ทางพุทธศาสนา มักต้องถามก่อนว่า จะเอาความคิดมาขวางปัญญา หรือไม่ครับ?
ศาสนาพุทธต้องการให้ผู้เข้าศึกษาธรรม ได้เป็นพุทธะ(ผู้รู้) ไม่นำพากับการคิดหลากหลาย แต่ให้ยึดหลักในพุทธศาสนาให้มั่นคงครับ.....
ก่อนที่จะรับใครเข้าศาสนาในสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์ ได้ถามก่อนเพื่อความแน่ใจว่าจะเข้ามาในพุทธศาสนาแน่หรือ? ถึง 3 ครั้งครับ......แล้วจึงจะอุปสมบทให้(เอหิภิกขุอุปสัมปทา)
ผมจึงมีข้อกังขา..นิดหนึ่งว่า ครูอ้อยหมายถึง คิดนอกกรอบ พระพุทธศาสนา หรือเปล่า ถ้าคิดอย่างนั้นผมคงไม่เอาด้วย เพราะผมประกาศตัวเป็นพุทธมามกะแล้ว แล้วผมยึดเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งแล้ว ในพระรัตนตรัยก็มีพระพุทธ (พระพุทธเจ้าซึ่งปรินิพพานนานมาแล้ว) พระธรรมคำสั่ง(พระวินัย) คำสอน(พระธรรม) เป็นศาสดาแทนตัวพระพุทธเจ้า และพระสงฆ์ ตัวแทนสาวกของพุทธศาสนา
ถ้าผมคิดนอกเหนือศาสนาพุทธ หรือแตกต่าง ก็ต้องไปนับถือศาสนาอื่น ครับ ถ้าผมต้องคิดนอกกรอบ ผมต้องเว้นศาสนาพุทธไว้ครับไม่บังอาจคิดนอกกรอบ เพราะเราตรัสรู้เองไม่ได้ครับ........
ส่วนคิดกว้างไกล และคิดเป็นบวกดีครับ ไม่กังขาครับ
ผ่านมาสะดุดกับหัวเรื่อง
อ่านแล้วคิดตรึกตรองดู เป็นวิธีคิดที่ดีครับ
ผมเป็นคนช่างคิด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะจัดเข้ากลุ่มความคิดแบบใหน
สวัสีดครับครูอ้อยครับ...เห็นแล้วก็น่าคิด
คิดนอกกรอบ :ไม่เคยมีใครคิดนอกกรอบได้จริง นอกขอบเขต แม้กระทั่งไอสไตย์ ถึงอย่างไรมันก็ยังคงอยู่ในขอบเขตธรรมชาติของความคิด กรอบทางธรรมชาติของความคิด
คิดกว้างไกล :คิดกว้างมักไม่ไกล คิดไกลมักใจแคบ มันเป็นวิถีแห่งความคิด เราควร คิดทบทวน
คิดเป็นบวก :บวกคือ ? คิดส่งเสริม บางเวลาเราจำเป็นต้องลดบางอย่างเพื่อให้ได้ผลที่ดี เราควรคิดแต่พอควร
คิดอีกแนว