เข้าใจเขาอีกนิด สื่อสารมากขึ้นอีกหน่อย เพื่อความเข้าใจซึ่งกันและกัน


ความขัดแย้ง ไม่ลงตัวระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง  หรือ ระหว่างคนทำงานในทีม ในกลุ่ม มีให้พบเห็นเสมอ   ตนเองซึ่งอยู่ในฐานะผู้บริหารระดับกลาง  ก็ได้รับทราบ ทั้งจากทางตรงและทางอ้อมถึงความขัดแย้งดังกล่าวเป็นเนืองๆ

จากการพูดคุยกับทั้งสองฝ่าย  ตนเองพบว่า ทั้งสองฝ่ายมักจะมีความคิดว่า “ทำไมเขาไม่ทำอย่างนี้นะ ทำไมเขาไม่คิดอย่างนี้นะ” “ทำไมเขาทำ โดยไม่คิดถึงใจเราบ้างเลยนะ”  แล้วต่างฝ่ายก็เกิดความขัดแย้ง  เป็นทุกข์  ก่อให้เกิดความเบื่อหน่วยในการทำงาน  ในความสัมพันธ์   ไม่ได้ก่อผลดีให้ใครเลย

การคิดลักษณะดังกล่าวข้างต้น เป็นการคิดโดยเอาตัวเราเป็นที่ตั้ง ตรงนี้แหล่ะ ที่ก่อให้เกิดปัญหากับความสัมพันธ์

สิ่งที่อยากให้ทั้งสองฝ่ายทำคือ การเข้าใจผู้อื่น  โดยอ่านความคิดของเขาว่า เขาจึงทำสิ่งนั้น ทำสิ่งนี้  เพราะมีเหตุปัจจัยอะไร  และ การคิดนี้ ต้องมองโดยเอาตัวเองไปนั่งในสถานะของเขา  ที่เรียกว่า เอาใจเขามาใส่ใจเรา 

นอกจากจะวิเคราะห์ว่า เขาทำเพราะเหตุปัจจัยอะไรแล้ว  ก็ต้องอ่าน (วิเคราะห์) ต่ออีกอย่างคือ เขามองหรือตีความสิ่งที่เราทำอย่างไร  เขาเข้าใจเหตุผลที่เราทำหรือไม่  เราสื่อสารสิ่งที่ได้กระทำไป  ได้ตัดสินใจไป แล้วหรือยัง     หลายครั้ง เรามักจะตีขลุมไปเองว่า  “เขาคงเข้าใจ” “เขาน่าจะรู้ว่าเราทำเพราะอะไร” หรือ “ไม่เห็นต้องบอกเลยว่าเราตัดสินใจแบบนั้น  ทำแบบนั้น  พูดแบบนั้น เพราะอะไร”    ตนเองคิดว่า จะตีขลุมแบบนั้นคงไม่ได้ เพราะพื้นฐานของบุคคลไม่เหมือนกัน  จะให้เขาตีความเอง  เข้าใจเรา  ตรงตามเจตนารมณ์ของเราทั้งหมดคงไม่ได้   ตรงนี้ก็เป็นที่มาของความไม่เข้าใจกันเช่นกัน

จากการพูดคุยกับหลายๆ คน กับผู้ขัดแย้งทั้งสองฝ่าย  พบว่า จริงๆ แล้ว ทั้งสองฝ่ายล้วนมีจุดหมายที่ดีๆ ในงาน มีเป้าหมายให้งานดีทั้งสองฝ่าย  แต่ด้วยการปฏิบัติในบทบาทหน้าที่ที่แตกต่างกัน  และมองอยู่ในมุมของตนเองมากเกินไป  ทำให้เกิดความขัดแย้งดังกล่าวขึ้น

ขอฝากร้อยแก้ว (เขียนกลอนไม่เป็น) ต่อไปนี้  สำหรับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งต่างมีเป้าหมายดีๆ ร่วมกัน

เราเข้าใจเขาหรือไม่
เขาเข้าใจเราหรือยัง
เราสื่อสารกับเขาเพียงพอหรือไม่
เราทั้งสองมีจุดมุ่งหมายร่วมกันหรือไม่ คืออะไร
อะไรเป็นอุปสรรคของการไปสู่จุดมุ่งหมายร่วมกัน
เราจะร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรคนั้นได้อย่างไร

ลองเข้าใจเขามากขึ้นอีกนิด
ลองสื่อสารสิ่งที่เราทำมากขึ้นอีกหน่อย
สิ่งดีๆ จะเกิดขึ้น จากความเข้าใจซึ่งกันและกัน
แล้วเราจะไปสู่จุดหมายที่ร่วมกันของเรา
บนสัมพันธภาพที่ดีขึ้น

 

หมายเลขบันทึก: 43486เขียนเมื่อ 8 สิงหาคม 2006 21:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:34 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

        ผู้ปฏิบัติงานล้วนมีเป้าหมายที่ดีทั้งนั้น  แต่หนทางที่จะก้าวไปสู่เป้าหมายนี่สิ    ล้วนมากปัญหา

        การศึกษาช่วยได้เพียง  บางส่วนเท่านั้น  นิสสัยและสั........   ยากจะแก้ไข     

        ทางสายกลาง  และการไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกินกรอบ  ถ้าทำได้  ปัญหาและความขัดแย้งคงลดลงได้มาก  

         กิเลสและตัณหานี่สิ  ตัวดีนัก  เป็นที่กำเนิดของผู้ที่ชอบโกงหลวง   ใช้อำนาจเกินตัว  กลั่นแกล้ง กล่าวหาและโทษคนที่ชอบขัดแย้งกับตัวเองประจำ   ส่วนผู้น้อยนั้น       ก็จะตกเป็นเหยื่อของระบบซึ่งเป็นมาตั้งแต่ยุกดึกดำบรรพ์แล้ว  และก็คงเป็นเช่นนี้ไปตลอด 

         อ่านในบลอก มีแต่สิ่งดี ๆ ทั้งน้าน  แต่มันก็ยังหงุดหงิดใจยังงัย...ไม่รู้สิ   เหมือนตั้งคำถาม แล้วตอบผิด  หรือตอบผิด เพราะคำถามตั้งมาไม่ตรงคำตอบ 

        

คือเข้าอกเข้าใจในคุณค่า

เข้าใจว่าทุกคนบนวิถี

ปรารถนางานสำเร็จเสร็จด้วยดี

แต่วิธีอาจหลากหลายไม่คล้ายกัน

      ใจของใครก็ใจเขาเข้าไม่ถึง

      แต่อาจดึงมาร่วมสร้างสานทางฝัน

      สื่ออย่างไรให้รู้จักรักผูกพัน

      เติมความจริงจากใจนั้นไม่ยากเลย

ขอบคุณ ผอ.บวร มากๆ ค่ะ  อาจารย์สื่อสารได้ตรงใจมากเลยค่ะ

คุณ suvit

ทางสายกลาง  และการไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกินกรอบ  ถ้าทำได้  ปัญหาและความขัดแย้งคงลดลงได้มาก   เห็นด้วยค่ะ

 อ่านในบลอก มีแต่สิ่งดี ๆ ทั้งน้าน  แต่มันก็ยังหงุดหงิดใจยังงัย.    ลองหันมาเป็นผู้เขียนบล็อกบ้างซิค่ะ อาจเกิดมุมมองใหม่ๆ และมีคำตอบที่ตรงใจให้กับตนเอง

             Suwit ครับ  ไม่ใช่ Suvit

             ผมคงถามแต่ไม่ตรงคำตอบมั้ง  หรือตอบแต่ก็ยังไม่ตรงคำถามน๊ะ  เลยยังไม่เกิดมุมมองใหม่ ๆ และไม่ตรงใจซักที  จบครับ

             ทำไมไม่ขึ้น  ลองอีกที

อาจารย์หมอคะ  เจ้านายนี่ท่านต้องการความสำเร็จของงาน  ท่านมองหาผู้ที่จะทำงานนี้สำเร็จ  พอท่านแจกงานแล้ว  ท่านก็คาดหวังว่าสำเร็จ  และเมื่อสำเร็จแล้ว  ท่านก็เฉยๆค่ะ

ดิฉันทำงานมุ่งหวังแต่งานให้สำเร็จโดยใช้ความรู้ความสามารถของตนที่มีอยู่  ประกอบกับการทำงานที่ชอบใฝ่รู้ใฝ่เรียน  บางครั้งงานนั้นเกินกว่าความสามารถจะทำได้  แต่ก็อาสางาน  ไขว่คว้าจนสำเร็จ  ท่านก็เฉยๆค่ะ

ลองอ่าน  ที่บันทึกเรื่อง  ฉันเหมือนโคนันทวิศาล

และบันทึกอื่นๆที่ดิฉันเขียนถึงท่านผู้บริหาร

อยู่ในเว็บไซต์อื่นๆก็มี  เช่น  ที่นี่ค่ะ

ขอบคุณค่ะ   ที่บ่งชี้ให้  ประพฤติปฏิบัติได้ถูกต้อง  อย่างมีความถูกต้องเป็นสรณะ

อาจารย์สิริพรคะ   ความสำเร็จของงาน เป็นรางวัลแห่งการทุ่มเท  ความสุขใจที่เห็นงานสำเร็จ เป็นกำลังใจที่จะทำงานชิ้นต่อไปให้สำเร็จ  ถึงใครไม่เห็นคุณค่า ก็ไม่เป็นไร

ขอบคุณค่ะ ที่เข้ามาแลกเปลี่ยน

โดนใจอย่างจังเลยค่ะ อาจารย์ จนต้องขอเอาไปเป็นชื่อบันทึกใหม่วันนี้นะคะ

อาจารย์คะ ที่นี่ค่ะเก็บได้จากการทำงาน ประมาณเดียวกัน ช่วยกันเขียนช่วยกันสื่อจะเข้าใจสิ่งเดียวกันมากขึ้น

     หน้าที่การงานที่บริสุทธิ์  คือแหล่งแสวงสุขของมนุษย์ทุกคน ถ้าคิดเป็น สุขตั้งแต่คิดจะทำ  กำลังทำ  และเสวยความอิ่มใจเมื่อการกระทำสิ้นสุด พอใจในผลที่เกิดขึ้น ตามที่มันเป็น  ถ้าไม่เป็นไปตามที่คาดคิดก็นับเป็นโอกาสแห่งการเรียนรู้ เรื่อง อิทัปปัจจยตา กันต่อไปครับ
    จาก .. " ฉันอยากเป็นสุข " มัน ก่อทุกข์ ได้ง่ายก็เพราะว่ามันยาวเกินไปครับ  ไม่เชื่อก็ลองตัดดูได้ ให้สั้นลงเรื่อยๆ จะพบเองว่าที่ไม่ค่อยสุขนั้นเหตุอยู่ที่ตัวไหนบ้าง ...
         " ฉันอยากเป็นสุข "
         " อยากเป็นสุข "
         " เป็นสุข "
         " สุข "

คุณ Handy ให้ข้อคิดที่ดีมากเลยค่ะ ถ้าคนทำงานคิด และ ปฏิบัติ ตามที่อาจารย์เขียนไว้ งานก็จะได้ผล และ คนก็สุขกับการทำงานนั้นด้วย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท