5-6 กย.49 เข้าร่วมประชุมวิชาการจริยธรรมกระทรวงสาธารณสุขประจำปี2549 ณ เค ยู โฮม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน กทม ช่วงเช้าวันนี้ นพ.สถาพร วงษ์เจริญ ผู้ตรวจกระทรวงสาธารณสุขมาเป็นประธานในพิธีเปิด และนำกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังแผ่นดิน
จากนั้นมีบรรยายพิเศษ "ชีวิตพอเพียง" โดยคุณพรพิมล วรดิลก ผอ.กลางมูลนิธิชัยพัฒนา ซึ่งได้พูดถึงปฐมบรมราชโองการของในหลวง และชี้ให้เห็นปัญหาของไทยในช่วง 45 ปีที่ผ่านมาอันเป็นผลมาจากการนำปรัชญาเศรษฐกิจของตะวันตกมาสอน และให้ธนาคารโลกมาชี้ทาง ทำให้เศรษฐกิจเติบโตในเชิงปริมาณ เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างรายได้คนรวย(20%)กับคนจน คุณภาพการศึกษาลดลง มีการใช้ทรัพยากรที่ฟุ่มเฟือย ปัญหาสุขภาพ และวัตถุนิยม บริโภคนิยม ในหลวงของเราท่านเคยกล่าวไว้ว่า "การทำดีทำได้ยาก เพราะเราอยู่ภายใต้อำนาจแห่งวัตถุนิยม ความสะดวกสบาย เศรษฐกิจพอเพียงจึงเป็นเสาเข็มของชีวิต ซึ่งคนส่วนใหญ่มองไม่เห็น"
หลักการพัฒนาของในหลวง ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานเดิมของสังคม มีการพัฒนาตามลำดับขั้น เป็นการพัฒนาเพื่อรักษาสิ่งที่ดีให้คงอยู่ และอยู่บนหลักของภูมิสังคม
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ต้องยึดหลักสายกลาง (พอประมาณมีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี)ภายใต้เงื่อนไขความรู้(รอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง) และเงื่อนไขคุณธรรม(ซื่อสัตย์ สุจริต ขยัน อดทน แบ่งปัน) เพื่อนำสู่เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม(ที่สมดุล/มั่นคง/ยั่งยืน)
ดัชนีชี้วัดความสุขซึ่งภูฐานนำมาใช้เป็นประเทศแรกนั้นมีผู้สำรวจ ประเทศที่ประชาชนมีความสุขอันดับหนึ่งคือวานูอาตู(ไม่รู้จัก) ส่วนประเทศไทยอันดับที่ 32 ประเทศที่เจริญมากๆเช่นอเมริกาและรัสเซียอันดับที่150 และ172
หลังจากนั้น ได้สอบถามผู้ร่วมประชุมใน 2 ประเด็น ข้อแรก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สามารถนำมาใช้ในงานสธ.ของไทยได้อย่างไร ข้อที่2 ท่านและหน่วยงานมีแนวทางในการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปดำเนินการอย่างไร(คอblogลองตอบกันดูนะคะ) เมื่อตอบกันตามอัธยาสัยแล้ว ก็มีนำเสนอผลงาน ด้านคุณธรรมจริยธรรมในการทำงานตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจากหน่วยงานสธ. 4 ภาค
ลพบุรีเป็นตัวแทนเขต 5 ภาคกลางได้นำเสนอเรื่องการพัฒนาบุคลากรด้าน จิตวิญญาณอย่างต่อเนื่องและจริงจัง เน้นให้รู้จักตัวเองจากข้างใน จนจนท.เกิดการเปลี่ยนแปลงตนเอง มีความสุขที่จะเผื่อแผ่สิ่งที่ดีให้กับผู้อื่นในแนวทาง"ลดทุกข์ เพิ่มสุข" และเชื่อมโยง บูรณาการงานที่ทำ
ปัจจัยแห่งความสำเร็จ คือมีใจ และความเป็นกัลยาณมิตร
เจ้าหน้าที่ได้รู้จักตนเอง เข้าใจผู้อื่น ปรับพฤติกรรม และให้อภัย
ผู้นิเทศ คือผู้ชื่นชมบุญ (ฟังดูเป็นกัลยาณมิตรดีนะคะ)
ข้อเสนอแนะของทีมลพบุรี ต้องขุดค้นหาคนต้นแบบ (มีใจเมตตา,จิตเป็นกุศล,เห็นความสำคัญของงาน,บริหารจัดการได้,คนในองค์กรศรัทธา,เป็นผู้นำได้ และประสานงานได้)
ข้อคิดจากทีมลพบุรี" สร้างงานจากความสามารถของตน เลือกสิ่งที่ดีของแต่ละคนนำมาหลอมรวมให้เป็นทีมกาละแม"
ขอบคุณที่นำมาลปรรค่ะ
อ่านแล้วลองนึกตอบคำถามดูค่ะ ว่าเราจะนำแนวคิดปรัชญาแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในงานและชีวิตส่วนตัวได้อย่างไรดี?......ย้อนกลับไปอ่านที่พี่สรุปถึงแก่นหรือแนวคิดหลักของปรัชญานี้ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ต้องยึดหลักสายกลาง (พอประมาณมีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี)ภายใต้เงื่อนไขความรู้(รอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง) และเงื่อนไขคุณธรรม(ซื่อสัตย์ สุจริต ขยัน อดทน แบ่งปัน) เพื่อนำสู่เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม(ที่สมดุล/มั่นคง/ยั่งยืน)
ทบทวนถึงบทบาทชีวิตของตน เรานั้นเปรียบเหมือน จิ๊กซอว์ชิ้นหนึ่ง หากเราเชื่อและศรัทธาว่าปรัชญานี้คือทางออกที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาต่างๆทั้งในระดับบุคคล ชุมชน และสังคมแล้วไซร้ การเริ่มนำเอาแนวคิดมาสู่การปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวันของตนเองเป็นเหมือนดั่งจุดสตาร์ท ซึ่งสำหรับตัวเองคงต้องค้นหาและระบุให้ได้ชัดถึง" ทางสายกลาง"ที่พึงจะเป็นของชีวิตเรานี้คือ อะไรและอย่างไร... จากนั้นก็นำมาเปรียบเทียบภาพฝันกับสภาพชีวิตจริงว่ามันใกล้หรือไกลห่างมากน้อยแค่ไหน อะไรคือโอกาสสำหรับการดำเนินต่อไปในทางที่"ใช่"นี้ และอะไรที่เป็นอุปสรรค
ปัญหา=ชีวิตจริงที่เป็นอยู่ Xศรัทธาที่มี
ทางสายกลางแห่งชีวิต
หากถามว่าต้นแบบในใจของผู้ที่นำแนวคิดนี้มาใช้ได้อย่างสมบูรณ์ ตามความคิดเห็นของSeangja ก็คือ สมเด็จย่าของเรานั่นเอง ท่านเป็นผู้ที่มีชีวิตอันงาม สงบเย็น และเป็นประโยชน์อย่างมหาศาลต่อคนรุ่นหลัง...Seangjaเคยได้อ่านหนังสือพระราชประวัติและหนังสืออื่นๆที่เกี่ยวข้องกับสมเด็จย่าแล้ว อ่านแล้วก็บอกกับตนเองว่าขอเพียงทำให้ได้ หนึ่งในพันที่พระองค์ทรงกระทำมา ชาตินี้ก็พอตายตาหลับได้แล้ว