ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะไม่ค่อยชอบออกสังคมที่ไม่คุ้นเคยเลย ชอบอยู่บ้านสบายๆ แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ แถมเวลาไปไหนก็ให้ความสนใจต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ไม่แน่ใจว่าจากการมาเข้าอบรม Inno Fa ตั้งหลายวัน หลายเรื่อง หรือเกิดจากเริ่มเขียนบันทึกติดต่อกัน 3 สัปดาห์
เมื่อวานออกไปตะลอนนอกบ้านทั้งวัน เริ่มตั้งแต่ไปซื้อหนังสือ การบริหารคนดื้อ ของ อ.ดร.วรภัทร์ เอามาครอบครองไว้ก่อน เพราะหนังสือออกนานแล้ว หายาก เพิ่งเจอที่ ศูนย์หนังสือ จุฬา จากนั้นก็ไปกินอาหารเยอรมันเลี้ยงวันเกิดเพื่อน ระหว่างนั่งทานข้าวก็พยายามสอดแทรกสัจธรรมของชีวิตให้กับเพื่อนที่เด็กกว่า ตอนแรกกะว่าจะกลับบ้านเลย รอกลับพร้อมกับคนที่บ้านที่ขยันมาทำงานวันหยุด แต่ก็กลับไม่ได้เพราะคืนก่อน มีลูกศิษย์ของคนที่บ้านเขามาเสนอบัตรดูโอเปร่า บรรเลงโดยวง บางกอกซิมโฟนีออเคสตร้า จัดร่วมกับสถานฑูตอิตาลี
ขอโทษเถอะ จะว่าเชยก็ได้ พยายามนั่งนึกสมัยเรียนปี 2 มีวิชาหนึ่งชื่อ Art Appreciation และมีการสอนเกี่ยวกับเครื่องดนตรี ดีด สี ตี เป่า แต่จำได้กระท่อน กระแท่น สมองซีกขวาไม่ค่อยได้ทำงานเกี่ยวกับเรื่องดนตรีเลย แต่ก็ต้องไปฟังเพราะขัดคนที่อยากไปไม่ได้ แหม ก็ตั๋วฟรี ตอนแต่งตัว ก็ไม่รู้อีกว่าควรแต่งอย่างไร ไฮคลาสขนาดไหน นิสิตที่เขาเอาตั๋วมาให้บอกมาว่า แต่งสุภาพเหมือนไปทำงาน ดีนะที่เราอุตส่าห์เตรียมชุดแบบเว่อร์กว่าทำงาน แต่ก็ไม่ถึงกับไปงานราตรีสโมสร
แต่พอเข้าไปถึงบริเวณหน้างาน อยากมุดไปใต้พื้น มีฝรั่งมั่งค่าแต่งชุดผ้าไหม ผู้ชายใส่สูท คนไทยผู้หญิงก็ดูไฮโซมากๆ ตอนหลังเพิ่งมารู้ว่าเป็นคนในวงการฑูตก็เยอะ แล้วก็เพิ่งมารู้ตอนเข้างานเมื่อท่านฑูตอิตาเลียนมากล่าวความเป็นมา ว่างานนี้จัดให้สมเด็จพระพี่นาง ก็เลยเชิญ เชื้อพระวงศ์ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ แม้แต่ท่านนายกก็ไป แต่ไปตอนช่วงสองซึ่งเขามีเพลงเด็ดกั๊กไว้เล่นให้ดูเป็นพิเศษ
บอกได้ไม่อายว่าแอบนั่งหลับ ฟังไม่รู้เรื่อง ตอนนักร้องร้องภาษาอิตาเลียน ชอบเสียงผู้ชาย (Tenor) มากกว่าผู้หญิง (Suprano) เพราะดูไม่ต้องแสร้งทำหน้าตา หรือร้องเสียงผิดปกติ ใจจริงชอบสังเกตคนเล่นดนตรีมากกว่า Conductor เป็นชาวอิตาเลียนเหมือนกัน ช่วงแรกที่ฟังมัวแต่สังเกตการทำงาน การประสานงาน และทีมงาน พบว่า มีนักดนตรีทั้งหมดเกือบ 40 คน มีผู้หญิง 5 คน ใน 40 คน และเกือบหนึ่งในสามเป็นคนสีไวโอลิน เสียงที่ชอบฟังมากคือเครื่องเป่า ไม่ว่าจะเป็นฟลุต คลาริเนท หรือ แซกโซโฟน แล้วอะไรอีกเรียกไม่ถูก ส่วนเสียงไวโอลินก็มีเสน่ห์มาก
ที่แปลกใจคือ วาทยากร (conductor) ช่างมีอิทธิพลเหลือเกิน ไม่ว่านักดนตรี หรือนักร้องต้องรอสัญญาณการสื่อสารของเขา มีคนบอกว่าคนที่จะเป็นได้ ต้องมีทักษะการฟังที่ดีมากเรียกว่า หูทอง แยกเสียงดนตรีให้ออก บอกให้ได้ว่าใครควรเล่นหนักเบา เร็วหรือช้าแค่ไหน นานมาแล้วตอนเด็กๆ คิดแบบคนไม่รู้ว่า ทำง่ายๆ แค่มายืนถือไม้แกว่งไปมา ซ้าย ขวา ขึ้นลง ยังงงว่าทำไมต้องมีคนนี้ด้วย
สิ่งที่สังเกตและเรียนรู้จากการดูการแสดงของนักร้อง และฟังดนตรีในวันนี้จะเห็นได้ว่า
ถ้าใครมีโอกาส หรือมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องดนตรีมาแลกเปลี่ยนกันก็ดีนะคะ ตัวเองเริ่มจากการไปฟังเพลงแจ๊ส ตอนนี้ก็มาคลาสสิค โอเปร่า ชักติดใจ แต่ต้องไม่เสียตังค์เองเยอะๆ ยังเสียดายอยู่ค่ะ ถ้ามีตั๋วฟรียิ่งชอบ
มีวิทยุ online มาฝากค่ะ : )
สวัสดีค่ะ อ.มัทนา
ขอขอบคุณเป็นอย่างมากที่ส่ง weblink มาให้ค่ะ จะกลับไปทดลองเปิดที่บ้าน ที่ office เปิดไม่ออกค่ะ แต่อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณอีกครั้งค่ะ โอกาสหน้าแวะมาแลกเปลี่ยนกันใหม่นะคะ
ยังไม่เคยดูเลยครับพี่ส้ม แต่เป็นความไฝ่ฝันที่จะได้สัมผัสอย่างหนึ่งเลยครับ
หวังว่าคงสมหวังในเร็ววัน
จุดเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกที่เลยนะครับ ช่วงดูโอเปร่านี่ จิเป็นยังงัยบ้างครับพี่ เลยซึมซับได้ขนาดนี้
ขอบคุณที่มาแบ่งปันกันครับ