เมื่อ 2 วันก่อนผู้เขียนได้เดินทางไปต่างจังหวัด เพื่อร่วมไว้อาลัยในงานศพของลูกชายของอดีตเพื่อนร่วมงานที่เคยสอนในโรงเรียนเดียวกันเมื่อตอนที่ผู้เขียนบรรจุครั้งแรก เด็กคนนี้ผู้เขียนเห็นเค้ามาตั้งแต่เด็กๆ (จนกระทั่งผู้เขียนย้ายกลับมาทำงานที่อำเภอที่เป็นบ้านเกิดของตนเอง จึงไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกับครอบครัวนี้บ่อยเหมือนเดิม ) จนกระทั่งอดีตเพื่อนร่วมงานในโรงเรียนเดียวกันท่านอื่นๆ โทรศัพท์ให้ดูข่างทางหน้าจอโทรทัศน์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เลยได้เห็นภาพข่าวว่า "หลาน" ที่ตัวเองเคยเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ ถูกฆาตกรรม!!
น้องนิวเป็นเด็กนักเรียนชายชั้น ม.6 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดพัทลุง (จากคำบอกเล่าของผู้เป็นพ่อแม่และจากคำสารภาพของผู้ก่อเหตุ) ในวันที่เกิดเหตุนั้นน้องนิวถูกเพื่อน ( ซึ่งเป็นนักเรียนชายในระดับชั้นเดียวกันแต่เรียนที่โรงเรียนอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดเดียวกัน ) ชักชวนให้ร่วมเดินทางไปเป็นเพื่อน เพื่อไปพบกับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งของเขาซึ่งมีประมาณ 7 คนและเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน ( ทั้ง 7 คนเป็นเด็กนักเรียนในวิทยาลัยอีกแห่งหนึ่ง ) เมื่อไปถึงก็มีการนั่งดื่ม....กัน ในขณะที่น้องนิวขอตัวเข้าห้องน้ำ เพื่อนที่ไปด้วยกันเกิดมีปากเสียงกับกลุ่มเพื่อนที่เรียนวิทยาลัย และเหตุการณ์อันเลวร้ายก็เกิดขึ้น.......เมื่อน้องนิวออกมาจากห้องน้ำและพบกับภาพที่เพื่อนตนเองกำลังถูกเชือดคอโดยกลุ่มเพื่อนที่เรียนในระดับวิทยาลัย จึงวิ่งหนีแต่ถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุมจับมัดมือไพล่หลังและฆ่าด้วยวิธีการเดียวกับเพื่อน หนำซ้ำผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นมือมีดเพียงคนเดียวยังใจอำมหิตกลัวว่าผู้ถูกกระทำจะไม่ตาย จึงมีการไปลับมีดเพื่อมาเชือดต่อจนตายสนิท เจ้าของบ้านเช่าได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย จึงไปเคาะประตูเรียก แต่ไม่มีการเปิดในที่สุดต้องโทรศัพท์แจ้งตำรวจ เมื่อตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุก็พบเด็กกลุ่มดังกล่าวกำลังล้างคราบเลือดเพื่อทำลายหลักฐานและเตรียมตัวหนี แต่ทั้งหมดก็ถูกจับกุม
ก่อนหน้านั้น......คุณแม่ของน้องนิวโทรฯ หาน้องเพื่อต้องการรู้ว่าลูกอยู่ที่ไหน คำตอบที่ได้ คือ อยู่กับเพื่อน แล้วกำลังจะกลับบ้าน แต่เมื่อโทรอีกครั้ง.....กลับไม่มีผู้รับสาย จึงปรากฎเบอร์ที่พลาดการรับสายไว้ให้ตำรวจแจ้ง....ข่าวร้ายที่สุดในชีวิตของผู้เป็นพ่อและแม่
หัวอกของพ่อแม่ในวินาทีนั้น.....คงไม่สามารถบรรยายออกมาได้..........
มันเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของผู้เป็นพ่อแม่ พ่อแม่ที่ยังอยู่....แต่เหมือนดวงใจดับสูญ.....กว่าจะทำใจได้.....กับการสูญเสียในครั้งนี้......ทั้งๆ ที่ลูกอยู่ในวัยเยาว์ วัยที่น่าจะได้เรียนรู้ชีวิตอีกยาวไกล วัยที่น่าจะเป็นพลังแห่งการสร้างสรรค์ วัยที่น่าจะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ เพื่อเป็นอนาคตของชาติต่อไปข้างหน้า แต่กลับหมดโอกาสนั้นอีกต่อไปแล้ว
ผู้บริหารโรงเรียนของคุณพ่อของน้องนิวได้ตั้งคำถามให้ชวนคิดเป็นประเด็นกันต่อว่า
"ทำไมถึงไม่มีใครเลย....ในจำนวนเด็กผู้ก่อเหตุทั้ง 7 คน.....ที่จะมีสักหนึ่งคนที่มีจิตใจในการคิดที่จะห้ามปรามเพื่อนตนเองไม่ให้ก่อเหตุเลยหรือ ?"
ในขณะที่ผู้เขียนเองก็เกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า
- การศึกษาในยุคปัจจุบัน....สามารถพัฒนาจิตใจคนได้มากน้อยเพียงใด
- เรามุ่งสอนแต่วิชาการ.....จนลืมสอนศีลธรรมกันในทุกๆ คาบเรียน ในทุกๆ รายวิชาหรือปล่าว
เพราะจากข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์และทางจอโทรทัศน์ในปัจจุบันนี้ จำนวนผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่เยาวชนน่าจะได้ชื่อว่า " เป็นผ้าขาว....บริสุทธิ์ " ไม่ใช่หรือคะ
แล้วคุณล่ะคะ......คุณคิดเห็นเป็นเช่นใด???? เชิญได้เลยค่ะ....
ขอแสดงความเสียใจต่อพ่อแม่ของเด็กด้วยครับ
สลดใจจริงๆ..........
สวัสดีค่ะ
สวัสดีคะ คงไม่กล่าวถึง รายละเอียดของเหตุการณ์ แต่คงขอแลกเปลี่ยนว่า เด็กสมัยนี้เปลี่ยนแปลงไป หรืออะไรเปลี่ยนแปลงไป จนทำให้เด็กเรียนรู้อะำไรมาบ้าง หากแต่มองโดยรอบแล้ว น่าจะ้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของหลายอย่าง การเกิดภาวะกดดัน อะไรที่ทำได้ขนาดนั้น การเรียนรู้อะไรมา ที่ทำให้ตัดสินใจแก้ปัญหาเช่นนี้ แล้วเราจะปรับขบวนการเรียนรู้ให้กับคนรุ่นนี้อย่างไร (คงไม่ใช่เฉพาะโรงเรียน หรือระบบการศึกษาเท่านั้น) เราทุกคนคะ
สวัสดีค่ะ ขอแสดงความเสียใจกับ พ่อ แม่ ด้วยค่ะ เด็กตอนนี้บางคนเขาก็คิดอะไรที่เราคิดไม่ถึงค่ะขอยืนยันว่ามีจริง ๆ ค่ะ
สวัสดีค่ะคุณก้ามปู
สวัสดีค่ะคุณกิ่ง