ง่าย-งาม กับการเปิดประตูใจ


วันนี้นั่งอ่านหนังสือเงียบๆ เพลินๆ และคิดอยากหาอะไรทานสักนิด

ระยะทาง 80 เมตร จนถึงร้านขายขนม ผมได้พบเจอ เรื่องราวหลากหลายล้วนง่าย งาม

เดินทางออกจากบ้านไม่กี่เมตร

เจอคนขายล๊อตเตอรี่ ผมยกมือไหว้ และคนขายล๊อตเตอรี่ถามผมว่า ลูกกลับมาเมื่อไหร่?” คุณลุงถามผมเพราะเห็นว่าผมนานๆจะกลับบ้าน ผมพูดคุยกับลุงเล็กน้อย ก่อนที่ลูกสาวคนขายล๊อตเตอรี่ จะขับมอเตอร์ไซต์มายังจุดที่ผมคุยกับคุณพ่อของเขา พร้อมยกมือไหว้ผม  ผมรับไหว้ เธอถามคำถามเดียวกับพ่อว่าผมมาเมื่อไหร่ และถามทุกข์ สุข  บังเอิญพี่สาวคนหนึ่งเดินมาข้างหน้าและยิ้ม ผมมองรอบๆตัวผม ไม่มีใคร และสายตาที่เธอยิ้มก็มองมาที่ผม ผมก็ยิ้มตอบและก้มหัวเล็กน้อยทักทาย ผมไม่รู้จักพี่สาวคนนี้เลย แต่เธอยิ้มให้ผมอย่างมีไมตรีที่สุด

ผมขอตัวเดินต่อไป

อีกไม่ถึงสิบเมตร ผมเจอแม่ของเพื่อนสมัยมัธยม ผมไหว้ท่านและคุยเรื่องทั่วๆไป คุณแม่คุยกับผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม คุยถึงเพื่อนของผมให้ผมฟังเล็กน้อย ก่อนแม่จะไป ผมบอกให้แม่ดูแลสุขภาพด้วย คุณแม่ยิ้มแบบกว้างๆและขับรถจากไป

เดินต่อมาไม่ไกลจากจุดเดิม ผมเจอเพื่อนผู้หญิงสมัยมัธยม เธอมีลูกน้อย มากับคุณแม่เช่นกัน ผมยกมือไหว้คุณแม่ เพื่อนผู้หญิงและลูกน้อย ท่าทางดีใจที่เจอผม เราคุยกันหลายเรื่องในช่วงเวลาสั้นๆ คุณแม่ของเธอก็สอบถามผมคำถามไม่ต่างจากหลายๆท่านที่กล่าวมา ...เสียงหัวเราะอย่างมีความสุข ก่อนที่ผมจะขอตัวไปซื้อขนม

ที่ร้านขายขนม

มีแม่ค้ามานั่งขายขนมหลากหลาย ผมเดินสำรวจทั้งหมดก่อนว่าจะซื้อขนมอะไรดี ที่ดูน่าทาน

แม่ค้าต่างก็จ้องมอง และยิ้มให้ผม

ผมมองว่ายิ้มที่แม่ค้า ที่ผมเห็นเป็นยิ้มที่สดใส ไม่มีเคลือบแฝง ไม่ได้เป็นยิ้มที่บอกเป็นนัยๆว่า เชิญมาซื้อขนมของฉันนะ...แต่เป็นยิ้มจากภายในที่งาม

ผมเลือกซื้อข้าวต้มมัด พร้อมกับขนมครก จากแม่ค้าทั้งสองท่าน..และการส่งขนมให้ผมนั้น ผมคิดว่าแม่ค้าค่อนข้างตั้งใจ จ้องหน้าและแววตาขอบคุณและก็ยิ้มเจือด้วยไมตรี

ผมจ่ายเงินและเดินกลับ  - - -

ผมนั่งทานขนม รสชาติอร่อยมาก ข้าวต้มมัดห่อด้วยใบตองสีสวย บรรจงมัดด้วยตอกเส้นเล็กเรียว แกะออกมาเป็นข้าวเหนียวที่เรียงเม็ดสวยอยู่ข้างในสุกได้ที่ กล้วยน้ำว้าซ่อนหวานข้างในก็สีชมพูสวยงามนัก ผมพิจารณาข้าวต้มมัดโดยละเอียดเห็นความตั้งใจของผู้ทำอยู่ข้างในนั้น ...ผมรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย ละมุนลิ้น

สิ่งที่ผมบรรยายมาทั้งหมด เป็นเหตุการณ์ที่ผมเดินทาง 80 เมตรเพื่อไปซื้อขนมมาทาน แต่ไม่น่าเชื่อว่าระยะทางเพียงสั้นๆที่เดินออกไป เจอเหตุการณ์มากมายที่ประทับใจ


ผมพยายามเขียนบันทึกให้ง่าย และงาม สื่อถึงวิถีของผู้คน ผ่านการเล่าเรื่องที่ไม่ซับซ้อน - - -

ความง่ายและงาม สื่อกันได้ด้วยจิตที่ดีงาม ความรักต่อผู้คน ที่เปี่ยมด้วยใจกรุณา

ผมอยากสื่อถึง การเปิดใจของเรา...ก้าวออกไป ยิ้ม และแผ่ไมตรีแก่คนรอบข้าง ผมเชื่อว่าทุกคนรับรู้ได้จากการกระทำของเรา

เมื่อเรายิ้มให้โลก โลกก็จะยิ้มให้กับคุณเช่นกัน

 

 

 

 

จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร

 

หมายเลขบันทึก: 111584เขียนเมื่อ 15 กรกฎาคม 2007 00:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:09 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (37)
สวัสดีครับ จองพื้นที่ไว้ครับ ตาจะหลับแหล่ว

 

P

พี่สิทธิรักษ์ ที่นับถือ

ง่วง แสดงถึงความอ่อนเพลีย ร่างกายอยากพักผ่อน - - -ขอให้พี่พักผ่อน

จองพื้นที่ แสดงถึง ไมตรีที่เอื้ออาทรกับกระผม แม้ยังไม่มีความเห็น แต่ผมได้รับกำลังใจที่พี่มีให้  - - -ผมขอบคุณพี่มากครับ

 

ง่าย และ งาม ตามวิถีปิยมิตร ครับ

  • แวะมาจองพื้นที่ไว้ก่อน
  • ตอนนี้ง่วงมาก  กำลังจะเข้านอน
  • เพราะกรำศึกกับการเป็นพ่อบ้านจำเป็นมาทั้งวัน.. หลังจากแม่บ้านไปราชการกรุงเทพฯ
  • ...
  • ง่าย , งาม  เป็นคำที่ผมชื่นชอบ  และเป็นแรงบันดาลใจจากการอ่านหนังสือ ศิลปะ คือ อะไร ของ ลีโอ ตอลสตอย...
  • ซึ่งกล่าวถึง  คุณลักษณะของศิลปะ  3  ประการ  "ง่าย งามและเข้าใจง่าย" .. และผมก็ไม่แน่ใจว่า "จำ"  คลาดเคลื่อนหรือเปล่า
  • เรียบง่ายแต่งดงาม  เป็นวาทกรรมที่ผมเคยเขียนกลอนไว้เมื่อหลายปีที่แล้ว
  • .....
  • แน่นอนครับ
  • มาจองพื้นที่จะกลับมาใหม่ ...อีกครั้ง

สวัสดีครับ

ผมคิดถึงท่านมาก และผมดีใจที่มาจองพื้นที่ในตอนดึกๆ

น่าแปลกว่าคืนนี้ผมกลับไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่นิด ผมีเรื่องที่อัดแน่นอยากเขียนบันทึก แต่ผมยังไม่ได้เขียน ลงมือเขียนเพียงบันทึกนี้

ผมอยากให้บันทึกนี้ อ่านง่ายๆ เข้าใจไม่ยาก และให้เห็นความงามของวิถีคน

วันนี้ผมอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ที่หนา(หนามาก) รวดเดียว  - - -เพราะผมสนุกกับการได้อ่านต่อเนื่อง

ผมได้สนทนากับมิตรที่รู้ใจ เป็นเวลาหลายชั่วโมง

ผมได้รับข่าวที่น่ายินดีผ่านโทรศัพท์วันนี้

ผมได้ยินเสียงมิตรที่ห่างไกลกันทักทายด้วยไมตรี

ผมได้.....................ฯลฯ

วันนี้ จึงมีเรื่องราว ดี - ดี ให้จารจำ

และจะดี-ดี ขึ้นในทุกวันของผมครับ

**************************************

ที่เชียงใหม่ เดือนสิงหา ท่านมาได้ใช่มั้ยครับ...ผมตั้งใจไว้ว่าจะต้อนรับท่านอย่างดี น้องหมอสุพัฒน์ก็อยากเจอท่านเช่นกันครับ

***************************************

ขอบคุณครับ ยามดึก และย่างเช้าวันใหม่

สวัสดีค่ะคุณจตุพร

เมื่อเราให้รอยยิ้มและความจริงใจกับใคร เราก็ได้สิ่งนั้นกลับมาจากคนรอบข้างด้วยความจริงใจ  ขอบคุณสำหรับมุมมองที่ดี ๆค่ะ

ขอบคุณ อ.ราณี มากครับ

P
  • ผมต้องขอบคุณมากๆครับ ที่กรุณามาเยี่ยม
  • ผมติดตามข่าวของ อาจารย์ราณีผ่านอาจารย์วาลิกา (พี่นา) ทราบว่าสุขสบายดี
  • บันทึกนี้ ผมตั้งใจจะเล่าเรื่องง่าย ระบายเรื่องหลายเรื่องที่อัดแน่นในตัวผมตอนนี้ แต่ทำได้เพียง ๑ บันทึก
  • ผม วอยส์ ไดอะล็อค กับตัวเอง
  • ผมไดอะล็อคกับน้องชายที่ผมรักคนหนึ่ง
  • เราคุยเรื่องของ "ใจ" การพัฒนาตนเองจากภายใน
  • เราคุยกันเรื่อง แก่นพุทธ ผ่านวิถีการทำงาน
  • เราคุยการก้าวย่างของเรา เราถอดบทเรียน ด้านบวก ลบ และสะท้อนให้กันและกัน
  • ผมว่า ผมได้ใช้น้ำสะอาดขัดถูจิตใจผม เพื่อล้างให้สะอาด ผ่องใส ขึ้นทุกครั้งที่เปิดใจ
  • วันนี้ผมจึงได้ เปิดใจ พิจารณา วิถีรอบข้าง ด้วยใจที่สุข
  • ............................
  • ขอบคุณอีกครั้งนะครับ

สวัสดีครับ

ขออนุญาตเอาบันทึกนี้เป็นคำตอบของคำถามของบันทึกเพื่อนใครบางคน ถ้าอยากรู้ตามมาซิครับ

ธรรมะสวัสดีครับ

สวัสดีครับเพื่อน

เข้ามาวนเวียนอยู่ในถนนเส้นทาง แปดสิบเมตรนี้อยู่สามหรือสี่ครั้งแล้วครับ มัวแต่แอบเฝ้าสังเกตเพื่อนที่แสดงถึงความสุขที่ได้พบความสุขบนความงามและง่าย จนน้องชายธรรมาวุธเข้าไปสะกิด เลยต้องฝากรอยอยู่ว่าแอบเฝ้ามองแลอยู่ครับ

ทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน ตอนผมออกเดินไปซื้อของประมาณหนึ่งกิโลเมตร จริงๆ นั่งรถไปก็คงสิบนาทีก็คงถึงเป้าหมายครับ แต่เปลี่ยนใจเป็นการเดินด้วยเท้าแทน เดินไปคิดไป คุยกับเพื่อนสนิทกัมพูชาไปด้วย เดินผ่านมหาวิทยาลัย ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำ ผมเดินไปถึงรอไฟเขียวให้คนเดินข้ามไฟแดง ก็มีฝรั่งคนหนึ่งยืนรออยู่อีกฟากหนึ่ง จากนั้นไฟเขียวก็มาให้คนเดินข้าม (ไฟเขียวสำหรับคนนะครับ โดยที่เป็นไฟแดงสำหรับรถนะครับ ไม่ใช่ไฟเขียวสำหรับรถนะครับอิๆๆ) ระหว่างที่สวนทางกลางถนนฝรั่งคนนั้น ก็ยิ้มและทักทายด้วยกัน คือผมเดินไปยิ้มไป คุยกับเพื่อนไป ฝรั่งก็ทักทายมา ยิ้มมาให้ ผมก็ยิ้มให้ไปพร้อมทักทาย Tag ทาก (สวัสดี) เพื่อนกัมพูชาก็ถามผมว่า เม้งรู้จักเค้าด้วยเหรอ ผมบอกว่า ไม่รู้จักหรอกครับ แต่ทักทายกันเป็นแบบนี้ ยิ้มให้ใครก็ได้ยิ้มกับเป็นส่วนใหญ่ และนี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ผมประทับใจ บางครั้งผมไม่แน่ใจว่าผมจะหาโอกาสแบบนี้ กับคนที่ไม่รู้จัก ที่เดินสวนทางกันที่ กทม. ได้หรือเปล่าครับ แต่สำหรับต่างจังหวัดนั้น ผมคิดว่าเราคงเจอได้เสมอครับ

