โชคดีที่เกิดมาเป็นคนมองโลกในแง่ดี...


อ่านบันทึกของอ.ประพนธ์วันนี้เกี่ยวกับเรื่องทัศนคติที่ดีในการมองชีวิตเป็นปัจจัยหนึ่งสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จแล้ว อยากจะบอกว่าตัวเองได้เห็นจริงจากประสบการณ์ของตนเอง เพราะชีวิตนี้ไม่เคยต้องขวนขวายดิ้นรนอันใด เดินทางมาถึงจุดนี้ของชีวิต ด้วยการมองโลกในแง่ดีเท่านั้นเอง อาจจะผสมกับโชคดีที่มีสมองดีเป็นทุนด้วย (ต้องขอบคุณต้นทุนที่มาจากคุณพ่อ คุณแม่และบรรพบุรุษค่ะ)

ตั้งแต่เรียนจบมา มีครอบครัว มีลูกน่ารัก 3 คน พบแต่ผู้คนที่คิดว่าดีๆ มักจะมองหาสิ่งที่ดีในตัวตนคนอื่น หากไม่พบจริงๆจะใช้วิธีหลีกเลี่ยงจากวงจรนั้น ไม่เคยคิดแข่งขันแย่งชิงอะไรกับใคร ไม่รู้สึกอยากได้อะไร ถ้ามีอะไรต้องแย่งกันจะถอนตัว ยกให้คนอื่น ถ้ารู้อะไรที่คิดว่ามีประโยชน์กับใครจะอยากให้ออกไปกับคนนั้น ไม่เคยหวงสิ่งที่ตนเองรู้ ไม่ค่อยรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง (โดนคนใกล้ตัวว่าอยู่บ่อยๆ) ไม่เคยคิดว่าต้องกอบโกยผลประโยชน์อะไรไปทำไม ยกอะไรให้ใครได้จะยกให้ทันที

ที่ยกมาทั้งหมดนี้เพื่อจะบอกว่า แนวคิดในการมองโลกแบบนี้ติดตัวมาตั้งแต่จำความได้ จึงเป็นคนที่ดูจะไม่มีพิษภัยกับใคร คนรอบๆตัวจะสื่อได้ถึงความจริงใจที่เรามี ไม่เคยขาดคนช่วยเหลือเกื้อกูล อาจจะเป็นคนที่ดูแปลกในความคิดของใครหลายๆคน มีคนบอกว่าคนแบบนี้คงไม่เจริญก้าวหน้า แต่สำหรับตัวเองต้องบอกว่า ชีวิตณ.วันนี้ ที่ใครๆก็คงจะคิดว่า ประสบความสำเร็จทุกอย่างนั้น เป็นสิ่งที่ได้มาเพราะความเป็นคนมองโลกในแง่ดี และพร้อมเสมอที่จะให้ คิดว่านี่คือความดีที่ตัวเองก็ภูมิใจ และยังคงคิดเหมือนที่คิดตลอดมาว่า ตัวเองโชคดีที่สามารถมองหาสิ่งดีๆในชีวิตรอบตัวได้เสมอ  แต่ก็เห็นได้ว่าสิ่งนี้เป็นธรรมชาติที่อาจเกิดได้ยากในคนหลายๆคนหากไม่เปลี่ยนทัศนคติ แต่เชื่อว่าการพยายามฝึกหัดจะช่วยได้ และอยากบอกว่าดีแน่ๆค่ะ

ขอบคุณอ.ประพนธ์ที่มาชวนให้คิดวิเคราะห์เรื่องนี้ด้วยค่ะ

หมายเลขบันทึก: 45124เขียนเมื่อ 17 สิงหาคม 2006 22:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 มิถุนายน 2012 13:21 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

ยินดีนะคะ ที่ได้รู้จักคนดี ๆ อย่างคุณโอ๋ อ่านบทความคุณโอ๋แล้ว ทำให้ตัวเองต้องมามองตัวเองว่า ทำได้เท่าครึ่งนึงที่คุณโอ๋ทำรึเปล่าน้า เพิ่งทราบนะคะว่าการที่เรามองทุกอย่างในแง่ดี จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรามีพลังทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ ในการทำงานอย่างเต็มที่ โดยไม่คาดหวังถึงผลที่จะต้องตามจากการกระทำของเรา  แค่ทำแล้วสุขใจ นั่นคือบทสรุปสุดท้าย ถ้าทุกคนลดอัตตาของตัวเองลงได้ คิดว่าทุกคนคงทำงานอย่างมีความสุขแน่ ๆ เลยค่ะ

I like your note today....Being optimistic personality leads satisfaction and well-being to your life and beloved persons.

