เมื่อวานซืนไปงานบวชนาคของญาติที่อำเภอคลองหอยโข่ง เมื่อนั่งอยู่ในโบสถ์เพื่อทำพิธี ผู้เขียนก็ปิดเสียงเรียกโทรศัพท์มือถือแล้วก็ตั้งเป็นระบบสั่น ในใจก็พรางนึกว่า คณะสงฆ์น่าจะออกกฎระเบียบเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์มือถือได้แล้ว (อาจออกมาแล้ว แต่ผู้เขียนยังไม่เห็น)....
พิธีบวชก็ดำเนินไปตามปกติ จนกระทั้งเจ้านาคทั้งสอง (บวชนาคคู่) อุ้มผ้าไตรเพื่อขอบรรพชาจากท่านอุปัชฌาย์... หลังจากเจ้านาคเปล่งวาจาขอบรรพชาเรียบร้อยแล้ว และนั่งพับเพียบเพื่อฟังโอวาทจากท่านอุปัชฌาย์ เสียงโทรศัพท์ของท่านอุปัชฌาย์ก็ดังขึ้นมา....
พิธีบวชซึ่งเราถือว่าเป็นพิธีศักดิ์ก็ต้องหยุดชะงักลง ท่านอุปัชฌาย์ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมา... พูดธุระอยู่ประมาณ ๓-๕ นาที ก็เก็บโทรศัพท์ใส่ย่ามแล้วก็เริ่มให้โอวาทเจ้านาคทั้งสองทำนองว่า....
บัดนี้ ตัวเธอได้น้อมนำมาซึ่งผ้ากาสายะ เปล่งวาจาขอบรรพชาในท่ามกลางสงฆ์.... ประมาณนี้
ตอนที่ท่านอุปัชฌาย์กำลังพูดโทรศัพท์นั้น เจ้านาคทั้งสองซึ่งกำลังรวบรวมใจเพื่อฟังโอวาทจากท่านอุปัชฌาย์ก็คงจะมีใจลอยไปยังที่ใดที่หนึ่ง.... พระภิกษุสงฆ์และญาติโยมที่กำลังพลอยฟังโอวาทจากท่านอุปัชฌาย์ก็คงจะมีใจลอยไปยังที่ใดที่หนึ่งเช่นเดียวกัน.... ส่วนผู้เขียนก็นึกว่า....
โทรศัพท์มือถือ เป็นเครื่องบั่นทอนความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีกรรมทางศาสนา....ประมาณนั้น
มิใช่ เฉพาะงานบวชครั้งนี้เท่านั้น ตั้งแต่โทรศัพท์มือถือแพร่หลายกลายเป็นอวัยวะที่แปลกปลอมเข้ามาของคนยุคนี้... ผู้เขียนจะรู้สึกทุกครั้ง ที่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเมื่อกำลังทำพิธี ไม่ว่าจะเป็น การทำวัตรสวดมนต์ สวดศพ บวชนาค แสดงธรรม....
ดังนั้น จึงขอถือโอกาสนี้ บอกกล่าวต่อท่านทั้งหลายว่า เมื่อจะเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาในกรณีใดๆ ก็ตาม
.....กรุณาปิดมือถือ หรือใช้ระบบสั่น....
และช่วยบอกกล่าวต่อๆ ไปด้วย เพื่อคงความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีกรรมนั้นๆ ไว้....
กราบนมัสการหลวงพี่ BM.chaiwut
วันนี้เปิดอ่าน blog ช่วงกลางคืน พบว่ามี ๒ บันทึกที่พูดถึงเรื่องการใช้โทรศัพท์มือถือ อีกท่านหนึ่งคือ อาจารย์paew ที่บันทึกนี้ค่ะ แสดงว่าการใช้มือถือพร่ำเพรื่อนั้นมีไปทั่วจริงๆ ค่ะ
กราบนมัสการพระคุณเจ้าค่ะ
เห็นด้วยกับหลวงพี่เลยค่ะ..ทั้งเวลาทำพิธี ( ขนาดงานศพก็ยังมีเหตุการณ์อย่างนี้ ) ทั้งเวลาประชุม..ทั้งเวลาดูหนัง ฯลฯ..ช่างน่าตักเตือนเสียจริงๆ
กราบสามครั้งค่ะ
๒-๓ วันก่อนไปกรุงเทพฯ พอได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าญาติเสีย ก็มาพิจารณาถึง โทรศัพท์.....
เพราะมีโทรศัพท์จึงได้กลับมาทันงานศพ....เป็นส่วนพึงใจ ซึ่งอาจประเมินค่าเป็น คุณ ดี หรือถูก
เพราะมีโทรศัพท์จึงไม่ได้เที่ยวกรุงเทพฯ ตามที่ตั้งใจเดิม... เป็นส่วนไม่พึงใจ ซึ่งอาจประเมินค่าเป็น โทษ ชั่ว หรือผิด
ปัญหาอีกประเด็นหนึ่งของโทรศัพท์ก็คือ นอกจากจะเป็นอุปกรณ์แล้ว บางครั้งก็เป็นเฟอร์นิเจอร์ประจำตัวอีกด้วย....
เจริญพร
กราบนมัสการหลวงพี่ BM.chaiwut
อ่านที่หลวงพี่ตอบแล้ว ทำให้นึกถึงเรื่องที่ทุกอย่างมักมี ๒ ด้านเสมอ มีด ก็มี"สันมีด"กับมี"คมมีด" มีประโยชน์ทั้ง ๒ ส่วนหากใช้ได้ถูกต้อง และมีโทษทั้ง ๒ ส่วนหากใช้ไม่ถูกต้อง
แต่ในกรณีที่หลวงพี่เล่านี้ เป็นการใช้โทรศัพท์แต่เกิดผลทั้ง ๒ ด้าน คือพึงใจและไม่พึงใจ.. ก็เลยทำให้สรุปได้เพิ่มจากเดิมที่เคยคิดว่าทุกอย่างมี ๒ ด้าน ส่งผลพึงใจหรือไม่พึงใจแล้วแต่การใช้งาน แต่คราวนี้เพิ่มอีกอย่างเป็นบางทีก็ส่งผลทั้งพึงใจ และไม่พึงใจพร้อมกันก็ได้.. แต่ทั้งนี้..ก็แล้วแต่คนอีกใช่ไหมคะ.. ว่าจะคิดพึงใจหรือไม่พึงใจ.. สรุปแล้ว..มันไม่เที่ยงเพราะมันขึ้นกับความคิดคนซึ่งไม่เที่ยง
เขียนไปเขียนมาชักจะยาวและวนเวียนค่ะ พอดีคำตอบของหลวงพี่ชวนให้คิดและเขียนค่ะ.. : ) ขอบคุณค่ะ
ก็ว่าเล่นๆ ทำนองประเมินค่า.....
เศรษฐศาสตร์ ก็พิจารณาในเชิงการใช้สอยทรัพยากรว่าคุ้มหรือไม่ ?
จริยศาสตร์ ก็พิจารณาในเชิงตีค่าว่าดีชั่วหรือผิดถูกเพียงใด ?
สุนทรียศาสตร์ ก็พิจารณาในเชิงการสนองตอบต่อความรู้สึกของเราอย่างไร ?
ซึ่งบางครั้งเจ้าโทรศัพท์มือถือนี้ ก็อาจถูกพิจารณาทั้งสามนัยคลุกเคล้าก็นไป... ผู้ใช้แต่ละคนก็อาจตรวจสอบตัวเองว่าคำนึงถืงนัยใดเป็นประการสำคัญ...
อนึ่ง ถ้าการพิจารณาขึ้นอยู่กับตัวเราเป็นเกณฑ์ก็จัดเป็น อัตนิยม (Subjectiveism)... หรือถ้าการพิจารณาไม่ขึ้นอยู่กับตัวเรา แต่ใช้เกณฑ์อื่นเข้าไปกำหนดก็จัดเป็น ปรนิยม (Objectiveism)...
โทรศัพท์มือถือ ทำท่าจะเขียนเป็นหนังสือได้เล่มหนึ่ง ถ้าจะใช้วิชาเกินทำนองนี้เข้าไปจับเล่นๆ....
เจริญพร
กราบนมัสการพระคุณเจ้าค่ะ
อ่านแล้วเห็นด้วยตามที่ท่านกล่าวค่ะ
ก็ต่อยอดไปเรื่อยๆ...
ตอนนี้คิดชื่อหนังสือขึ้นมาได้แล้ว....
โทรศัพท์มือถือ : วิเคราะห์เชิงปรัชญา
๑. บทนำ
๒. การประเมินค่าโทรศัพท์มือถือ
๓. มุมมองด้านเศรษฐศาสตร์
๔. มุมมองด้านจริยศาสตร์
๕. มุมมองสุนทรียศาสตร์
๖. ผลกระทบด้านวัฒนธรรม
๗. สรุป
..........
คิดเล่นๆ เมื่อยังไม่ได้เขียน ก็ไม่สงวนลิขสิทธิ์ เผื่อใครจะนำไปเขียนจริงๆ ...
เจริญพร