อดใจไม่ไหว : เก็บ (ไม่ตก)ประเด็นบนรถ Taxi


ให้จับประเด็นก็ไม่บอกก่อน รู้งี้นั่งจดทุกคำพูดซะเลย

วันนี้คิดว่าจะไม่เขียนบันทึกสักกะหน่อยแต่ได้แอบอ่านบันทึก ของพี่เม่ย อย่างเปิดเผย แล้วอดใจไม่ไหวจริง ๆ แต่บอกก่อนน๊ะค๊ะ ผู้เขียนก็อาจเก็บ(ไม่ตก)ประเด็นได้ไม่หมดเพราะนั่งตรงกลางระหว่างคุณเอื้อ และ พี่ nidnoi ออกจะเกร็งๆ เกรง ๆ และกลัว ๆ ค่ะ

เรื่องของเรื่องก็คือว่าขากลับจากงานมหกรรม KM พวกเรา 4 สาว(สวย) นั่งTaxi คันเดียวกันค่ะ พี่เม่ยนั่งหน้ารถ แต่ไม่ใช่บนกระโปรงรถน๊ะค๊ะ ส่วนพวกเราที่เหลือก็นั่งเบาะหลังกัน

ถ้าจำไม่ผิด อายุอานามของคุณลุงคนขับ Taxi มากกว่าพ่อเราอีก เท่าไร ? ไม่รู้ รู้แต่อายุพ่อเราเอง ลืมไปพอลุงเขามาัรับพวกเรา ก็แก๊สหมดพอดีแกเลยขออนุญาตพวกเราเิติมแก๊สรถยนต์ก่อน ก็ได้ความรู้ว่าใช้แก๊ส(หุงต้ม)ประหยัดได้ดีมาก เิติมเต็มถังวิ่งได้ 400 กม. (ประมาณ2 วัน)

พี่เม่ย แกก็ชวนคุยไปเรื่อย ผู้เขียนอดแซวในใจออกมาดัง ๆ ไม่ได้ เพิ่งรู้ว่าพี่เม่ยก็อยากรู้เอ๊ย ! ล้วงความลับชาวบ้านเหมือนเราเลย ถ้ารู้ไม่หมดเผลอ ๆจะนอนไม่หลับ แต่ถ้ารู้มากไปก็อาจเล่นนอนไม่หลับเหมือนกัน คุยกันไปเรื่อยค่ะ ได้ไปหลายเรื่องมากเหมือนกัน ว่าไปก็คล้ายละครหรือนวนิยายเรื่องยาวเรื่องหนึ่งเลยค่ะ

"คุณลุงแต่งงานตอนอายุ 20 ปี มีลูกแล้ว 2 คน(มั๊ย?) คนหนึ่งทำงานแล้ว อีกคนกำลังเรียนราม ฯ ถ้าจำไม่ผิด ภรรยาเป็นคนเรียบร้อยไม่ค่อยสุงสิงกับใครอยู่บ้านเลี้ยงลูก เป็นที่ถูกอกถูกใจคุณลุงมาก ว่าแต่กว่าจะได้ร่วมหอลงโลง ชีวิตก็ผ่านความหฤโหดมามากเหมือนกัน ด้วยความที่ผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิงไม่ชอบฝ่ายชาย ก็เลยพาหนีไปเชียงใหม่ 1 เดือน และยังตราหน้าไว้ว่าคงอยู่กันไม่ยืดแน่ !! อีกทั้งพ่อของฝ่ายหญิงก็เอามีดมาแทงพ่อฝ่ายชายจนเป็นเรื่องเป็นราวกันด้วยน๊ะ  (ไม่อยากเขียนมากเดี๋ยวผิด)  เรื่องนี้บู๊น่าดู แต่ทั้งสองก็ประคับประคองชีวิตมาได้เนิ่นนาน คุณลุงมีรถ Taxi เป็นของตัวเองด้วยยังใหม่อยู่เลยก็คันที่พวกเรานั่งนั่นแหละ  ยืมเงิืนพี่สาวมาส่วนหนึ่ง ซึ่งก็ใช้คืนหมดภายใน 2 ปี" 

ผู้เขียนก็ฟังเพลินตามประสาคนชอบฟังเรื่องชาวบ้าน เพิ่งมารู้อีตอนหลังว่าพี่เม่ยน่ะอยากฝึกพวกเราให้รู้จักจับประเด็น..โธ่ ไม่บอกก่อน ผู้เขียนจะได้จดทุกคำพูดซะเลย--อิ อิ ว่าแต่เนี่ยก็หลายวันแล้วน๊ะ ลืมบ้างคงไม่เป็นไรน่า

จำได้ว่าพี่เม่ยถามผู้เขียนว่าจับประเด็นอะไรได้บ้าง แต่ผู้เขียนไม่ตอบ แต่วันนี้ขอตอบตามตรง  ว่าได้แค่นี้เอง ...ไม่น่าจะเรียกว่าจับประเด็นเป็นการวิเคราะห์ซะมากกว่า

  • เวลาเป็นเครื่องมือพิสูจน์ชีวิตของทั้งสองได้เป็นอย่างดีอีกทั้งคำสบประมาทก็คงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทั้งคู่ยิ่งประคับประคองชีวิตไม่ให้ใครเขาดูถูกดูแคลนเอาได้
  • พี่ผู้ชายคงเป็นคนขยันน่าดู หากินคนเดียวภรรยาเลี้ยงลูก ส่งลูกเรียน เก็บเงินซื้อรถและผ่อนใช้คืนพี่สาวได้ในเวลาสองปี อีกทั้งมุมานะพยายามน่าดู
  • ส่วนผู้หญิงก็คงช่างประหยัดและเก็บหอมรอมริบน่าดูก็ไม่ได้สุงสิงกับเพื่อนบ้านเท่าไร
  • ผู้พูดมีความภูมิใจกับชีวิตคู่ทรหดและครอบครัว คือลูกๆ  ที่ผ่านมา

ถ้าจำไม่ผิด(อีกแล้ว) วันนั้นท่านพี่ (เม่ย) ก็สรุปประเด็นให้เราฟัง  ว่าเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าถ้าหากพ่อแม่แต่ละฝ่ายมีการพูดจากันดี ๆ หันหน้าเข้าหากัน ก็คงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้...

ผู้เขียนเข้าใจแล้วว่า "มุมมอง" ของผู้เชี่ยวชาญ ช่างลึกซึ้งเป็นเช่นนี้นี่เอง !!! อย่าหัวเราะผู้เขียนเลยน๊ะ --อาจต้องฝึกอีกเยอะ หรือไม่ก็เลิกฝึกไปเลยเถอะ

                       เฮ้อ !เก็บไม่ตก

หมายเลขบันทึก: 66135เขียนเมื่อ 8 ธันวาคม 2006 22:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 พฤษภาคม 2012 22:30 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)
พี่เม่ยว่าคุณศิริจับประเด็นได้เก่งมากเลยค่ะ
  • ความจริงมีอีกเรื่องนึงที่พี่เม่ยตั้งใจให้คุณศิริ กับคุณ nidnoi สังเกตค่ะ ว่าเราคุยกับเขาอย่างไรน้า... พี่แท๊กซี่เค้าถึงได้เล่าเรื่องราวออกมาได้ละเอียดละออ แถมหน้าตาดูอิ่มเอมมีความสุขมากๆ  ไม่ใช่เป็นการฝืนใจตอบเลย....เช่น...
  1. เราตั้งคำถามน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นการถามอย่างชื่นชมและอยากฟังต่อ
  2. เราฟังอย่างตั้งใจกันทุกคนเลย
  3. เราไม่พูดแทรกพี่เค้าเลย
  4. พี่เค้าคงเป็นคนคุยเก่งอยู่แล้วเนาะ!
  5. ..........
  • ผู้เขียนว่ายิ่งกว่านี้ก็คือ บรรยากาศพาไปค่ะ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเป็นมิตร สดชื่น...ตลบอบอวลไปด้วยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เปิดหู เปิดตา เปิดใจ และเปิดเผย... 
  • ไปคราวนี้ผู้เขียนมีความสุขมากค่ะ ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกกลัว  ๆเกร็ง ๆ (ยิ่งไปกับท่านเอื้อด้วย...อึ๋ย!)
แวะมาอ่าน ถ้าจะจริง ว่าเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าถ้าหากพ่อแม่แต่ละฝ่ายมีการพูดจากันดี ๆ หันหน้าเข้าหากัน ก็คงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้... เอ หรือต้องเลียนแบบTaxi

โห...สุดยอดๆๆ...ขอชมคะ...

....

KM เก็บตก บนรถแท๊กซี่...อิอิ

(^_______^)

กะปุ๋ม

พี่เม่ยเป็นคน "คุยเป็น"  ค่ะ    คุยไปชมไป (แบบไม่เลี่ยน)    ทำเอาคุณน้าแท็กซี่   เล่าไปยิ้มไปด้วยความภูมิใจ   

ส่วนคุณน้าเท็กซี่  ก็เป็นคนที่เล่าเรื่องได้สนุก  ชวนติดตาม   มีการเว้นระยะ   ให้เราถามด้วยนะ   คือถ้าผู้โดยสารไม่ถาม   ก็คงจะไม่เล่าต่อ  (เป็นการเล่าแบบไม่ยัดเยียด)

จะเห็นว่าเมื่อผู้เล่า  เล่าด้วยความภูมิใจ  (ไม่ใช่คุยโวโอ้อวด)    เรื่องมันเลยน่าฟัง   

อ.จันฯ ค๊ะ ขอบคุณค่ะ

คุณขจิต จะเลียนแบบคุณลุงหรือค๊ะ ว่าแต่อย่าบู๊เกินไปน๊ะค๊ะ หรือหฤโหดถึงกับเอามีดไล่แทงกันเลยค่ะ เอ๊ะ ! อย่างนี้แสดงว่ามี...กะเขาแล้วสิ

คุณ Ka-poom ค๊ะ วันนั้นถ้าหากคุณ Kapoom ไม่รีบเราก็จะได้นั่ง Taxi คันเดียวกันแหง ๆ  บางทีคุณกะปุ๋มอาจจะได้อะไรที่เยอะกว่านี้

ใช่แล้วค่ะ พี่ nidnoi ต้องชมพี่เม่ย ว่า "คุยเป็น " ผู้เขียนฟังพอเป็น จากเก็บตกก็เลยเป็นเก็บไม่ตกเลย --เฮ้อ ! โธ่ถังกะละมังหาย-อิ อิ

บันทึกนี้ เล่าได้ธรรมชาติมาก...คุณศิริเป็นคนเขียนอะไรได้อย่างธรรมชาติมากค่ะ...ขอบอก...ว่าแต่คุณเมตตา ตะลึง...พี่เม่ย...มากๆ ค่ะ นั่ง taxi 200 บาท...ได้ tacit k. คุณลุงคนขับ มาเพียบ...อีกทั้งได้ฝึก ทีมงาน capture อีก...สามารถ..จริงๆ

อยู่ใกล้พี่เม่ยแล้วใช้ชีวิตได้คุ้มจริง ๆ น๊ะขอบอก อ้อ! อีกคนคือคุณเอื้อไง เผลอไม่ได้ชอบชวนคุยเรื่อง..งานอยู่เรื่อย...อิ อิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท