เปิด Blog และเขียนบันทึกไปทำไม? และ อย่างไร?


ผมเริ่มเขียนบันทึกลง Blog ด้วยความหวังว่า จะให้ Blog เป็นเครื่องช่วยให้ผมหายอึดอัด ครับ

     ไม่ได้เปิดตำราเล่มใด  แต่จะขอ เปิดใจ บอกว่าที่คิด ที่ทำตลอดมาในการเขียนบันทึกลง Blog นั้นเหมือนการเดินทางที่ พบทั้งทางที่ขรุขระ ทุรกันดาร และเป็นทางที่ราบเรียบ เดินสะดวก สลับกันไป  แต่ทั้งหมดล้วนได้ประโยชน์คือการเรียนรู้เพื่อการปรับตัวไปสู่สิ่งที่ดีกว่าครับ
      ผมเริ่มเขียนบันทึกลง Blog ด้วยความหวังว่า จะให้ Blog เป็น เครื่องช่วยให้ผมหายอึดอัด ครับ  ความอึดอัดที่ว่านั้นมีหลายอย่าง เช่น

  • อึดอัดที่เห็นคนทำอะไรผิดพลาดซ้ำซาก  ทำให้อยากเขียน อยากเสนอแนะ อยากช่วยเหลือ ให้แง่คิดจากประสบการณ์
  • อึดอัดที่เห็นระบบบริหารจัดการในองค์กรต่างๆ ทำกันแบบไม่เอาไหน เลยอยากเขียนเพื่อหาแนวร่วม เผื่อว่าจะได้เกิดเครือข่าย มีพลังผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้บ้าง
  • อึดอัดที่สั่งสมประสบการณ์ มีความรู้จากการปฏิบัติมากหลายอย่าง  แต่ไม่ได้เขียนบอกใคร  ไม่อยากให้มันตายไปพร้อมกับตัวของเรา .. อยากใช้ Blog เป็นช่องทางหนึ่งของการ " แจกของ - ส่องตะเกียง " ครับ
  • อึดอัดที่ หาคนรอบข้างที่คิดเห็นอย่างเดียวกันได้น้อย .. อยาก สื่อความเป็นตัวตนของเรา  เพื่อหาเพื่อนแท้ชนิด กัลยาณมิตร ใหม่ๆ ให้กว้างไกลออกไป โดยการ รู้ใจทั้งๆที่ยังไม่เคยพบหน้ากัน ... ได้ผลมากครับ และนับวันจะยิ่งทวีจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • ฯลฯ

     ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้นผมก็เริ่มเขียนบันทึก  เขียนแบบสบายๆ  โดยไม่ต้องร่าง  ตอนเริ่มต้นนั้นคิดไว้ดิบดีว่าจะเขียนสาระที่อยู่ในกลุ่มความรู้ด้านต่างๆ โดยแยกไว้ชัดเจน  เช่น

  • ความรู้ว่าด้วยการแก้ปัญหาด้านอุปกรณ์เทคโนโลยีที่เราคลุกคลีมาทั้งแบบมวยวัด มวยบ้าน  
  • ความรู้ด้านการประยุกต์ใช้ศาสนธรรมกับการแก้ปัญหาชีวิต 
  • ความรู้-ประสบการณ์ด้านการจัดการเรียนการสอน  .. และ
  • ความรู้ด้านการสร้างสรรค์และประยุกต์ใช้สื่อการเรียนรู้ เป็นต้น  

      ถึงขนาดตั้งหัวข้อย่อยๆเอาไว้หลายสิบหัวข้อ  แต่พอทำเข้าจริงๆ  ก็ไม่สามารถควบคุมให้เป็นไปตามนั้นได้ครับ  เหตุสำคัญอยู่ที่เราทำงานหลายอย่างเกินไป  และเพลินกับความสุขจากการรับใช้ผู้อื่น ทั้งในโลกการงานและโลกส่วนตัว  ผมสารภาพว่าไม่สามารถจัดเวลาทำตามที่ตั้งใจไว้ได้  จึงต้องเขียนไปแบบ ตามใจฉัน เป็นหลัก  ไม่มีกฏเกณฑ์กำหนดว่าจะให้เป็นเรื่องแนวใหนสักกี่มากน้อย หลายครั้งเกิดฉุกคิดอะไรบางอย่างเมื่อไปอ่านบันทึกของท่านอื่น ก็นำมาคิดและเขียนต่อ  เขียนไปตามความรู้  ความรู้สึก  และประสบการณ์ของเรา  แต่ที่ยังชัดเจนไม่เคยเปลี่ยนคือ  เขียนด้วยใจ ที่อยากให้  อยากแบ่งปัน และแลกเเปลี่ยนเรียนรู้ ครับ

     สำหรับเรื่องเคล็ดลับก็ไม่มีอะไรมากครับ  จะลองว่าไปตามที่ใจนึกได้ดังนี้

  • ยึดหลักการให้เกียรติ และเคารพในศักดิ์ศรีของทุกคนว่า เป็นมนุษย์เท่ากัน  ไม่ใช้ถ้อยคำดูหมิ่น ดูแคลนใครๆ โดยเฉพาะการใช้บันทึก ทำให้คนดี อึดอัด  ไม่สบายใจ พึงหลีกเลี่ยง  ไม่ควรทำ
  • เชื่อมั่นในความจริงที่ว่า ความสุขจากการให้นั้นอิ่มนาน และมั่นคงยั่งยืนกว่าสุขจากการรับ .. จึงเขียนด้วยใจอยากให้เป็นสำคัญ
  • ไม่มองเพื่อน Blogger ว่าเป็นคู่แข่ง  เห็นใครเขียนอะไรดี มีประโยชน์ก็แนะนำ ทำ Link ส่งเสริมให้คนไปอ่านมากๆ .. อย่าน้อยใจว่าใครๆมาอ่านน้อย  เขียนมากๆ  เขียนบ่อยๆ  หากเป็นประโยชน์เขาจะมาอ่านกันเอง การยอมรับจากผู้คน ในตัวตนของเรา ควรให้เป็นไปตามธรรมชาติ  ไม่ต้องดิ้นรนจนเป็นทุกข์
  • ตอบขอบคุณผู้แวะมาอ่านและทิ้งร่องรอยให้เราให้มากที่สุด 
  • ความคิดเห็นใดดี มีประโยชน์ก็อาจนำไปขยายผลเขียนเป็นบันทึกใหม่ได้  โดยอาจผสมผสานความคิดของเราและเขาเข้าด้วยกัน
  • เมื่อกล่าวอ้างถึงบุคคลใด ก็จะทำ Link ให้คนอ่าน Click ไปรู้จักผู้นั้นได้ทันที  และมักจะทำ ตัวหนา ให้ด้วยเพื่อแสดงการให้เกียรติ และเห็นความสำคัญ  .. แต่ตอนหลังก็ละเลยไปบ้างเพราะรีบครับ
  • อ่านบันทึกคนอื่นแล้วพบว่าเขาคิดดี ทำดี ก็จะรีบส่งเสริม ให้กำลังใจทันที  ด้วยถ้อยคำที่จะเสริมพลังให้เขาได้ทำสิ่งนั้นๆเพิ่มขึ้น
  • เน้นการ ทำเรื่องยากให้ง่าย  โดยไม่ต้องกังวลมากไปกับศัพท์เทคนิคทางวิชาการ  ถ้าไม่จำเป็นอาจไม่ใช้เลยก็ได้  เน้นการเข้าใจง่าย และประโยชน์ที่ผู้อ่านจะได้เป็นสำคัญ
  • ยอมรับตัวเราเองตามที่เป็นจริง  มีความสามารถอะไรก็เปิดเผยออกไป  ให้คนเขาได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เรารู้  ส่วนที่เราไม่รู้ก็ไม่ต้องปิดบัง  เพื่อใครๆจะได้ช่วยเติมเต็มให้  ยึดหลักว่าไม่มีใครเก่งไปทุกเรื่อง .. ไม่อายที่จะบอกว่าไม่รู้
  • อารมณ์ขันเป็นเรื่องสำคัญ  ไม่ควรละเลย  แต่ระวังอย่าผลีผลามถ้ายังไม่ค่อยมีทักษะด้านนี้  เสียคนไปเพราะ  อารมณ์ขันที่ไม่พอดี และผิดที่ ผิดเวลา ก็เคยมีนะครับ
  • การตั้งชื่อบันทึกก็สำคัญ  ควรให้น่าสนใจติดตาม  อาจตั้งเป็นปริศนา  หรือใช้ถ้อยคำที่ คล้องจอง และดูแปลกกว่าธรรมดา เช่น 
           *   ช่วยด้วย ... เขาหาว่าผม "พูดดี" 
           *  แค่สลับสายไฟเส้นเดียว .. หมูโดนเคี้ยวไปแล้วไม่รู้เท่าไหร่ ? 
           *  " ชุบมือเปิบ " มิติใหม่ของการเขียนบันทึกลง Blog 
           *  เชื่อมั้ย ใครคนหนึ่งบอกรักผมผ่าน Blog เรียบร้อยแล้ว !   ....   เป็นต้น
  • อื่นๆอีกมากมายครับ ... ติดตามอ่านได้ที่ บันทึกนี้ ของ อ. paew  และ บันทึกนี้  ของท่าน  สิงห์ป่าสัก  ครับ
หมายเลขบันทึก: 118802เขียนเมื่อ 11 สิงหาคม 2007 08:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:52 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

สวัสดีค่ะ P 

  •  อ่านความในใจของอาจารย์ ทำให้เกิดแรงบันดาลใจ ไม่เฉพาะเรื่องการเขียน blog แต่รวมเป็นถึงแง่คิด มุมมองโลกและชีวิตให้คิดตามและคิดต่าง

 

  •  ชอบมากก็คือเคล็ดลับ    ที่เชื่อว่าความสุขจากการให้เป็นความสุขที่อิ่มนาน มั่นคงกว่าความสุขจากการรับ  ฯลฯ

 

  • ขอบคุณสำหรับสิ่งที่ดี ๆ ทีมีให้ในเช้าอากาศดี ๆ อย่างนี้  ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ 

เรียน ท่านอ. Handy ค่ะ

  • ขอบคุณสำหรับบันทึกเคล็ดลับของอาจารย์  ที่มีมุมมองครอบคลุม....เคล็ดลับของอาจารย์สุดยอดเลยค่ะ...หนูขอเก็บไปเติมเต็มในการบันทึกค่ะ
  • .....แล้วพบกันที่เชียงใหม่นะคะ.....
  • สวัสดีครับ
  • สำหรับผมแล้ว,  การเขียนบันทึกเป็นเสมือนการสังเคราะห์ตัวตนของตนเอง  ทั้งในแง่มุมการทำงานและแง่มุมของการใช้ชีวิต
  • และยังเป็นเสมือนการร่อนจดหมายแห่งมิตรภาพเพื่อเปิดเวทีในการต่อยอดความคิดและโลกทัศน์  หรือแม้แต่ชีวทัศน์ ..
  • .....
  • ขอบพระคุณครับ

เข้ามาเรียนรู้เพื่อนำไปปรับปรุงครับ ขอบคุณในประสบการณ์ดีเด่น

เห็นด้วยเป็นที่สุดครับ

และกำลังพยายามพัฒนาตนอยู่ด้วยครับ

Konnichiwa Handy sensei

เห็นด้วยมากที่สุดค่ะ ... เป็นแนวทางที่ดีมากๆ สำหรับทั้ง Blogger มือเก่งและมือใหม่หัดขับค่ะ

ขอบคุณค่ะ

อยากเขียนอย่างอื่นนอกจากที่เขียนทุกครั้ง จนชักจะเขินที่จะเขียนความเห็นแล้วค่ะ จะอ่านเฉยๆก็อยากจะเขียนด้วย สรุปว่า ต้องเขียนเหมือนเดิมค่ะ ว่าช้อบ...ชอบอีกแล้วค่ะ แทนใจได้ตรงเป๊ะหลายข้อเลยทีเดียว

แต่สิ่งหนึ่งที่รู้สึกจากรายละเอียดทั้งหมดนี้ก็คือ ชักสงสัยว่า พี่ Handy ของเรานี้เป็นมนุษย์ธรรมดาหรือเปล่าคะ คนอะไรจะมีทรัพยากรในตัว ในหัวมากมายขนาดนี้ อยู่ในระดับที่ไม่ต้องแบ่งแยกเรื่องแล้วล่ะค่ะ บล็อกเดียวนี่แหละ เพราะทุกอย่างบูรณาการอยู่ด้วยกันอย่างลงตัวที่สุดแล้ว

ขอบคุณสำหรับอีก 1 บันทึกที่คู่ควรแก่การขึ้นบัญชี "อมตะ"ค่ะ  

ความรู้มากมายที่ได้ในวันนี้
เพื่อบ่งชี้สืบสานงานความรู้
เป็นข้อคิด ข้อไขให้คิดดู
ว่าความรู้ที่ได้ ใครให้มา

ก็อาจารย์Handyคนนี้หนา
มีวิชามีความรู้น่านับถือ
แม้ว่าใครได้อ่านต้องร้องฮือ
คำร่ำลือที่ว่านั้นเป็นจริง

 

สวัสดีครับพี่บ่าวที่เคารพรัก จุ๊บๆ (ฮา มุขนี้จะทำให้ผมเสียคนเปล่าครับ)

ที่ผมมาเขียนบล็อกก็ทำนองพี่บ่าวแหละครับ  มันอึดอัด  คนรอบข้าง  แม้แต่คนใกล้ชิด  ก็คุยกันคนละภาษา

เราก็คุยภาษาเขาได้แหละ  แต่เขาไม่เข้าใจภาษาเรา  ธรรมะสำหรับเราทำให้ตื่น  แต่บางคนเป็นยานอนหลับ  555

ก็เลยมาขีดๆ เขียนๆ ระบายออกมาบ้าง  ผิดบ้างถูกบ้าง  อย่างน้อยก็ได้ทำ

และที่ดีใจก็คือเจอคนคอเดียวกันหลายคน  และในหลายคนนั้นก็เก่งๆ ทั้งนั้น ทำให้หายอึดอัดไปเยอะครับ

ผมว่าบล็อกก็เป็นทางหนึ่งที่ทำให้หลายคนที่คิดเหมือนกันแต่ไม่อาจพบหน้ากันได้  ได้พบกัน คุยกัน  และเปลี่ยนกัน  และสานต่อเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้  ต่อยอดจากสังคมไซเบอร์  เป็นสังคมจริงๆ ที่ได้พบหน้ากันจริงๆ ซึ่งก็เห็นเป็นรูปธรรมกันมากขึ้นเรื่อยๆ

หลายอย่างมีทั้งข้อดีและข้อด้อย  แต่ก็ต้องปรับๆ กันไป  ทำข้อดีให้แข็งแกร่ง  ทำข้อด้อยให้อ่อนกำลังลงจนไม่มีแรงมาออกฤทธิ์ได้

นี่อาจเป็นทางออกอันหนึ่งให้สังคมไทยเราน่าอยู่ขึ้นนะครับ

รักนะ

จุ๊บๆ (ฮา)

สวัสดีน้อง Handy และ ทุกท่าน ครับ

วันนี้โอกาสดี "วันแม่" พอมีเวลาก็แวะมาเยี่ยมมาอ่าน

บันทึกของน้อง  หลังจากห่างเหินไปนาน บล็อกตัว

เองแทบร้าง

อ่านแล้วได้แง่คิดความเห็นเยอะมาก ยากที่จะ

บอกกล่าวได้หมด  ก็คงรู้สึกไม่ต่างกันนัก..เชื่ออย่างนี้

นะ

ขอบใจที่นำความคิดเห็นดีๆ มาบอกกล่าว ครับ

ขอขอบคุณทุกท่าน ทุกความเห็นครับ
    ดีใจที่สิ่งที่นำเสนอ โดนใจ และตรงใจหลายๆท่าน
    นั่นคือเครื่องบ่งบอก ความเป็น "พวกเดียวกัน" แต่ไม่ใช่ประเภทจะยกพวกไปตีกับใครนะครับ  มีแต่จะไป เพื่อให้  เพื่อ แลกเปลี่ยนแบ่งปัน
    ขอบคุณอีกครั้งครับ

P
ขอบคุณมากสำหรับ คำแนะนำดีๆค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท