่อไม่ถูกเลยค่ะ อ.ช่วยขยายความให้มัทมองเห็นมากขึ้นทีสิคะ เพราะมัทมั่นใจว่าความคิดเห็นของอาจารย์ มีประโยชน์สำหรับมัทเสมอ

ขอบคุณมากๆค่ะ 

สวัสดีค่ะ อ.หมอสกล (Phoenix)

  • คิดเหมือนอ.มัทนาค่ะ ตามความคิดอาจารย์ไม่ทันค่ะ
  • ดิฉันว่าแต่ละคนเห็น "truths" ไม่เหมือนกันค่ะ ดูแล้วมันเป็น perception ของแต่ละคนเสียมากกว่า
  • ถ้าให้ ๒ คนที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันออกมาเล่าเรื่อง ก็คงเล่าได้ไม่เหมือนกันค่ะ....

 

แฮะๆๆ แวะมาทักทาย ชวนกลับไปวงน้ำชาหน่อยทิ้งมานานแล้วเฮียคนเขาคิดถึง

เดือนมิถุนายนก็จะขึ้นอีก cycle หนึ่งของการผลิตนักพัฒนา(ตนเองและ)ท้องถิ่นแบบ holistic ของโครงการมหาวิทยาลัยชีวิต เนื่องจากที่ผมทำอยู่เป็นโครงการใหม่ (ศศ.บ. - สาขาสหวิทยาการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น) จึงต้องการ input ในเชิงแนวคิด-ประสบการณ์มาก อ่านบันทึกเรื่อง All we see are anything but truths!!  แล้วรู้สึกว่าประสบการณ์การผลิต "หมอรักษาคน" (ไม่ใช่รักษาไข้) ก็มีอะไรดีๆ มากมายส่งข้าม(cross)สาขามาทางการทำงานผลิต "หมอรักษาสังคม" ไม่น้อย

 


ยังตีความสำนวน "All we see are anything but truths!!" ไม่แตกค่ะ  แต่อยากจะเดาความหมายใน ข้อความ bullet ของอาจารย์ ตามความเข้าใจของ k-jira ไม่แน่ใจว่าถูกหรือผิดนะคะ

 

  • เรามีระบบประสาทมากกว่านี้อีกไหม?

หมายถึง ระบบประสาทสัมผัส ที่หมอกับคนไข้จะสื่อถึงกันรึเปล่าคะ  จากตัวอย่างที่อาจารย์ยกมาคือรอยยิ้ม  k-jira คิดว่ายังมีสัมผัสของมือหมอ ที่วาง-ตรวจ-จับ-ทำหัตถการบนตัวคนไข้  ความหนักเบา ความอ่อนโยน ความมั่นใจหรือลังเล ความประณีตบรรจง คนไข้เขาก็สัมผัสได้  ว่าหมอกำลังทำกับคนไข้ด้วยความรู้สึกแบบไหน

ตัวอย่างเช่นการทำแผล .. การทำแผลให้คนไข้ 

กรณีแผลเย็บ สะอาด ทำแบบแบบ dry dress ความจริงก็ไม่ต้องทำอะไรมาก นศพ.บางคนอาจถูกสอนมาว่า ให้เช็ดรอบๆด้วยเบต้าดีน 1 รอบ แล้ววางก๊อสบางๆ 1 ชิ้น ปิดพลาสเตอร์ 2 ทีก็เสร็จ  นศพ.บางคนอาจจะรีบ เพราะมีเคสหลายเคสต้องทำ อีกอย่างแผลง่ายๆ จึงทำด้วยความมั่นใจ

ด้วยเวลาที่ไม่ค่อยมี จึงอาจจะลืมประเมิน โดยการถามคนไข้ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง  คนไข้บางคนเล่าว่า "หมอเช็ดทีสองที แล้วก็ปิดก๊อส ไม่เห็นทำอะไรเลย" 

เขามีความรู้สึกว่า ทำเหมือนไม่ได้ทำ  ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว  dry dressing ด้วยวิธีที่หมอทำนั้นก็ถูกต้อง และพอแล้ว เพียงแต่สิ่งหนึ่งที่ขาดหายไป คือ "ความใส่ใจ" ที่มอบให้ระหว่างที่ทำ  จึงทำให้คนไข้มองไม่เห็น หรือไม่รู้ตัวว่า หมอ (นศพ.) ทำแผลให้แล้ว

คนไข้บางคนไม่ชอบปิดก๊อสชิ้นเดียว แต่ชอบ 2 ชิ้น เพราะรู้สึกว่ามันมั่นใจ  อันที่จริงใน set ทำแผล ให้ก๊อสมา 2 ชิ้น ชิ้นที่เหลือบางครั้งพอรวบเซ็ตก็เปื้อนเบต้าดีน แล้วก็ถูกทิ้ง  ดังนั้นเอามาปิดให้คนไข้สบายใจดีกว่า

การปิดพลาสเตอร์ ก็มีเทคนิคละเอียดอ่อน คนไข้แต่ละคนจะชอบไม่เหมือนกัน

หรือกรณีแผลที่มีเนื้อตาย หรือแผลติดเชื้อ อักเสบ ต้องเลาะไหมออกเพื่อทำแผล wet dressing  ต้องมีการขูดเอาคราบเหลืองๆ หรือตัดเนื้อตายออก หมอบางคนทำไปหันมาใส่ใจกับความเจ็บปวดของคนไข้ ทำไปถามไป "เจ็บไหม"  ทำไปปลอบไป   คนไข้แม้จะเจ็บ แต่ก็ชื่นใจ มีกำลังใจ หายเจ็บไปกว่าครึ่งกับน้ำเสียงของหมอ

แต่บางคนทำไป ไม่พูดไม่จา มุ่งมั่นแต่แผล พอคนไข้ร้องคราง ก็บอกว่า "เกือบเสร็จแล้ว ๆ"

มีคนไข้คนหนึ่ง เคยเล่าให้ฟังแบบติดตลกว่า เคยผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี แล้วแผลมัน infect ตอนนั้น โดนหมอ "ฮาราคีรี" ไปหลายรอบ กว่าแผลจะหาย

เราแปลกใจถามว่า "เอ๊ะ.. ยังไงเหรอคะ ฮาราคีรี"

คนไข้หัวเราะบอกว่า " ก็เวลาทำแผล หมอทั้งล้วง ทั้งควักหน้าท้องไง "

นึกตามแล้วก็ทั้งขำ ทั้งหวาดเสียวเลย ^___^

 

แล้วก็เคยมีคนไข้อยู่เคสหนึ่ง  ปกติเคสนี้ตอนเช้าจะมี นศพ.มาทำแผลให้  ต่อมาเราพบว่า ทุกเช้าก๊อสปิดแผลคนไข้จะหลุดลุ่ย ก่อนที่ นพศ. จะมาทำแผลให้ พยาบาลจึงต้องทำแผลให้เอง เพราะไม่อยากให้เปิดแผลโล่งแจ้งรอหมอ ซึ่งไม่รู้จะมาทำแผลให้ตอนไหน

ตอนหลังชักแปลกใจ  ทำไมแผลหลุดได้ทุกวัน  ถามคนไข้เลยได้รู้จากญาติว่า คนไข้แอบดึงก๊อสปิดแผลออก เพราะอยากให้พยาบาลทำ  ไม่อยากให้ นศพ.ทำให้  

นอกจากสัมผัสแล้ว.. น้ำเสียงก็มีผล  น้ำเสียงที่อ่อนโยน ใส่ใจเวลา "ซักถามอาการ" ไม่ใช่ "สอบสวนถามอาการ"

แต่ตรงนี้.. นศพ.ส่วนใหญ่จะพูดดี อ่อนโยนกับคนไข้ค่ะ  เพียงแต่ไม่เข้าใจ.. บางคนพอจบเป็นหมอ อาจจะลืมเรื่องการใช้น้ำเสียงไป  (มีแค่บางคนหรอกนะคะ) 

k-jira คิดว่า.. ถึงอย่างไร การมีหางเสียง  "คะ ขา" " ครับ"  เวลาคุยกับคนไข้  โดยเฉพาะคนที่สูงวัยกว่า เป็นเรื่องที่ดี  เพราะหางเสียงจะทำให้น้ำเสียงนั้นอ่อนโยนลงเสมอ


อีกอันหนึ่งที่หลายคนลืม  คือ ความเคลื่อนไหวค่ะ  อาจจะเป็นเพราะหมอมีเคสที่ต้องราวน์หลายเคส  บางเคสที่ไม่เป็นอะไรมาก หมออาจจะรีบจนลืม  จนกระทั่งมีเรื่องกึ่งตลก... ที่คนไข้เล่าให้ฟังหลายครั้ง

คือเจอหลายครั้ง ที่คนไข้มาบอกกับพยาบาล ว่าอยากจะบอกหมอถึงอาการบางอย่างของตนเอง จึงอดถามคนไข้ไม่ได้ว่า แล้วทำไมตอนหมอมาจึงไม่บอก จึงไม่ถาม  คนไข้บอกว่า ตอนนั้นหมอก็ถามแล้วว่า "เป็นอย่างไรบ้าง"  แต่พอคนไข้อ้าปากจะตอบ หมอก็เดินออกไปแล้วด้วยความรวดเร็ว

สรุปก็คือ เป็นการเคลื่อนไหวที่เร็วกว่าเสียง  (ฮา)

ดังนั้นจึงมีหลายครั้ง ที่พยาบาลต้องใช้กลยุทธ์ดักหมอไว้  หรือไม่ก็เตี๊ยมกับคนไข้ ให้ญาติช่วยเขียนรายการคำถามใส่กระดาษให้คนไข้ถือไว้  พอหมอมา ก็ให้ยื่นกระดาษคำถามให้เลย  เพราะหากให้คนไข้หรือญาติพูดถามเอง อาจจะกะทันหันนึกไม่ออก พูดไม่ทัน

เอ๋.. รู้สึกว่าข้อนี้ชักจะยาว แหะๆๆ

..............................

 

  • มีแล้วจะเป็นอย่างไร?
  • What will happen and we will have prepared for it (in a republican conference)

 

คิดว่า ถ้าเรารู้ว่ามีอะไรบ้าง เราก็คงสามารถเตรียมตัวได้ การให้ นศพ. รับรู้ ว่าการทำอะไรกับ "คน" นั้น ต้องอาศัยความละเอียดอ่อนมาก  แม้คำพูด ก็ยังประกอบด้วยอะไรอีกมากมาย  ทั้ง content ที่พูดออกไป มันกำกวม เสี่ยงคต่อการแปลความได้หลายประเด็นหรือเปล่า  ทั้งน้ำเสียงที่ใช้ ทั้งสายตา และสีหน้าเวลาพูดออกไป อาจจะทำให้คำพูดประโยคเดียวกัน คนไข้ก็อาจจะรับรู้แตกต่างกันไป

.......


ส่วน 2 ข้อสุดท้าย

  • หรือไม่ role model อาจจะไม่มี เพราะทะเลก็จะดี ราบเรียบ และมีฝูงปลาไว้ไปมาเยอะ
  • แล้วคนที่ถูกจ้าง ก็เริ่มทำงานอยู่ ค่อยๆเป็นค่อยไป

เป็นปริศนาธรรมค่ะ  อิอิ

role model อาจจะไม่มี  หมายถึง ไม่มีใครเป็นแบบอย่างให้ นศพ. รึเปล่าคะ   ทะเลเปรียบเหมือนคณะแพทย์ ดูภายนอกดี  ราบเรียบ สงบ แต่ใต้ท้องทะเล ประกอบด้วยบุคคลหลากหลาย  แต่คนที่ถูกจ้าง..หมายถึงอะไรหนอ ยังมีอะไรซ่อนอยู่ใต้ท้องทะเลรึเปล่า

55555 เดาไปเรื่อย จนเริ่มเพี้ยนแล้วค่ะ

^_________^

 

ในชีวิตนี้ สิ่งหนึ่ง (สิ่งเดียว?) ที่แน่นอนคือ "ความตาย"

เราได้พยายามอย่างมากมายเพื่อที่จะหาความ "แน่นอน" (แต่ควอนตัมก็หักห้ามการทำอะไรประเภท "แน่นอน" ไปเสีย เพราะยังไม่มีเครื่องมือวัดอะไรที่จะไม่มีผล interfere กับทั้งตำแหน่งและการเคลื่อนที่ของวัตถุที่จะวัดได้ 100%) เหนือไปกว่านั้น ระบบประสาท ของเรานั้น ยังห่างไกลจาก faulty-free อีกเยอะ แค่นั้นยังไม่พอ ภาษาที่เราจะใช้ "สื่อ" เพื่อการแสดงผล ก็ไม่ adequate

เวลาเราบอกว่า "อาหารจานนี้อร่อยจังเลย" เราคิดว่าได้ "สื่อ" ไปอย่างเพียงพอแล้วหรือยัง?

Communication มาจาก "commun" แปลว่า " common" ส่วน -ie นั้นแปลเหมือน -fy แปลว่า "ทำให้เกิด" ศัพท์คำนี้จึงมีความหมายว่า "การทำให้เกิดการรับรู้ร่วมกัน" คำแปลว่า "สื่อสาร" นั้น อาจจะทำให้หลงคิดว่าไปถึง "กระบวนการ" แต่หลายๆครั้งที่เราพบว่า "การสื่อสาร" ไม่ได้เกิดการเข้าใจร่วมกันสักกะหน่อย เราจะเรียก การสื่อแบบนั้น ว่าอย่างไร?

แล้วทำไมเวลาที่คนนึงบอกว่า "อร่อย" อีกคนอาจจะรู้สึก "เฉยๆ" หรือ "ยี้" ไปจนถึง "แหวะ" ก็ยังได้?

เพราะการสื่อสาร failure หรือ? มีวิธีไหนไหมที่จะเปลี่ยนใจคนที่เฉยๆ ยี้ แหวะ ให้เกิด "common perception" เดียวกันได้?

"อาหารจานนี้หยุ่นๆ นุ่มๆ หวานๆ ปะแล่มๆ" จะดีกว่าไหม? อืม... ไม่ค่อย work เท่าไร

แม้กระทั่ง "สีแดง สีดำ สีเขียว" เวลาที่เราพูดนี่ แน่ใจแล้วหรือว่าคนอื่นๆกำลัง รับรู้สีเดียวกับเรา? เขาอาจจะรับรู้ wavelenght นี้เรียกว่า "เขียว" แต่อาจจะเห็นเป็นสีรุ้งอยู่ก็ยังได้

ดังนั้น anything but truths ก็เพราะ WHAT WE SEE (PERCEIVE) นั้น ไม่ใช่อะไรทีใกล้เคียงกับ truths อย่างที่เราคิดเลย

 

แปลกใจตัวเองที่คิดว่า เข้าใจ สิ่งที่หลายๆท่านบอกว่าไม่เข้าใจ จากการอ่านความคิดเห็นทั้งหลายต่อๆกันมา บวกกับความคิดแรกที่คิดว่าเข้าใจ ได้ความคิดอีกแบบ แต่พอลงมาถึงจบสิ่งที่คุณ Phoenix เขียนแล้ว ก็กลับไปเข้าใจแบบตอนแรกอีกอยู่ดี (อธิบายแบบอ่านแล้วคนอ่านไม่เข้าใจแน่ๆเลย แต่อยากเขียนบอกตัวเองไปด้วยค่ะ)

ชอบคุณ k-jira จังค่ะ สิ่งที่เขียนในความเห็นนี่ น่าเอาไปลงสัก 1 บันทึกเลยนะคะ จะได้อ่านกันทั่วๆ 

คุณโอ๋ P ครับ

"เข้าใจ" เป็นของส่วนตั๊ว ส่วนตัวครับ เหมือนไปดูหนังนั่นแหละครับ ผมเลิกถามเพื่อนว่าหนังสนุกไหมไปนานแล้ว เพราะเป็นหนึ่งใน unreliable answer มากที่สุดเลย เรื่องการชอบ/ไม่ชอบ การรับรู้//ม่รับรู้ หรือรับอย่างไร

และตามที่บอกว่าเลย "ความรู้สึกแรก" นั้นแหละครับ มักจะเป็นอันที่ถูก เพราะอันนั้นมักจะมาด้วย "ญาณทัศนะ" หรือ intuition หรือ "ปิ๊งแวบ" ดีกว่า logic step-by-step ของเราอีก

 

คุณ Phoenix P  ครับ
  • "anything but truths ก็เพราะ WHAT WE SEE (PERCEIVE) นั้น ไม่ใช่อะไรทีใกล้เคียงกับ truths อย่างที่เราคิดเลย" 

ทั้งล้ำลึกและ "ล้ำยุค" ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท