วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐
วันนี้ดิฉันเดินทางมาถึงศูนย์ประชุมไบเทค ก่อน ๐๘.๐๐ น. อีกเช่นเคย กะว่าจะมาเก็บภาพโปสเตอร์ต่างๆ เพิ่มเติม เห็นผู้เข้าประชุมบางคนให้ความสนใจเอาเก้าอี้มานั่งจดรายละเอียดที่มีในโปสเตอร์ บางคนก็ถ่ายภาพเก็บไว้ ความสนใจและความตั้งใจที่จะเรียนรู้ของคนทำงานมีมากจริงๆ
บริเวณนิทรรศการตอนเช้าๆ |
เจอคุณหมอสุพัตรา ศรีวณิชชากร แต่เช้า จึงกล่าวชมว่าคุณหมอสุพัตราได้นำเอาคุณค่าของบริการปฐมภูมิซึ่งเดิมคนอาจจะมองไม่เห็น มาแสดงให้เป็นที่ประจักษ์ ดิฉันเชื่อว่าคนทำงานปฐมภูมิจะมีความภาคภูมิใจในงานและในตนเองสูงขึ้นแน่ๆ ผู้คนจะยอมรับและเห็นความสำคัญของบริการปฐมภูมิมากยิ่งขึ้น
ดิฉันชื่นชมการทำงานของคุณหมอสุพัตราและทีมงานของ สพช. มาก ตลอดระยะเวลา ๓ ปี ที่รู้จักและติดต่อกัน ดิฉันเห็นความมุ่งมั่นเอาจริงเอาจัง และได้เห็นความสำเร็จต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย
กิจกรรมในห้องประชุมใหญ่เริ่มขึ้นเมื่อเวลา ๐๘.๓๐ น.กว่าเล็กน้อย พิธีกร ๒ ท่านเดิม (ทพ.ดร.วิรัตน์ เอื้องพูลสวัสดิ์ และคุณอลิสา ศิริเวชสุนทร) ทำหน้าที่เชิญชวนผู้เข้าประชุมที่อยู่ภายนอกให้เข้ามาในห้อง พร้อมชี้แจงเรื่องต่างๆ ทำให้เรารู้ว่าการประชุมครั้งนี้มีคนเข้าถึง ๒,๙๐๐ คน เพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับการจัดในครั้งที่ ๑ ที่มีคนเข้าประชุม ๑,๑๐๐ คน
เวลาประมาณ ๐๘.๔๐ น. เริ่มละครเวที “สะท้อนอุดมการณ์ระบบสุขภาพชุมชน” ของนักแสดงเยาวชนโรงเรียนสวรรค์อนันต์วิทยา จ.สุโขทัย เดิมดิฉันไม่ได้คาดหวังอะไรกับละครชุดนี้ แต่เมื่อได้ดูแล้วกลับประทับใจอย่างมาก เยาวชนกลุ่มนี้แสดงได้เก่งมาก สะท้อนสาระได้ตรงตามหัวเรื่อง ทำให้คนดูเกิด reflection และยังรู้สึกสนุกสนาน
หมอจุก และหมอเดียร์ |
การแสดงใช้เวลาประมาณ ๓๐ นาที ตัวละครเด่นมีคุณยาย (จำชื่อไม่ได้ มีหรือเปล่าไม่แน่ใจ) หมอเดียร์ หมอจุก คุณยายบอกว่าตนเป็นเบาหวาน มีคนบอกว่าเวลาป่วยแล้วไป รพ.เอกชน หมอพูดเพราะ ไม่อยากไป รพ.รัฐ เพราะไม่อยากโดนดุ ต่อมากลุ่มชาวบ้านที่เป็นชาวไร่ชาวนา ผลัดกันมาบอกเล่าเรื่องราวของตนเองและของคนอื่นที่ตนรู้มาว่าเวลาเจ็บป่วยไป รพ.รัฐ รพ.เอกชน แล้วได้รับบริการอย่างไรบ้าง รพ.รัฐมีปัญหารอนาน ๒-๓ ชั่วโมง พูดไม่เพราะ จ่ายยาเหมือนที่ชาวบ้านหากินเอง กินยานาน ๒-๓ ปีไม่หาย สั่งให้งดโน่นงดนี่ ไปคลินิก ๒-๓ เดือนก็หาย
ตัวละครกำลังเล่าเรื่อง ซ้ายสุดคือคุณยาย ตัวเด่น |
มีการแสดงเหตุการณ์การให้บริการผู้ป่วยเบาหวาน คนเจ็บท้องคลอด ลูกหลานที่มีพ่อ-ปู่ป่วยหนักต้องเข้า ไอ ซี ยูและเสียชีวิต หมอไม่สนใจความกังวลห่วงใยของญาติ อ้างแต่กฎระเบียบของ รพ. หมอจุกที่ได้ผ่านการอบรม “การบริการด้วยหัวใจ ใส่ใจในความเป็นมนุษย์” แล้วเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการให้บริการของตน มีการถามไถ่ ให้กำลังใจ ไม่ดุ ตอบสนองความต้องการของญาติ อธิบายให้ข้อมูล
นักแสดงมีวิธีกระตุ้นความสนใจและความคิดของคนดู โดยคอยตั้งคำถาม เช่น “ถ้าเป็นพี่คงจะมีวิธีที่ดีกว่านี้นะคะ” เป็นระยะๆ คุณยายตัวเอกกล่าวตอนใกล้จบว่า หลักการและเหตุผล (ของคน รพ.) อารมณ์และความต้องการของคนไข้อาจขัดแย้งกัน จะมีทางไหนบ้างไหมที่จะมาบรรจบกันได้ จบด้วยการประชาสัมพันธ์ว่าถ้าสนใจจะให้ไปแสดงจะติดต่อได้ที่ไหน พร้อมบอกว่าได้ช่วยกันทำที่คั่นหนังสือมาแจก ๒๕๐ อันด้วย
เกือบ ๐๙.๑๕ น. เป็นการบรรยายเรื่อง "สุขภาพชุมชนกับการจัดการความรู้" โดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช อาจารย์วิจารณ์จงใจเปลี่ยนชื่อหัวข้อที่เดิมตั้งว่า “การจัดการความรู้กับงานสุขภาพชุมชน” เพื่อที่จะบอกว่า KM เป็นเพียงเครื่องมือ ไม่ใช่เป้าหมาย ใช้ KM เป็นเครื่องมือเพื่อบรรลุสุขภาพของชุมชน พร้อมเล่าว่าวันนี้อาจารย์มาก่อนเวลา ๔๕ นาที ได้ไปดูโปสเตอร์ต่างๆ แล้วสรุปกับตนเองว่าที่จริงไม่ต้องพูด เพราะคนที่มาประชุมและที่มาแสดงโปสเตอร์ได้ใช้การจัดการความรู้กันอยู่แล้ว ที่มาก็เพื่อแสดงความยินดีกับ สพช. ที่เป็นญาติ เพราะเป็นหน่วยงานตระกูล “ส” เหมือนกัน มายินดีที่งานประสบความสำเร็จเป็นที่ชื่นชมของคนจำนวนมาก
ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช |
อาจารย์วิจารณ์เน้นเรื่อง “อย่าหลงทาง อย่างหลงเป้า” เป้าคือสุขภาพชุมชน ใช้ KM ให้อยู่ในงาน ไม่ใช่เรื่องใหม่หรือเป็นการเพิ่มภาระ และกล่าวว่าจะใช้ KM อย่างไรบ้าง (๑-๖) ได้แก่ เพื่อการเรียนลัด ใช้สร้างชุมชนเรียนรู้ ใช้เป็นกลไกเชื่อมโยง Primary care – Community ใช้เป็นกลไกเชื่อมโยง Primary care – อปท. ใช้เป็นกลไกเชื่อมโยง Primary –secondary-tertiary care ใช้ทำวิจัย R2R เพื่อให้มีไฟต่อเนื่อง ใช้ทำ “CoP” ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ใช้ทำ CoP ผ่านบล็อก เป็นต้น อาจารย์วิจารณ์ถือโอกาสนี้กล่าวชื่นชม CoP เบาหวานของเราและ CoP ของคุณหมอพิเชฐที่จังหวัดตาก และประชาสัมพันธ์งานมหกรรม KM เบาหวานให้ด้วย ทำให้ดิฉันใจพองโตเลย ช่วงพักมีผู้เข้าประชุมมาขอถ่ายรูปด้วยหลายคน บางคนขอให้คนที่รู้จักพามาแนะนำตัวก็มี
อาจารย์วิจารณ์สรุปเรื่องสุขภาพชุมชนและการจัดการความรู้ ดังนี้
- ใช้ทำให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องของชุมชนมากขึ้นและอย่างมีความรู้มากขึ้น
- ใช้ต่อยอดความรู้ของชาวบ้านและต่อยอดความรู้ซึ่งกันและกัน
- ใช้สร้าง “สวรรค์ในที่ทำงาน”
- ใช้สร้างหน่วยงานเรียนรู้
- ใช้สร้างชุมชนเรียนรู้จากการดูแลสุขภาพตนเอง/กันเอง
- ใช้ทำวิจัย
- ฯลฯ สร้าง “สังคมอยู่เย็นเป็นสุข” ร่วมกัน
ถ้าฟังบรรยายด้วยตนเองจะได้ความรู้ความเข้าใจได้อารมณ์ดีกว่านี้ โปรดรอ download PowerPoint พร้อมเสียงบรรยายของอาจารย์วิจารณ์ คิดว่าทาง สพช.คงจะเอาขึ้นที่ www.thaiichr.org ต่อไป
วัลลา ตันตโยทัย วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐
ขอบคุณอาจารย์วัลลามากครับที่ได้นำมาเล่าต่อ ผมไม่ได้ไปร่วมกิจกรรมนี้ ก็เสียดายอยู่เหมือนกัน แต่เนื่องด้วยภาระงานมาก จึงปลีกเวลาไปร่วมไม่ได้ ได้อ่านแล้วก็พบว่ามีสิ่งที่ผมภูมิใจมาก 2 ประเด็น คือ
1. การที่อาจารย์ชื่นชมโรงเรียนสวรรค์อนันต์วิทยา อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ได้ช่วยอบรมบ่มนิสัยและให้ความรุ้แก่ผมอย่างมากมายในช่วงชั้นม.1-ม.6 เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ทำให้ผมได้รับทราบและร่วมชื่นชมกับน้องๆไปด้วย
2. พูดถึงCoPเบาหวานที่ตาก ที่ผมมีส่วนแค่กระตุ้นแต่ทีมงานของโรงพยาบาลและสถานีอนามัยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในการดำเนินการ
นึกอยู่แล้วว่าคุณหมอพิเชฐต้องลืมวิธีใส่รูปในบล็อกไปแน่ๆ เลย เพราะตามอ่านบันทึกแล้วไม่เห็นรูปสักที ลองอ่านคู่มือดูซิคะ ทำครั้งเดียวก็เป็นแล้ว
เพิ่งทราบว่าคุณหมอพิเชฐเป็นศิษย์เก่า รร.สวรรค์อนันต์วิทยา นักแสดงชุดนี้เก่งจริงๆ ตามปกติดิฉันจะไม่ค่อยชอบการแสดงอะไรแบบนี้ แต่ครั้งนี้ประทับใจมากเลย
ข้อที่ ๒ ที่คุณหมอพิเชฐพูดถึงนั้น ถ้าจำไม่ผิดเข้าใจว่าอาจารย์วิจารณ์กล่าวถึง CoP ไข้หวัดนกของจังหวัดตากที่คุณหมอพิเชฐทำอยู่ใช่ไหมคะ
เล่าเรื่อง CoP เบาหวานที่ตากบ้างซิคะ เรากำลังจะจัดมหกรรม KM เบาหวานระหว่างวันที่ ๒๕-๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๐ ส่งเรื่องราวดีๆ มาให้ทราบบ้าง
คุณหมอพิเชฐรู้จักคุณสุภาภรณ์ บัญญัติ ไหมคะ ฝากตามเรื่องการเขียนบันทึกด้วยค่ะ