ปีหน้าก็คงจะเป็นเช่นเดียวกับปีนี้.....
ทุกเดือนเมษา พฤษภา และ ตุลา ของทุกๆปีเป็นช่วง "ปิดเทอม" ของบรรดานักเรียน นักศึกษาทุกระดับชั้น เป็นที่รู้กันในกลุ่มผู้ปฏิบัติงานบริการสุขภาพค่ะว่าในเดือนเหล่านี้จะมีผู้ใช้บริการมากเป็นพิเศษ ปริมาณงานจะ "ขึ้นพีค" กันถ้วนหน้าทุกหน่วยงาน และเป็นอย่างนี้มาทุกๆปี ที่สำคัญยอดของพีคก็จะสูงขึ้น สูงขึ้น จนในที่สุด ปีนี้ก็เป็นปีที่ยอดของพีคสูงขึ้นจนพวกเราปรารภกันว่า "รับมือไม่ไหวแล้วจ้า..."
เมื่อวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา หน่วยฮีมาโตก็ต้องเผชิญกับมรสุมของงานที่รุนแรงที่สุดในรอบยี่สิบห้าปี (หลังจากเปิดโรงพยาบาลมา) ก็ว่าได้ จากปริมาณงานเฉลี่ยประมาณวันละ 500 ราย และเราเคยรับมือกับงานที่สูงสุดถึง 700 รายก็เริ่มบ่นโอดโอยกันแล้ว....
ในวันนั้นปริมาณงานทั้งหมด 903 ราย แถมพ่วงกับการที่ระบบคอมพิวเตอร์เครือข่ายขัดข้องในช่วงเริ่มปฏิบัติงานถึง 2 ชั่วโมงกว่าจะแก้ไขจนทำงานได้ตามปกติ....
สถานการณ์ประมาณ 11.00 น. ของวันนั้น พวกเราก็เริ่มรู้สึกถึงพลังมรสุมงานที่เริ่มถาโถมเข้ามา มองเห็นหลอดเลือดมาวางอยู่บนเคาน์เตอร์เป็นร้อยสองร้อยรายพร้อมๆกัน ในขณะที่เริ่มมีโทรศัพท์มาติดตามผลเลือดเนื่องจากระบบเครือข่ายรายงานผล "ไม่ได้"
พี่เม่ยประเมินสถานการณ์ แล้วตั้งคำถามกับผู้ปฏิบัติงานหลายๆท่านที่มากประสบการณ์ว่า "คิดว่าทำเสร็จทันไหมเนี่ย?....ทุกคนส่ายหน้าและมีสีหน้าวิตกกังวล อย่างนี้ต้องพยายามหาวิธีผ่อนหนักให้เป็นเบาเสียแล้ว.....
- เริ่มต้นแก้ปัญหา ด้วยการติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้เพจแจ้งผู้ใช้บริการทุกท่าน ว่าผลการทดสอบจะล่าช้า เนื่องจากปริมาณงานมากและระบบคอมพิวเตอร์ขัดข้องกำลังทำการแก้ไขอยู่ การเพจแจ้งเตือนนี้จะช่วยให้ลดจำนวนโทรศัพท์สอบถามลงได้บ้าง
- จากนั้นก็โทรศัพท์รายงานหัวหน้าภาค พร้อมกับขออนุมัติเบิกค่าล่วงเวลา หากเราต้องยืดเยื้อกับงานต่อไปอีกหลายชั่วโมง พอท่านรับทราบและโอเค ก็ประกาศให้ทุกคนรับทราบ ตรงนี้ช่วยให้ขวัญและกำลังใจของพวกเราดีขึ้นมากค่ะ
- เราต้องยอมเสียกำลังคน 1 คนไปสำหรับทำหน้าที่รับโทรศัพท์ ตอบคำถามการติดตามผลตลอดเวลาทั้งๆที่เราพยายามเพจแจ้งทุกๆ 1 ชั่วโมง งานนี้คนถามก็เครียด คนตอบก็เครียดกว่าอีก.....แต่ทุกคนในหน่วยก็ "ระดมพลัง" ช่วยกันจัดการกับงานที่กองอยู่ตรงหน้าจนสำเร็จค่ะ แน่นอนที่สุด พวกเราได้กลับบ้านกันหลัง 18.30 น. ในวันนั้น
- วันรุ่งขึ้นพี่เม่ยทำบันทึกข้อความรายงานสถานการณ์พร้อมกับเบิกค่าล่วงเวลาให้กับทุกคนที่ช่วยกันทำงานตามความเป็นจริงส่งภาควิชาทันที....(วัตถุประสงค์หลักไม่ใช่เพื่อต้องการค่าตอบแทน แต่เป็นการให้ความสำคัญกับปัญหาที่เราได้ประสบ....)
ทีนี้ก็มานั่งทบทวนว่าปีหน้าเราจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไรดี?.....
- ความจริงเราก็วางแผนป้องกันปัญหาเหล่านี้บ้างแล้วด้วยการขอเพิ่มอัตราเจ้าหน้าที่ แต่เนื่องจากความไม่สม่ำเสมอของปริมาณงานทำให้เราเกลี่ยงานได้ลำบาก
- อีกแผนหนึ่งที่มองเห็นได้ก็คือ พึ่งกำลังขอน้องๆ"นักศึกษาฝึกงาน" ค่ะ เพราะในช่วงปิดเทอมจะมีนักศึกษาหลายกลุ่มมาขอฝึกงานในภาควิชาหลายคน (ใช้เวลาประมาณเดือนถึงสองเดือน) ภาคฯก็จะจัดระบบให้น้องๆได้เข้าไปดูตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อย ...สังเกตว่าการจัดระบบอย่างนี้ทำให้เราไม่ได้อะไรจากเขา และเขามาฝึกก็ไม่ได้อะไรกลับไปมากนัก
เอ...ถ้าเราแบ่งกลุ่มน้องๆออกมาตั้งแต่เริ่มแรก ส่งให้ไปฝึกงานแต่ละหน่วยโดยเฉพาะ หน่วยละคนสองคนแล้วแต่ต้องการ พอใกล้จบการฝึกงานก็จัดเวทีให้เขามาแลกเปลี่ยนกันเองว่าไปทำงานในหน่วยใด ได้อะไรบ้าง (ประมาณว่า AAR น้องๆไปในตัว....)
-
เราก็ได้ประโยชน์แน่นอนค่ะ เพราะน้องคงเป็นกำลังในการช่วยรับมรสุมงานเราในช่วงเดือนนั้นได้บ้างไม่มากก็น้อย
-
ส่วนน้องก็ได้ประโยชน์ เพราะมีเวลาได้ฝึกทักษะที่เฉพาะของแต่ละหน่วยได้ แต่อาจมีข้อเสียคือฝึกได้ไม่ครบทุกหน่วยซึ่งต้องปิดจุดอ่อนตรงนี้ด้วยการหาเวลาให้เขาได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเองด้วย....แบบนี้ก็น่าจะ win win ทั้งสองฝ่าย คิดได้แล้วจึงรีบบันทึกไว้ก่อนกันลืมค่ะ เพราะไม่เช่นนั้น......
ปีหน้าและปีไหนๆก็คงเป็นเช่นเดียวกับปีนี้....