คิดถึงลูกและเมีย


โทรศัพท์ราคาถูก

วันที่ 9 พฤษภาคม 2550

เช้าวันนี้เป็นวันที่ 3 แล้ว ตื่นนอนเสียสายโด่ง เพราะว่าง 1 วัน วันนี้เพียงแต่เฝ้ารอว่าที่ MHC จะติดต่อให้ไปรับผลการตรวจร่างกายได้หรือยัง อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ลงไปกินขนมปังกับคอร์นเฟลกผสมนมจนอิ่ม ก็ขึ้นมานั่งฟังข่าวในห้อง เขียนบันทึกอยู่นานจนกระทั่ง 11 โมงกว่าจึงได้ลงไปเดินหาของกิน ได้อ่านหนังสือตามที่อาจารย์จุฑาทิพย์ให้มาก็ได้แนวคิดว่า จะไปกินที่ Maxwell food center ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน ในเขต Chinatown ได้กินข้ามมันไก่ไหหลำที่สุดแสนจะอร่อยอันลือชื่อ ร้านนี้คงเป็นร้านเดียวที่มีคนรอคิวยาวมาก ราคา 3 เหรียญ อิ่มจนเกือบจะล้น เสร็จแล้วก็เดินกลับ

เที่ยงวันนี้ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆครึ้ม รถบางคันที่วิ่งผ่านมาดูเหมือนจะถูกฝนหล่นใส่ เลยรีบจ้ำกลับโรงแรม แต่เมื่อมาถึงก็นึกขึ้นได้ ฝนก็ยังไม่ตก เลยเดินไป Pearls center เพื่อซื้อ top up card เนื่องจากวันนี้เหลือเงินเพียง 8 เหรียญเท่านั้น ผมเลือกซื้อชนิด 20 เหรียญมา และซื้อ hello card ด้วย บัตรนี้เป็นบัตรที่ใช้โทรออกต่างประเทศเท่านั้น เป็นของ Sing Tel เช่นเดียวกัน ราคา 10 เหรียญ เขาขายในราคา 8 เหรียญ ผมสามารถโทรได้ประมาณ 200 นาที ผมว่าคุ้มมาก มาถึงเรื่องบัตรเติมเงิน เมื่อได้มาผมก็ทำตามขั้นตอน ปรากฏว่าไม่สามารถเติมเงินได้ จึงตัดสินใจโทรศัพท์หาโอเปอเรเตอร์ งานนี้ต้องอาศัยความกล้าหาญอย่างมาก เนื่องจากผมกลัวการโทรศัพท์คุยภาษอังกฤษจริงๆ การไม่เห็นปากมันทำให้การสื่อสารภาษาอังกฤษของผมเริ่มมีปัญหา แต่คราวนี้ต้องกลั้นใจทำ เพราะว่าเงิน 20 เหรียญจะให้มันหายไปไม่ได้ ปรากฏว่าผมฟังเขารู้เรื่อง จากการตรวจสอบก็พบว่าผมกดเลขผิด (งงเหมือนกัน จะกดผิดได้อย่างไร เพราะตาก็เห็นหมายเลยอยู่) เขาให้ทำอีกครั้ง คราวนี้กดผิดจริงๆ ระบบมันเลยล็อคไปเลย จึงกลั้นใจโทรศัพท์อีกครั้ง หลังจากแก้ปัญหาได้ก็เลยโล่งไป นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ผมไม่ชอบระบบเติมเงิน                 

ตลอดทั้งบ่ายวันนี้ผมหมกตัวอยู่แต่ในโรงแรม เพราะไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน มันต้องเสียเงินทั้งนั้น มาถึงตอนนี้ก็หวนนึกถึงชีวิตที่เมืองไทยไม่ได้ กับรายได้ของตัวเองที่เกือบห้าหมื่นบาทต่อเดือน แม่ว่ายังไม่ได้รวมกับของภรรยา ผมสามารถอยู่ได้อย่างสบายมาก มีหนี้สินเพียงอย่างเดียวคือการผ่อนรถยนต์ ครอบครัวสามารถไปกินอาหารที่มื้อละหลายบาทได้ ไม่ว่าจะเป็นอาหารญี่ปุ่นที่เรากินกันครั้งละหนึ่งพันบาท หรือกินสเต๊ก หรืออะไรอีกมากมายที่ราคาสูง โดยไม่ได้คิดว่าจะมีความลำบากขัดสน แต่ที่นี่กินอาหารมื้อละ 3 เหรียญยังต้องคิดตั้งนาน แม้ว่าคำนวณแล้วก็ตกประมาณ 70 บาทก็ตามที เพราะผมมีเงินเดือนจาก KKH เดือนละ 1500 เหรียญ ต้องจ่ายค่าบ้านอีก 750 เหรียญ ไหนจะค่าเดินทางอีก อยู่ที่นู่นผมเลี้ยงนักศึกษาแพทย์ทุก 2 เดือนที่เขาลงกองสูติ (เรากินเลี้ยงกันในสาย 5 ที่ผมอยู่ ทำกินกันที่บ้าน ผมให้เงิน เด็กๆจัดการเรื่องอาหารและการทำความสะอาดบ้าน) ครั้งหนึ่งประมาณ 3-4 ปีที่แล้ว อ.เกษม วัฒนชัย ซึ่งขณะนั้นท่านเพิ่งลาอกจากตำแหน่ง รมต.กระทรวงศึกษาธิการ และยังไม่ได้รับพระราชทานโปรดเกล้าให้เป็นองคมนตรี ได้มาบรรยายเรื่องเกี่ยวกับการเป็นอาจารย์ให้ฟังที่คณะวิทยาศาสตร์ ผมโชคดีอย่างมากที่ได้ไปร่วมฟังบรรยายอย่างใกล้ชิด ท่านเล่าว่า เราเป็นครูแพทย์ ถึงแม้ว่ามีเงินเดือนไม่มาก (เหมือนหมอที่ทำงานข้างนอก หรือหมอเอกชน) เรามีความสามารถที่จะพานักเรียนแพทย์ไปกินข้าวได้ เชื่อหรือไม่ว่า แม้อาหารเพียงมื้อเล็กๆกันเงินไม่กี่บาท มันได้กลายเป็นมื้อที่ใหญ่มากสำหรับนักเรียนของเรา เขาจะขอบคุณเราด้วยใจจริง แต่สิ่งหนึ่งที่ครูไม่ควรคิดหรือยึดติดคือ อย่าหวังผลจากการกระทำนั้น อย่าหวังว่านักเรียนจะจำเราได้ และอย่าหวังการตอบแทนบุญคุณ จากวันนั้นผมก็ปฏิบัติดังเช่นที่อาจารย์ได้สอนอยู่เรื่อยมา โชคดีที่ภรรยาเห็นดีด้วย ผมจึงกระทำด้วยความสบายใจอย่างยิ่ง                

ช่วงบ่ายผมได้รับ SMS จาก Fernandi ว่าเขาตัดสินใจเลือกที่จะอยู่บ้านที่เราได้ไปดูเมื่อวานตอนเช้า เพราะเจ้าของบ้านเขาได้เชิญผู้เช่าคนหนึ่งให้ออกไป ผมก็เลยโทรไปคุยด้วย เขาบอกว่าเพราะราคามันถูก ค่าเงินของเขาถูกมากจนไม่สามารถที่จะอยู่หอราคาแพงได้ แต่ก็อย่างว่า ผมเองตั้งใจมาแล้วว่า หากราคาอยู่ในช่วง 700-900 เหรียญ ผมสามารถอยู่ได้ ผมจึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปที่ SIC ทันที บอกว่าจะเช่าห้องชนิด deluxe double เพราะราคา 750 เหรียญ และบอกเขาว่าจะเข้าไปราววันพรุ่งนี้หรืออาจจะเป็นวันเสาร์ ตอนแรกก็คิดอยู่นานเหมือนกันว่าจะอยู่ห้องเดี่ยวราคา 850 หรือห้องคู่ดี คิดอยู่นานก็ได้ข้อสรุปว่า ห้องคู่ก็น่าจะอยู่ได้ จะได้มีเพื่อนร่วมห้องต่างชาติไว้คุยด้วย อีกอย่างตอนนี้ยังไม่มีคนอยู่ นั่นคือผมจะได้อยู่คนเดียว                

ประมาณ 6 โมงเย็นกว่าๆผมจึงเดินลงไปหาข้าวกิน เย็นนี้ตั้งใจไว้อย่างแน่วแน่แล้วว่าจะไปกินข้าวต้มที่ร้าน Tiong Shian เสียที แต่เมื่อเดินฝ่าผู้คนเข้าไปเพื่อดูรายการอาหาร ผมก็ตัดสินใจเดินออก เพราะว่าราคาแต่ละอย่างนั้นแสนจะกล้ำกลืน แบบว่า 10 เหรียญขึ้นไปทั้งนั้น ก็เลยออกไปยังถนน Smith เหมือนเดิม รอบนี้ผมเลือกกินอาหารทอด มีลูกชิ้น เต้าหู้ กับไส้กรอกหมูแดงที่มีกลิ่นคล้ายๆแหนม สนนราคาอยู่ที่ 4.9 เหรียญ แพงเหมือนกัน แต่ก็อิ่มมากด้วย ระหว่างที่กินอยู่นั้น Genes ก็ติดต่อเข้ามาเพื่อจะชวนไปกินข้าวเลยปฏิเสธ เย็นนี้ตั้งใจว่าจะหาซื้อผลไม้กินเสียหน่อย จึงไปเดินหาใน Pearls center เลือกซื้อลูกไหน 5 ลูก ราคา 3 เหรียญ   และสตรอเบอร์รี่ราคา 3 เหรียญ ไม่นานหลังเข้าห้อง อ.เต็มศักดิ์และ Genes ก็เข้ามา คุยกันหลายเรื่อง Genes เป็นคนที่คุยเก่ง เขาจะแก้ไขคำพูดให้หากเราพูดผิดหรือฟังไม่รู้เรื่อง เขาสนใจเรื่องที่ผมสอน sex education โดยเฉพาะการสอนให้ลูกสาวรับรู้ Genes เป็นคนที่เคร่งในศาสนาคริสต์มาก เขาเลยดูอายๆเลยหลายอย่างก็มีความขัดแย้งกันในความคิดผม เป็นต้นว่า ผมตั้งใจแน่วแน่ว่าต้องสอนการใส่ถุงยางอนามัยแก่เด็กๆ แต่เขาบอกว่าต้องสอนให้ไม่มี sex ต่างหาก และก็มีความคิดเหมือนหลายๆคนคือ การสอนจะทำให้เด็กมี sex มากขึ้น

               

การโทรศัพท์กลับบ้านในคืนนี้ทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้น ลูกๆดูเหมือนกับจะอยู่กันได้โดยไม่มีปัญหา น้องแป้งบอกผมว่า ไม่อยากให้ผมจากไปไหน ผมก็สอนเธอไปว่า พ่อมาเพื่อความก้าวหน้า (ของพ่อเอง) คนเราทุกคนในวันหนึ่งก็ต้องห่างจากกันบ้าง พ่อเองเมื่ออายุ 18 ปีก็จากคุณปู่คุณย่ามาเรียนที่หาดใหญ่ คุณแม่ก็จากคุณตาคุณยายมาเรียนที่หาดใหญ่ (จริงๆแล้วจากไปเรียนที่สาธิต ม.อ.ปัตตานี ตั้งแต่ ม.1 ด้วยซ้ำ) และวันหนึ่งลูกก็ต้องจากพ่อและแม่ไปเรียนเหมือนกัน อาจจะไกลกว่าด้วยซ้ำ อังกฤษหรืออเมริกา พ่อก็ยังไม่รู้เลย ฉะนั้นลูกจงเข้าใจว่า พ่อไม่ได้ไปไหนไกลหรอก เดี๋ยวก็กลับ ยิ่งอยู่สิงคโปร์นี่ดีใหญ่เพราะสามารถกลับได้บ่อยเท่าที่พ่อต้องการและมีเงินเหลือมากพอ ผมเองก็ไม่รู้ว่าเธอจะเข้าใจดีแค่ไหน แต่คิดอยู่เสมอว่า การสอนให้คิดแบบนี้ น่าจะเป็นการสอนที่ดีที่สุด น้องแป้งได้รับการปลูกฝังจากผมหลายอย่าง ทั้งทางการพูดคุยหรือทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ผมคิดว่าการที่ผมอยู่กับลูกมากๆ ให้เวลาเขามากๆ จะช่วยทำให้เขาอิ่มใจอยู่เสมอและคิดเป็น นั่นก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ผมไม่เปิดคลินิก ไม่รับทำคลอดมากจนเกินไป (จนถึงไม่รับเลย)

หมายเลขบันทึก: 95682เขียนเมื่อ 11 พฤษภาคม 2007 18:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 12:57 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

น้องแป้งอ่านหนังสือได้หรือยังคะ บันทึกของคุณพ่อใน GotoKnow นี้น่าจะเป็น 1 ในสมบัติที่ล้ำค่าในอนาคตสำหรับสาวน้อยน่ารักทั้ง 2 นะคะ สอนวิธีคิดและทำให้ดูเป็นแบบอย่างคือวิธีที่พิสูจน์แล้วค่ะ ว่า work ที่สุด กับ 3 หนุ่มน้อยที่บ้านค่ะ  

น่าสนใจครับ คนหนึ่งสนใจเรื่อง sex คนหนึ่งสนใจเรื่องความตาย คนหนึ่งสนใจเรื่องศาสนา นั่งอยู่ในห้องเท่ารูหนู ของโรงแรม Kieong Saikย่าน chinatown ของสิงคโปร์ที่เคยโด่งดังเรื่องสตรีอาชีพพิเศษ เหมือน เหมือนย่านโรงน้ำชาแถวเยาวราชบ้านเราสมัยก่อน

 

 

ดูมันไม่ค่อยเข้ากันเลยจริงๆครับ ระหว่างคนที่ 1 กับอีก 2 คนที่เหลือ แต่เป็นความสามารถพิเศษส่วนตัวของผมเสมอที่จะพูดให้เป็นเรื่องเดียวกันได้ครับ

อาจารย์เป็นหนึ่งในผู้มีบุญคุณกับผมอย่างมาก ยังคิดไม่ออกเลยว่า หากอาจารย์ไม่ได้มาสิงคโปร์ในช่วงเวลานี้ หรือมาแต่ผมไม่รู้ ชีวิตผมคงลำบากกว่านี้มากครับ

เรียกท่านว่าอาจารย์แล้วมีคนไม่เชื่อว่าเป็นอาจารย์ผม เพราะเขาว่าอาจารย์หน้าเด็กม๊ากมาก.....ส่วนผมมีผมขาวเกิน 40 % ของหัวแล้ว

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท