สวัสดีค่ะคุณดาว
คุณดาวเล่าว่า.....
ชื่อนักร้องโบโน จำได้แม่น พี่ชายชอบเขามากค่ะ แต่หลังๆนี่ กลายเป็นนักร้อง นักกิจกรรมไปแล้ว
ดิฉันได้อ่านพบ ข้อเขียนของคุณวรากรณ์ สามโกเศศ และขอนุญาตสรุป มาณ ที่นี่ค่ะ
Bono ผู้เป็น Rock Star ที่ไม่ธรรมดา
โดย วรากรณ์ สามโกเศศ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ มติชนรายวัน วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2548 ปีที่ 28 ฉบับที่ 10155
โบโน วง U2 เป็นวงที่มีชื่อเสียง ก้องโลกมาเป็นเวลากว่า 20 ปี คอนเสิร์ตของเขามีบุคคลสำคัญของโลกเข้าชมอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจัดที่ไหนก็จะมีคนเข้าชมแน่นขนัด
U2 ได้รับเลือกเข้า Rock and Roll Hall of Fame ในเดือนมีนาคม 2005 และเป็นวงที่ทำรายได้สูงสุดในการเล่นคอนเสิร์ตทั่วโลกในปี 2005 ด้วย
Bono ปัจจุบันถูกขนานนามว่าเป็น rock star-stateman เป็นนักร้องหน้าตาไม่โกนหนวดโกนเครา ผิวขาว ใส่หมวกปีกบาน ชอบใส่แว่นตากันแดดเฉี่ยวๆ ใส่ตุ้มหู หวีผมเสยไปข้างหลัง หน้าตาท่าทางเอาเรื่อง
เขาเป็นคนที่เชื่อมั่นในศาสนาอย่างมากๆ และชอบในเชิงปฏิบัติ มากกว่าทฤษฏี
Bono มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการช่วยเหลือคนยากจนสุดสุดในประเทศด้อยพัฒนาของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแอฟริกา
เขาไปพบปะนักการเมืองอเมริกันที่วอชิงตัน ดี.ซีเป็นประจำ พบผู้นำทางความคิดในองค์กรต่างๆ พบประธานาธิบดีคลินตันและบุช ตลอดจนพบผู้นำยุโรปเป็นระยะๆ ด้วยการใช้ตั๋วของการเป็นคนดังที่มีชื่อเสียงอยู่บนฐานของความเชื่อมั่นในการสร้างความดีความงามให้แก่โลก
Bono เก่งมาก
เพราะทุกคนก็ปรารถนาที่จะมีความเกี่ยวพันกับสิ่งที่เป็นบวก ตอนแรกผู้คนก็คลางแคลงใจว่า จะเป็นการตลาดส่วนตัว เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของเขาหรือไม่ แต่เมื่อได้พบปะพูดจากับเขาแล้วทุกคนก็เชื่อว่าเขาเป็น "ของจริง" และให้การสนับสนุน
งานชิ้นสำคัญที่ตัวเขา องค์กรของเขา ที่ตั้งขึ้นเพื่อพันธกิจนี้ (DATA ซึ่งย่อมาจาก Debt AIDS-Trade-Africa) กับ Bill และ Melinda Gates ทำสำเร็จก็คือผลักดันให้ที่ประชุม G-8 (ที่ประชุมของประเทศร่ำรวยสุดในโลก 8 ประเทศ)
ในการประชุมเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ยกหนี้ทั้งหมดมูลค่า 40,000 ล้านเหรียญที่ประเทศยากจนสุดเป็นหนี้ พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศเหล่านี้รวม 50,000 ล้านเหรียญ (25,000 ล้านเหรียญ เป็นของแอฟริกา) และยืนยันที่จะจัดหายาสำหรับผู้ที่มีเชื้อ HIV เกือบ 10 ล้านคนในประเทศยากจนสุดให้
G-8 ประชุมกันที่เมือง Gleneagles ในสกอตแลนด์ ในงานนี้ Bono ได้พบ 5 ใน 8 ผู้นำของ G-8 พร้อมกับจัดคอนเสิร์ตในเมือง Edinburgh ในเวลาใกล้เคียงกันเพื่อสร้างแรงกดดันสนับสนุนอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นก่อนการประชุม G-8 ไม่นาน
เขาจัดคอนเสิร์ตให้คนเข้าฟังฟรีในทุกประเทศที่เป็นสมาชิกของ G-8 เพื่อสนับสนุนไอเดียของการยกหนี้ ผลก็คือมีคนเข้าฟังแน่นขนัดพร้อมกับสนับสนุนไอเดียของเขาซึ่งเป็นแรงไปกดดันผู้นำอีกต่อหนึ่ง
ตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา ตัวเลขการให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศยากจนเพิ่มขึ้นสูงอย่างน่าสังเกต จนไม่รู้ว่าเป็น Bono Effects หรือไม่ กล่าวคือตั้งแต่ปี 2001 เพิ่มจาก 67,000 ล้านเหรียญ เป็น 80,000 ล้านเหรียญ และคาดว่าจะสูงขึ้นอีกร้อยละ 60 ก่อนถึงปี 2010
ทั้งนี้ เนื่องจากหลายประเทศในยุโรปได้ยืนยันว่าจะบริจาคเงินร้อยละ 0.7 ของ GDP (สหรัฐอเมริกาปัจจุบันบริจาคร้อยละ 0.1) ซึ่งการยืนยันเหล่านี้เขามีส่วนร่วมในการผลักดัน
สิ่งที่ Bono มีไม่ใช่ความสงสารซึ่งทำให้เกิดความต้องการช่วยลดความเจ็บปวด
หากเป็นความเร่าร้อน แห่งอารมณ์เมื่อเห็นความอยุติธรรม และต้องการแก้ไข ซึ่งจะช่วยยั่วยุ กระตุ้น ชักจูง โน้มน้าวให้คนในระดับมหาเศรษฐี และคนชั้นกลางโดดเข้ามามีส่วนร่วม ในการแก้ไขความอยุติธรรม ที่เพื่อนร่วมโลกจำนวนหนึ่งเผชิญอยู่
(ข้อมูลหลักจาก Time, January 2, 2001)
หน้า 6
ขอชื่นชมสิ่งที่คุณทำไปด้วยจิตอาสาอย่างแท้จริงค่ะ
ได้ตามเข้าไปอ่านงานของคุณ Mr. Kraton Pai .......ที่เขียนว่า ทำงานด้วยอุดมการณ์ที่แรงกล้า มุ่งมั่น พัฒนา ด้วยจิตสำนึกรักบ้านเกิด
ถ้ามีคนแบบนี้ มากๆ บ้านเมืองของเราจะน่าอยู่กว่านี้ค่ะ