เมื่อเราทำสิ่งที่เรา"คิดว่าดี" แต่คนอื่นว่าไม่ดี เราก็"คิด"เสียใจ เกิดความโกรธ แล้วมันเกิดอยู่ที่ไหน ก็เกิดในตัวเราไง..
หากเราทำในสิ่งที่"คนอื่นประเมินว่าไม่ดี" มีคนอื่นมาเตือนเรา เราก็โกรธ และเสียใจอีก ความโกรธความเสียใจเกิดขึ้นที่ไหน...ก็ที่ตัวเราอีกนั่นแหละ
สวัสดีครับท่านอาจารย์กมลวัลย์
ผมเห็นด้วยอย่างมีนัยสำคัญยิ่งครับ ฮ่าๆๆ
เข้าใจตนเองมากเท่าใด ก็จะเข้าใจคนอื่นมากเท่านั้น
สวัสดีค่ะคุณข้ามสีทันดร
เป็นเรื่องสำคัญค่ะที่ต้องรู้จักตัวเอง เพื่อรู้จักผู้อื่น หลวงปู่บอกว่า เรากะเขาก็เหมือนกัน ประกอบไปด้วยกายกับจิตเท่านั้น แต่สร้างเรื่องได้มากเหลือเกิน : )
ขอบคุณที่แวะเข้ามา ลปรร นะคะ
เมื่อวาน ภรรยาผมเล่าให้ฟังว่า มีคนไข้ บอกทุกข์มาก เพราะลูก ๆ เกเร ไม่เรียนหนังสือ แถมเที่ยวสุรุ่ยสุร่าย
ก็ไม่รู้จะปลอบใจแกว่ายังไง บอกแกไปว่า
" ตาเห็น ใจเห็น ก็ทุกข์มาก ตาเห็นแต่ใจไม่เห็น ก็ทุกข์น้อย ตาไม่เห็น ใจไม่เห็น ไม่ทุกข์เลย "
พูดเสร็จภรรยาผมก็มานั่งงง ว่าตัวเองพูดไปได้ยังไง คุณป้ายิ้มได้ บอกเออจริง
ผมบอกว่า มันอยู่ในจิตใต้สำนึก เข้าวัดที่อบรมเรื่องเหตุเรื่องผล อ่านหนังสือ รับรู้เรื่องราวของธรรมะบ่อย ๆ เมื่อมีเหตุการณ์ที่ต้องใช้ มันจะออกมาเอง ( ปรกติ ผม เข้าวัดหนองป่าพง วัดป่านานาชาติ หลวงพ่อชาและลูกศิษย์ ผมเชื่อและศรัทธา หลวงพ่อปัญญา หลวงพ่อพุทธทาส หลวงพ่อประยุทธ ) ภรรยาผมพลอยได้รับรู้เรื่องราวไปโดยไม่รู้ตัว
หลวงปู่ชา ท่านเข้าถึงในพระธรรม จากการฟังเทป ดิฉันคิดว่าท่านเป็นพระปฏิบัติ เมื่อปฏิบัติแล้วเข้าใจ ประกอบกับมีความสามารถมาถ่ายทอด ก็เลยสามารถถ่ายทอดให้เราฟังโดยใช้คำพูดง่ายๆ แต่ความหมายลึกซึ้ง ทำให้เราเข้าใจธรรมที่ท่านสอนได้ง่าย สามารถนำไปปฏิบัติได้ และซึมซับเข้าไปในชีวิตประจำวันเรานี่แหละค่ะ
จะขออนุญาตนำ " ตาเห็น ใจเห็น ก็ทุกข์มาก ตาเห็นแต่ใจไม่เห็น ก็ทุกข์น้อย ตาไม่เห็น ใจไม่เห็น ไม่ทุกข์เลย " ไปใส่ไว้ในบันทึกนะคะ เพราะคิดว่าสรุปได้ชัดเจนกว่าที่ดิฉันเขียนไว้ค่ะ
ขอบคุณที่แวะเข้ามา ลปรร นะคะ ขอขอบคุณภรรยาคุณหมอด้วยค่ะ.. ดิฉันว่าคนไข้ของคุณหมอทั้งสองคนเป็นผู้ที่โชคดี เพราะได้รับการดูแลทั้งกายและใจค่ะ
สวัสดีครับอาจารย์
ดิฉันก็เห็นด้วยค่ะว่าเส้นทางในการรู้จักตนของแต่ละคนคงจะไม่เหมือนกัน ต่างกรรมต่างวาระค่ะ แต่อย่างน้อยเราก็มองเห็นยอดเขาที่เรากำลังมุ่งไปสู่ว่าอยู่ตรงไหน เป็นยอดเดียวกัน แต่เราอาจจะมาจากคนละด้านเชิงเขา อาจมองเห็นเส้นทางที่เหมาะของแต่ละคนแตกต่างกัน แต่มีจุดมุ่งหมายในการบรรลุถึงยอดเขาเดียวกันแน่นอน
ดีใจที่ได้แหงนมองเห็นยอดเขา แต่ก่อนไม่เคยเห็นเขาลูกนี้มาก่อนด้วยซ้ำ เห็นแต่ทางเดินข้างหน้า แต่ทางเดินไปไหนก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้อย่างน้อยก็กำลังพยายามเดินไปสู่ถนนสายความจริง สายพระธรรมนี้แหละค่ะ..
บันทึกนี้เอาไว้เตือนตัวเองว่า อันดับแรกก็ต้องเข้าใจความจริงเกี่ยวกับตัวเราก่อน รู้จักตัวเราก่อน เพราะถ้าไม่รู้จักตัวเรา แต่ใช้ตัวเรามองออกไป เราอาจมีสายตาและความคิดที่ผิดก็ได้ แต่ไม่รู้ตัว เพราะไม่เคยเห็นตัวเองหรือรู้จักตัวเองมาก่อนเลย..
ขอบคุณคุณหมอที่เป็นกัลยาณมิตรให้กำลังใจในการปฏิบัติเสมอมาค่ะ : ) ได้อ่านข้อคิดเห็นของกัลยาณมิตรใน G2K ทำให้ดิฉันได้ไตร่ตรอง และได้เขียนได้เข้าใจได้ปฏิบัติมากขึ้นค่ะ .. ขอบคุณที่แวะเข้ามา ลปรร เสมอนะคะ
.......................................................
สำคัญจริงๆเลยคะ....เห็นด้วยความคิด คิดไปทั่ว
สวัสดีค่ะคุณ
ใช่เลยค่ะ ถ้าตาเห็น ใจเห็น แล้วความคิดมันเกิด เพราะมีเรื่องมากระทบจิตของเรา ทำให้เราเกิดอารมณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องดูกันไปค่ะ ดูให้รู้ว่าอันนี้คือโกรธ อันนี้คือปิติ เป็นต้น จะได้รู้ว่ามีการเกิด-ดับของอารมณ์เหล่านี้อยู่..จะได้รู้ว่ามันไม่เที่ยง และไม่ยึดสิ่งเหล่านี้เป็นอัตตาหรือสาระค่ะ
แต่บางครั้งตาก็ไม่ได้เห็นแล้ว แต่ใจเห็น คือเอาเรื่องเก่า หรือจินตนาการเรื่องใหม่มาคิด อันนี้ก็มีผลแย่พอๆ กับข้างต้นค่ะ เพราะจิตไปรับรู้ เพราะฉะนั้น ตาไม่เห็น ใจเห็น ก็เกิดทุกข์ได้ค่ะ
ขอบคุณที่แวะเข้ามา ลปรร เสมอนะคะ : )