เพลงพื้นบ้าน กับ ความผิดหวัง
ผิดหวัง คือ ไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ เคยได้ร่วมทางกัน เคยทำงานร่วมกัน แล้วก็มาแยกทาง ต่างคนต่างไป อาการของคนผิดหวังที่พอจะสังเกตได้คือ เหงา อกหัก เศร้า เสียใจ ร้องไห้ ซึม เก็บตัว ไม่อยากออกไปพบหน้าใคร แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง เราอาจจะยิ้มรับกับการผิดหวังหรือสมหวังในทุกข์และสุขปะปนกัน ถ้าคุณคือคนกล้า และมีความอดทนสูง แต่ความอดทนอดกลั้นก็มีขีดจำกัดในตัวของแต่ละบุคคล (ที่สุดคงต้องระเบิดออกมา)ขออย่าให้ถึงขั้นนั้นเลย
ผมนำเอาประสบการณ์เก่า ๆ ตั้งแต่จำได้ ซึ่งเป็นประสบการณ์ในชีวิตจริงๆ มาเป็นบทนำเพื่อที่จะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับทุกท่านที่มีประสบการณ์ในการแก้ปัญหาเรื่องเดียวกัน แต่ต่าง ๆ วิธีกันซึ่งจะได้เกิดประโยชน์ต่อการนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตที่ยังเหลืออยู่ (ไม่นาน) ต่อไป ผมขอทบทวนความเข้าใจอีกครั้งนะครับว่า เรื่องที่นำมาเล่าในที่นี้ เป็นแนวทางหนึ่งเดียวที่อาจไม่เกิดประโยชน์ต่อท่านเลย ถ้าเราดำเนินชีวิตที่แตกต่างกัน แต่อย่างเรื่องเล่าหลาย ๆ เรื่องที่ผมได้อ่าน เป็นความรู้ใหม่นำมาเสริมประสบการณ์ให้ผมได้อีกมาก ต่างคนต่างความคิดครับ ขอแสดงชื่นชม
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505-2506 เป็นจุดเริ่มต้นที่ผมสนใจเพลงพื้นบ้าน เพลงขอทาน เพลงฉ่อย ต่อมาก็ติดตามดูเพลงอีแซว และฝึกหัดร้องแบบครูพักลักจำ มีน้าชายคนเดียวที่เป็นผู้แนะนำให้ ปี พ.ศ. 2513-2514 ผมเริ่มต้นชีวิตและรับใช้สังคมด้านทำขวัญนาค รับเชิญไปทั่วทุกสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นภาคไหน ๆ จังหวัดใด ใกล้ไกลแค่ไหนผมไปได้ปี พ.ศ. 2513-2515 ผมเริ่มต้นฝึกหัดเพลงอีแซวกับครูเพลงในแถบดอนเจดีย์ และร้องเพลงเชียร์รำวง จนถึงพ.ศ. 2519-2520 เริ่มการแสดงเพลงพื้นบ้านโดยรองเป็นลูกคู่ให้ครูเพลงต่อมาได้ฝากตัวเป็นศิษย์แก่ ป้าอ้น จันสว่าง ครูเพลงแห่งบ้านหนองแขม อำเภอดอนเจดีย์ ปี พ.ศ. 2525 ผมและคณะเพลงอีแซวดอนเจดีย์ ได้รับถ้วยรางวัลชนะเลิศและเงินรางวัลจากการประกวดเพลงอีแซวของจังหวัดสุพรรณบุรี ในงานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี (เคยเล่ามาบ้างแล้ว)
ในที่สุดผมก็มาเป็นครูเพลงฝึกหัดเพลงพื้นบ้านตามที่ตนถนัดเข้าจนได้ เพลงพื้นบ้านเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปเสียแล้ว มันเดินหน้าไปโดยอัตโนมัติ จะว่าโดยบังเอิญก็ได้ จากวันที่ผมได้รับรางวัลสูงสุดของจังหวัดสุพรรณบุรี 6 เมษายน 2525 ผมลงจากเวทีมาด้วยความอิ่มเอิบ เหมือนว่าผมได้รับมรดกที่ล้ำค่ามาอยู่ในหัวใจ ได้ทั้งชีวิต จิต วิญญาณ ที่ผมต้องตอบแทนบุญคุณครูเพลงที่ท่านได้ให้มากับการประกวด ผมเริ่มงานถ่ายทอดความรู้สามารถด้านการแสดงเพลงพื้นบ้านสู่นักเรียน จากหนึ่งจนถึงร้อย และมากกว่าร้อยไปแล้ว ถ้าถามว่าภูมิใจไหม ตอบได้ว่า ภูมิใจที่สุดในชีวิตที่ยังลืมตามองดูโลกได้ ถามว่า เคยพบกับความผิดหวังบ้างไหม บางครั้งก็มีผิดหวังน้อย จนถึงมากที่สุดก็เคย แล้วผิดหวังเรื่องอะไรละ ก็มีหลายเรื่อง เพราะชีวิตผมผ่านร้อน ผ่านหนาวมาก็นานพอดู (56 ปีแล้ว)
ผมผิดหวังที่เด็ก ๆ มาเข้าเรียนวิชาเพิ่มเติมบางคน มีความสามารถในการแสดงเพลงพื้นบ้านมาก แต่พ่อ แม่ผู้ปกครองของเขา ไม่ให้การสนับสนุน ห้ามไม่ให้เล่น หาว่าเพลงอีแซวเล่นหยาบคาย
ผมผิดหวังที่นักเรียนมาสมัครเข้าอยู่ในวงเพลงพื้นบ้าน จนผมทุ่มเททุกอย่างฝึกหัดให้เขาเก่งมากแล้ว แต่ไม่ทันถึงปี เขาก็เดินเข้ามาบอกผมว่า “ผมเลิกเล่นแล้วครับ”
ผมผิดหวังที่ลูกศิษย์ในวงเพลง ไม่สามารถที่จะทำให้คนที่ทำหน้าที่ตัดสิน ชี้เป็นชี้ตาย เป็นผู้รู้จริงในสิ่งเด็ก ๆ เขานำเสนอได้(แต่ผู้ชมกลับมีความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจ)
ผมผิดหวังที่ไม่อาจนำพาศิลปะ การแสดงเพลงพื้นบ้านให้กลับมาคงอยู่ในที่ต่างๆ ได้อย่างเดิม คงมีเพียงหย่อม ๆ กระจายอยู่ในพื้นที่ห่างกัน
ผมผิดหวังที่ไม่อาจทำให้ ผู้ที่เป็นประธานในงานแสดงครั้งหนึ่ง หันหน้ามาชมการแสดงสดเพลงพื้นบ้านของผมและคณะได้ เพราะท่านสั่งให้แสดงเป็นรายการสุดท้าย (ตอนที่ท่านกลับไปแล้ว)
ผมคงจะผิดหวังมากที่สุดในชีวิต ถ้าผมไม่ได้ไปแสดงหน้าพระที่นั่งหรือต่อหน้าพระพักตร์ ในงานสำคัญ 3 ครั้ง (งานเสมา’45, To Be Number One 2549, งานวันครอบครัวอบอุ่น ครั้งที่ 2) ผมเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง ผมตื่นเต้นจนควบคุมหัวใจไม่อยู่ มันหวิว ๆ ด้วยความปีติและน้ำตาซึม นี่แหละคือ โอกาสของข้าราชการครูคนหนึ่ง ที่ได้ไปถึง ณ จุดนั้น ด้วยเพลงพื้นบ้าน
(ชำเลือง มณีวงษ์ / 2550)