Have a nice day krab... 

 

  • เท่าที่ได้รู้จักกันมานานพอสมควร พี่เม่ยเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าคุณโอ๋เป็นคนมองโลกในแง่ดีและเป็นคนดีมากๆด้วยค่ะ  
  • ทุกๆครั้งที่ได้ร่วมงานกับคุณโอ๋จะรับรู้ได้ถึงความสุขแห่งชีวิตของคุณโอ๋ได้เป็นอย่างดี  ทำให้เราพลอยมีความสุขในการทำงานไปด้วย
  • ด้วยความชื่นชมค่ะ...

ขอยืนยันอีกคนว่า คุณโอ๋เป็นคนที่มองโลกในแง่ดีมากๆๆๆ ที่สุดคนหนึ่งเท่าที่เคยประสบมา

เริ่มต้นต่างกับพี่โอ๋ ค่ะ ต่างกันที่ "ของพี่โอ๋...เพราะชีวิตนี้ไม่เคยต้องขวนขวายดิ้นรนอันใด เดินทางมาถึงจุดนี้ของชีวิต ด้วยการมองโลกในแง่ดีเท่านั้นเอง อาจจะผสมกับโชคดีที่มีสมองดีเป็นทุนด้วย.....
    ของดิฉัน..... ชีวิตนี้ต้องขวนขวาย ดิ้นรนให้ได้มา เดินทางมาถึงจุดนี้ ด้วยการขวนขวายตลอดเวลา หามรุ่งหามค่ำ โชคไม่ดี มีสมองเป็นทุนน้อย....เหลือเกิน....จึงใช้เวลามากหน่อยกับการทำอะไรให้สำเร็จ 
ที่เหมือนคือ มองโลกในแง่ดีมีความสุขเสมอ หลายๆครั้งโดนคนสนิทว่ากล่าว ว่า...ไม่รู้จักโกรธ......ไม่รู้จักจำ...ไม่ทันเกมเพื่อน...เออ..แล้วทำไมต้องทันด้วยเกมคนอื่นด้วยเล่า....ก็มันไม่โกรธนี่นา......จำได้แต่ฉันไม่เจ็บ.....ทำยังไงดี.....ให้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ.....ใจก็ไม่โกรธซักที
ณ วันนี้ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จค่ะ เพราะเคยฝันไว้ว่าอยากเป็น...คุณนาย...ยังไม่ได้เป็นเลยค่ะจนป่านนี้..ฮิ ฮิ  รีบมากไม่ได้ login เข้ามา ขอโทษค่ะ
คุณเมตตาคะ ถ้าอยากจะประสบตวามสำเร็จเรื่องเป็นคุณนายนั้น ไม่ต้องรออะไรอีกแล้ว เป็นได้เลยค่ะ ตามสูตรนี้ไงคะ สูตรมองโลกในแง่ดีนี้ไงคะ ยกตัวอย่างพี่ตอนนี้ พี่เป็นได้ตั้งหลายอย่างเลย ทั้งคุณนาย ทั้งคนสวย ที่ฝันไว้ ได้เป็นหมดทุกอย่างเลยค่ะ เพราะพี่มองโลกในแง่ดีนี่เอง พี่ต้องดูแลแม่ที่เป็นอัมพฤกษ์มาเป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้วค่ะ แต่พี่ก็มีความสุขใจ สุขกาย(เพราะคิดเอาด้วยการมองโลกในแง่ดีนี่แหละ) คนอื่นอาจจะเห็นว่าพี่ลำบาก ไปไหนก็ไม่ได้ มีภาระอันใหญ่หลวง แต่พี่คิดว่าพี่ได้เป็นทุกอย่างที่อยากเป็นแล้ว ลูกๆ 4 คนก็เรียนจบ มีงานทำกันหมดแล้ว
แวะมาเยี่ยมครับ บังเอิญเหลือเกินได้อ่านสิ่งดีๆจากบันทึกนี้ คุณโอ๋-อโณ นับว่าเป็นbest practice มองโลกแง่ดี ทั้งน้ำเสียง ข้อเขียน บุคลิก มันบ่งบอกว่าย่างนั้นจริงๆ ผมดีใจที่ได้รู้จักคุณโอ๋-อโณ ครับ จะพยายามนำไปปรับใช้กับตัวเองครับ
     ผมหมดสงสัยในเรื่องนี้ตั้งนานแล้วครับ ... รู้สึกได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวอะไรมาก ความคิดและการกระทำ ที่สื่อผ่านบันทึกไม่กี่ชิ้นทำให้ผมสรุปได้ไม่ผิด และวันนี้ บันทึกนี้คือคำตอบว่าผมได้คะแนนเต็ม 100 หากมันคือคำเฉลยข้อสอบที่ผมได้ทำไป ... คุณโอ๋ เป็น ญาติอย่างยิ่ง  ทั้งที่ยังไม่เคย F2 F
     มีร่องรอยมากมายในบันทึกของผมและของคุณโอ๋-อโณ เอง เช่น .. บันทึกนี้ และ บันทึกนี้ หรือ นี้ ของผมครับ
  • สิ่งใดเกิดสิ่งนั้นดีเสมอ

สวัสดีค่ะพี่โอ๋

เบิร์ดยิ้มกว้างด้วยความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่าพี่โอ๋เป็นคนหนึ่งที่ได้รับพรจากเบื้องบนให้เป็นคนที่น้ำใจดีมาตั้งแต่แรกเริ่ม..ผู้ที่มีจิตใจละเอียด  อ่อนโยน ดีงามเป็นผลจากที่เคยสั่งสมผลบุญมาีตั้งแต่อดีตชาติ

เพราะมีไม่มากเลยนะคะที่จะเกิดความรู้สึกแบบนี้ได้โดยไม่ต้องฝืน หรือฝึกตน

กระแสเย็น ฉ่ำจากใจที่อบอุ่นและอ่อนโยน จะช่วยลดความรุ่มร้อนรอบข้าง และ  ทำใหู้้สัมผัสถึงความนุ่มนวล สงบงามได้จากใจจริง..

ขอบพระคุณมากค่ะสำหรับบันทึกที่อบอุ่นบันทึกนี้..กอดกลับแน่นๆด้วยความเคารพรักค่ะี้ 

 

 

นับว่าโชคดีที่ได้รู้จักกับคุณโอ๋ค่ะ

แม้ยังไม่เคยเห็นตัวจริงๆ คุณสมบัตินี้ น้อยคนจะมีมาเองแต่กำเนิด ส่วนใหญ่มักจะมาจากครอบครัวและศาสนาค่ะ

  • สวัสดีครับ
  • ผมเองปกติจะมองโลกด้วยปัญหามาตลอด เน้นะครับว่าปัญหา ไม่ใช่ปัญญา
  • กาลเวลาสอนให้เราคิดเป็นครับ ณ ปัจจุบันผมขอคิดให้มากขึ้นกว่าเดิมสักหน่อย ไม่คิดเร็วโต้ตอบเร็ว แต่คิดในสิ่งที่ดีๆ มันก็ทำให้สบายใจขึ้นครับ
  • ขอบคุณครับ

มาขุดกรุ เพื่อบอกว่า "ยังจำภาพคุณโอ๋ในวันกีฬา ครั้งที่หมอเล็กได้ไปพูดคุยที่ภาควิชาฯ"

เพื่อน(อ.ปารมี) เคยเกริ่น ๆ แต่ไม่ได้มองเพราะคำเกริ่นค่ะ

 

เหมือนมีแรงดึงดูดน่ะค่ะ

จริง ๆ วันนั้นมีเรื่องคิดอยู่ในใจมากมาย กลับจำภาพคุณโอ๋ได้ติดตา...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท