ธรรมะนำมาฝาก... "ปัจจุบันจิต"
จิตใจของมนุษย์หรือของสิ่งมีชีวิตสามารถแผ่อิทธิพลไปเกื้อหนุนหรือขัดแย้ง ไปทำร้าย หรือเยียวยาซึ่งกันและกันได้ เพราะฉะนั้น อย่าสำคัญผิดว่าความคิดเป็นเรื่องส่วนตัว สิ่งที่เราคิดอาจไปทำร้ายจิตใจผู้อื่นได้ ถ้าเรามีพลังจิตแรง เคยไหมที่เรากำลังเดินอยู่ในที่มีผู้คนเยอะแยะ แล้วรู้สึกคล้ายกับว่าอะไรนะ ... หันไปดูปรากฏว่ามีคนกำลังจ้องเราเขม็ง ก็เพราะพลังจิตนี้มีกำลัง จึงมีวิชาที่เรียกว่า "สะกดจิต" เกิดขึ้น หรือคนที่คิดไม่ดีก้สามารถเอาพลังจิตไปทำร้ายผู้อื่นได้ เราจึงต้องปฏิบัติใจกัน
แม้พลังจิตจะมีพลังอำนาจอย่างนั้นก็จริง แต่ถ้าเราฝึกฝน เอาสติใช้รักษาใจของเราไว้ ผัสสะอะไรมากระทบเรา เรามีความระลึกรู้อยู่พลังอีกฝ่ายหนึ่ง เขาจะต้องถามหรือขอดูเราให้รู้ก่อนว่า ระหว่างที่เขาสะกดจิตเรานั้น ขอให้เราให้ความร่วมมืออย่าต่อต้าน ถ้าเราต้อต้านแล้วเขาจะทำไม่ได้ เพราะจิตส่วนหนึ่งจะดึงรั้งต่อต้านกัน แล้วเกิดอันตรายได้ เขาจะไม่ทำ
ถ้าเราไม่เข้าใจให้ถูกต้องอย่างนี้แล้ว เราก็จะเกิดความกลัว คนๆ นี้เขามีพลังใจสูง มาพูดจาทำให้เราเคลิ้มหรือหลงตามได้ เราก็จะกลัว พอเกิดความกลัว สติก็ไม่กระชับอยู่กับใจ โอกาสที่จะเพลี่ยงพล้ำก็มีมาก แต่ถ้าเราระลึกนึกให้ดี และระมัดระวังตัวเราไว้ จิตของเราก็จะมีกำลัง แล้วอะไรๆ จะมาทำร้ายเราก็ไม่ได้ เพราะใจของทุกๆ คนนั้นมีพลังเท่าเทียมกัน แต่ที่มันแสดงออกมา คนบางคนใจแข็ง คนบางคนใจอ่อน ก็เพราะปริมาณของสติที่ฝึกปรือเอาไว้ ไม่เท่าเทียมกัน ถ้าเราฝึกจนสติของเรารู้เท่าทันตลอดเวลาที่ลืมตาตื่นอยู่ อะไรมากระทบใจเรา สติของเราจะกระเพื่อมไปเป็นเนื้อเดียวกับใจ
ถ้าฝึกจนใจเราได้ที่อย่างนี้ ก็ไม่มีอะไรที่จะมาเป็นอันตรายกับเราได้ ใจที่ฝึกได้อย่างนี้จะเป็นใจที่คุ้มครองตัวเองได้ ตรงที่ว่าตัวอยู่ตรงไหนใจก็อยู่ตรงนั้น ตัวอยู่ตรงไหนใจอยู่ตรงนั้น เป็นหนึ่งเดียวด้วยกัน นอกจากจะเป็นปัจจุบัน ไม่ฟุ้งซ่านไปในอดีต ไม่ปรุงคิดไปในอนาคตแล้ว โอกาสที่จะรับข้อมูลที่เข้ามาใจชีวิตได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยก็มีมากขึ้น การจะแก้ปัญหาย่อมต้องดี ต้องพิเศษ เพราะว่าใจเห็นตามความเป็นจริง วิธีแก้ปัญหาก็ต้องเที่ยงธรรม ได้ผลเต็มเม็ดเต็มหน่วย
วัดวรนาถบรรพต (วัดเขากบ)
อ.เมืองนครสวรรค์
5 พ.ค. 2550
ไม่มีความเห็น