ผมเคยอยู่ กทม. สองปีครึ่ง เป็นเรื่องที่แปลกที่ผมไม่ได้มีโอกาสพูดคุยกับคนข้างห้องผมเลยครับในอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่ง แต่กลับสนิทกับเจ้าของอพาร์ทเมนต์

ขอบคุณเพื่อนมากๆ สำหรับเรื่องดี พร้อมภาพที่ทำให้ผมจินตนาการตามไปด้วย และนึกเห็นหน้าตัวละครตามเบื้องลึกในจินตนาการที่คิดไปถึงความงามและง่ายของเรื่องราวครับ

ขอบคุณเพื่อนมากครับ

  • อันที่จริงคนเหมือนกันแหละครับ ไม่ว่าเมืองกรุงหรือบ้านนอก
  • เมืองกรุงอาจมีเงื่อนไขให้เขาต้องระมัดระวังคนมากยิ่งขึ้น เพราะคนที่หลากหลายที่เราไม่จำแนกได้ว่าเขาเป็นใคร แต่ถ้าเราใจงาม โลกก็งาม (ผมใจไม่งาม แต่ผมใจง่าย ฮาฮา)
  • ธรรมดาการอยู่ด้วยกันอย่างไร้ตัวตนมีความสุขแท้ครับผม
  • ยินดีด้วยครับกับการเดินทางครั้งนี้

สวัสดีครับ คุณธรรมาวุธ

P

ผมตามเข้าไปดูบันทึกของเพื่อนผมแล้วครับ บันทึกนี้ก็เป็นคำตอบที่ลงตัวดีนะครับ :)

กระผมเขียนให้อ่านง่าย ๆ ให้คนอ่านสุขง่ายๆด้วยครับ

 

ขอบคุณมากครับ

สวัสดีครับเพื่อน

P

เมื่อวานได้ใช้เวลาในการฝึกตัวเองด้วย การทำให้ตัวเองปลอดโปร่ง ทำตัวสบายๆ เบาดีครับ

เราเห็นความงดงามในตัวคน ผมคิดว่าด้านดีของคนเราพร้อมที่จะเผยอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับตัวเราจะดึงเอาส่วนไหนของเขาออกมา

บางครั้งก็อาจเมืองชนบทครับ น้ำใจงามๆหาได้ไม่ยากเลย

ขอบคุณครับ บันทึกง่ายๆ หากงามในความรู้สึกเพื่อนแล้ว ผมยินดีมากๆครับ

สวัสดีครับ อาจารย์

 

P

วันนี้ภาระกิจยังคงมากมายเหมือนเดิมหรือเปล่าครับ ยังไงก็ขอให้กำลังใจนะครับผม

ผมเกือบจะได้ไปทำงานในเมืองหลวงหลายครั้ง แต่ผมคงอยู่ลำบากน่าดูครับ เรื่องของการปรับตัว การใช้ชีวิตที่นั่น

ขอบคุณครับอาจารย์

ขอให้มีความสุขมากๆครับ - - -

สวัสดีครับน้องชาย

บันทึกนี้ง่ายและงามจริงๆนะครับ เห็นไมตรีจิตของคนในสังคมอย่างนี้

ขอบคุณมากสำหรับบันทึกนี้ที่ช่วยขยายมุมเล็กๆที่งดงามมุมหนึ่งของสังคมให้แก่คนหลายคนจากหลายมุมในสังคมได้รับรู้ รับทราบกัน อย่างน้อยๆผู้ที่อ่านก็สุขใจ แต่ถ้าทุกคนช่วยกันสร้างมุมที่งดงามเช่นนี้ในทุกซอกทุกมุมของโลกใบคงจะดีไม่น้อยนะครับ

อ้อ...เกือบลืมบอกไปว่าเราอยู่ในอาการคล้ายๆกันนะครับ มีเพื่อนแล้ว ฮ่าๆๆ เพราะพี่สังเกตว่ายิ่งฝึกสติมากเข้าเหมือนว่าสุขเล็กสุขน้อยเราก็เสพได้ซะหมด ระยะทางแค่ 80 เมตรยังม่วนอ๊กม่วยใจ๋ซะขนาดนี้...go on  

มาเปิดประตูใจอ่านบันทึกที่ง่ายงามนี้ครับ...

ความสุขมักจะหาได้ทุก ๆ ที่ แค่เปิดประตูใจของเราให้กว้าง พร้อมรับกับความสุขรายทางที่ไม่ต้องใช้เงินซื้อหา แต่อบอุ่นและเปี่ยมคุณค่ามากกว่ากันเยอะครับ...

ขอบคุณครับสำหรับความสุขที่ง่ายงามที่ได้รับจากการอ่านบันทึกนี้ครับ...

ขอบคุณมากครับ...

สวัสดีครับ พี่ชาย ครับ

P

ผมเรียนรู้ด้วยตัวเอง ผ่านการปฏิบัติ แบบวิจัยชีวิตครับ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น นำมาเก็บไว้ในคลังเรียนรู้ ฝึกฝนตน

ที่สุดแล้วสิ่งสำคัญที่สุด ในขณะนี้ คือ "ใจ"

หากใจใหญ่ ใจสุข เป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นมากในการอยู่ - - -ปัญหาทุกวันนี้มันซับซ้อนมากครับ ด้วยเงื่อนไขแบบนี้ผมมองว่า ทุกคนควรดูแลใจกันให้มากที่สุด เราจะมีภูมิคุ้มกันให้กับชีวิตปัจจุบันมากขึ้น

ผมสุขเพราะใจสุข พอใจมันสุข อะไรก็สุขไปหมด ก็ถือว่าต้องฝึกฝนด้วยครับ

พี่กบเองก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ดีครับ เรามาช่วยกันถ่ายทอดครับ เพื่อให้สังคมเรา ง่าย และ งาม

 

ขอบคุณครับ

 

P

ผมดีใจครับที่มีความสุขที่นายอ่านบันทึกนี้แล้ว ง่าย และ งาม ตามปรารถผม

เมื่อคืนผมคิดอยู่นานเพราะมันอิ่มไปหมด ผมมีกิจกรรมดีๆของชีวิตเมื่อวานมากมาย และแต่ละกิจกรรมของผมล้วนแล้วแต่สร้างความอิ่มเอมให้ผมมาก

เมื่อผมนั่งหน้าคอม ผมคิดว่าจะถ่ายทอดความรู้สึกนี้ลงแป้นพิมพ์ เพื่อนำเสนอ แต่คิดไม่ออกว่า จะนำเสนอความสุขนี้อย่างไร

มาลงเอย ด้วยบันทึกที่ใช้ภาษาง่ายๆ ดำเนินเรื่องเรื่อยๆแบบบันทึกนี้

ขอรับรองว่า ใช้ใจเขียนครับ

สวัสดีค่ะ

บันทึกเรียบๆ ไม่ซับซ้อน จริงใจและอบอุ่น เป็นสิ่งที่ชอบเหมือนกันค่ะ

อ่านสบายๆแต่แฝงไว้ด้วยความหมายลึกซึ้งค่ะ

ตอนนี้ ชอบอ่านบันทึกคนอื่น แต่ตัวเองยังไม่มีอารมณ์จะเขียนเลย ใจยังเปี่ยมล้นด้วยความสุข ความปลื้ม อย่างอื่นจนไม่มีสมาธิจะทำอะไร

ต้องรอจนอารมณ์ของความสุขตอนนี้ให้ลดลงก่อนค่ะ

อ่านบันทึกคุณเอกไปก่อนดีกว่าค่ะ

แวะมาบอกสั้นๆว่า อ่านบันทึกนี้แล้วชื่นใจมากเลยค่ะ ^ ^

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับพี่ศศินันท์

P

ผมบันทึกบันทึกนี้ด้วยใจที่เป็นสุขด้วยครับ หลังจากกลับมาจากการทานข้าวกับน้องคนหนึ่ง เราคุยกันในหลายๆประเด็น และสิ่งที่เราพูดคุยทำให้ผมรู้สึกดีมาก

คิดว่าการที่เรา voice dialogue กัน ทำให้เราได้เรียนรู้ร่วมกันในเรื่องของแก่นความรู้แต่ละคนมี

ติดตามบันทึกต่อได้ที่ http://gotoknow.org/blog/kmsabai/112011

สวัสดีครับ อ.กมลวัลย์

P

ขอบคุณมากครับ ยินดีมากครับที่บันทึกง่ายๆบันทึกนี้ ทำให้อาจารย์สุข-สบายใจ

 

สวัสดี

เป็นสิ่งที่ธรรมชาติตกแต่งให้เป็นไป และ หากผู้คน ฝึกฝนจิตใจให้เป็นไปตามธรรมชาติแล้ว การแสดงออกต่อกัน จะเป็นสิ่งที่ใสสด สะอาด บริสุทธิ และ งามงด อย่างหาที่เปรียบมิได้เลย

สุข สงบ เย็น

เดียวดายกลางสายฝน

P
ท่าน thassana wong

เดี่ยวดาย มิได้ โดดเดี่ยว

หากแต่ท่านกำลังเรียนรู้ และสร้างพลังจากภายใน

กระผมอ่านถ้อยความของท่านแล้ว รู้สึกดีครับ ขอร่วมเรียนรู้ด้วยกันท่าน

ขอบพระคุณครับ

สวัสดีค่ะคุณเอก แขกแก้วที่ไปเยือนเชียงใหม่มีความสุขและประทับใจจากเจ้าบ้านมากคะ และได้เห็นความ งาม ของหัวใจที่มีแต่ให้ของชาว gotoknow จะไม่แอบอ่านอย่างเดียวแล้วนะค่ะ ขออนุญาตนำบล็อกเข้าแพลนเน็ตด้วยคะ
มาเยี่ยม...คุณ
P
สิ่งที่ยากที่สุดคือการเปิดประตูใจ...ถ้าเปิดได้แล้ว...อะไร ๆ ก็ง่ายไปหมดนะครับ...

ขอบคุณ อ.Moo ครับ

P
MOO

ยินดีมากครับ การแอดเข้าไปใน planet ทำให้ เห็นกันและกันดีขึ้น สามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้ทันทีครับ

ขอบคุณมากครับ

 

สวัสดีครับ อ.ยูมิ

P
umi

สำหรับผมเปิดใจเสมอครับ ให้มิตรภาพแก่คนทั่วไป

อาจารย์สบายดีนะครับ??

  • สวัสดีค่ะ
  • เมื่อเรายิ้มให้โลก โลกก็จะยิ้มให้กับคุณเช่นกัน
  • เห็นด้วยค่ะกับประโยคนี้
  • ร้อยยิ้มทำให้โลกสดชื่นและน่าอยู่เสมอ
  • และรอยยิ้มก็เป็นตัวเชื่อม และตัวสร้าง...มิตรภาพให้เกิดขึ้นด้วยเช่นกันค่ะ
  • ขอบคุณสำหรับรอยยิ้มนะค่ะ อิอิ

สวัสดีครับ พี่อ้อยควั้น

ผมชอบประโยคนี้จังครับ

เมื่อเรายิ้มให้โลก โลกก็จะยิ้มให้กับคุณ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจ และรอยยิ้มจากพี่เช่นกันครับ

 

ผมนั่งทานขนม รสชาติอร่อยมาก

"ข้าวต้มมัดห่อด้วยใบตองสีสวย บรรจงมัดด้วยตอกเส้นเล็กเรียว แกะออกมาเป็นข้าวเหนียวที่เรียงเม็ดสวยอยู่ข้างในสุกได้ที่ กล้วยน้ำว้าซ่อนหวานข้างในก็สีชมพูสวยงามนัก"

ชอบข้อความนี้ค่ะ
คนที่มีความสุข มีสายตาละเอียดอ่อน มองสิ่งรอบกายด้วยดวงใจใสพิสุทธิ์ (มากไปมั้ยคะสำหรับคำว่า"พิสุทธิ์")เท่านั้นแหละค่ะจึงจะสังเกตุเห็นสีชมพูอ่อน ๆ ของกล้วยน้ำว้าที่ถูกต้มสุก

ง่าย งาม และ ไม่มากไปค่ะสำหรับคำว่า "พิสุทธิ์"

พี่เอง

พี่ครับ

หากเราเดินช้าๆ เราก็จะเห็นความงามของโลกที่ละเอียดมากขึ้นครับ

ทุกวันนี้เราเดินเร็วเสียจนลืมมองความงามที่มีอยู่เสียสิ้น สุนทรียะทางอารมณ์ที่หายไป ..ทำให้ใจเราหยาบมากขึ้น

พี่ได้ยินเสียงบรรเลง กู้เจิ้ง ที่ประกอบบันทึกนี้หรือเปล่าครับ...เสียงนี้ หากเราฟังในสถานที่เงียบงัน เราตะเห็นเส้นเสียงที่สอดประสานกันในบรรยากาศ เราเห็นดอกไม้ที่ค่อยๆผลิบาน ส่งกลิ่นหอม...

ผมนั่งคุยกับพี่สาวคนหนึ่ง เธอไปอินเดียมา เพื่อไปคอร์สฝึกจิตโดยเฉพาะ เรานั่งคุยกันจาก กทม. จนถึงกระบี่ (บนเครื่องบิน) เรื่องเล่าที่เธอเล่าน่าสนใจมาก...เป็นอีกแง่มุมหนึ่งของการพัฒนาจิตที่แปลกออกไป แต่เน้นความเงียบ และการอยู่กับตัวเองมากขึ้น ได้ยินแม้กระทั่งเสียงของเส้นผมจากมือที่สางเบาๆครับ

เราต้องฝึกไปด้วยครับ...ยิ่งสถานการณ์แบบนี้ ใจเราฟุ้งไปมาก

บางครั้ง บางที เราห่างจากคำว่า "ใจพิสุทธิ์" ไปไกลพอสมควรนะครับ

 

ขอบคุณพี่มากครับ

  • แวะมาเปิดประตูใจด้วยคนครับพี่เอก
  • สบายดีนะครับพี่
  • รอพี่เอกเลี้ยงส้มตำกับแกงค์หน้าตาดี
  • ฮ่าๆๆๆๆ

สวัสดีครับ ครูน้องโย่งครับ

ผมมาอ่านบันทึกเก่าของตัวเองอย่างเงียบๆ และมีความสุขครับ

บันทึกนี้ทำให้ผม กลับคืนสู่ ความงามของวิถีที่เป็นไปอีกครั้ง

ขอบคุณมากครับ

สวัสดีค่ะ

ชอบบันทึกนี้ค่ะ ... สมชื่อ

ง่ายงาม....

ถ้าเราต่างล้วนเปิดใจ เราคงพบว่า แต่ละคนมีความดี ความงามในตัว

สังคมปัจจุบัน ซับซ้อน...ทำให้เราต้องคิด พูด ทำ สิ่งที่ซับซ้อน เพื่อสร้าง "อัตตา" ให้เติบโต ปกปิด ความเปล่ากลวงในใจ .....

บางคนถึงกับลืม...ความง่ายงาม สงบสุขที่ควรมีควรเป็น...

ขอบคุณค่ะที่เปิดประเด็น...ให้ได้เรียนรู้การ "เปิดใจ"

(^___^)

ขอบคุณครับ คุณ คนไม่มีราก

เปิดใจ เปิดรับความสุข ...ละทิ้งอัตตา

มีความสุขมากๆครับ กับวันสงกรานต์ ปีใหม่ไทย

สวัสดีค่ะคุณเอก

ยังไม่กลับใช่ไหมค่ะ

ผมกลับแล้วครับ พรุ่งนี้ผมมีไป ต่างจังหวัด แถบ ภาคตะวันตกครับ

 

สวัสดีปีใหม่ไทย ครู เอ  ครับ

สวัสดีค่ะ

  • เพิ่งเข้าบ้านค่ะ
  • มีเรื่อง..งาม ๆ มาอวดชาวโลกด้วยหละ
  • บันทึกใหม่  รีบๆ มาแจ้งข่าว
  • รอ..ด้วยนะอย่ารีบกลับละ

ขอบคุณครับ ครูคิม

จะรอนะครับ..รออ่านเรื่องราวดีๆครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท